หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 024
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 024
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พวกท่านได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง พยายามทำ พยายามฝึก ฝึกตัวเราให้เกิดความเคยชิน ถ้าเรามีสติรู้กายแล้วก็รู้ใจ รู้จักอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา เจริญสติเป็นเพื่อนใจ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผลจนใจคลายออกจากขันธ์ห้า หรือว่าแยกรูปแยกนาม รู้จักควบคุมใจ รู้จักละกิเลส
แต่ละวันๆ สำรวจใจของเรา ใจของเรามีความปกติมีความสงบ ใจของเรามีความละอายเกรงกลัวต่อบาป มีความกล้าหาญในสิ่งที่ควรกล้าหาญ มีความอดทน มีตบะ สร้างตบะบารมี รู้จักให้อภัย รู้จักขยันหมั่นเพียร นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘สร้างตบะสร้างบารมี’ ให้มีให้เกิดขึ้น
ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน ละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตน เจริญพรหมวิหาร สร้างความเมตตาให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี การกระทำของเราให้ถึงพร้อม อานิสงส์บุญบารมีทางสมมติพวกเรามีโอกาสได้สร้างร่วมกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ทำบุญให้ตัวเรา ละความเกียจคร้านออกไป สร้างบุญให้กับพ่อ กับแม่ กับพี่ กับน้อง กับเพื่อน เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน แต่เราต้องพยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจในส่วนของปัญญา ที่จะรู้แจ้งเห็นจริง
คำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันธรรมเป็นลักษณะอย่างไร นี่ตรงนี้แหละ เราพยายามสร้างขึ้นมา ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ไปนึกเอาไปคิดเอา ปัญญาที่เราร่ำเรียนมาจะมากมายสูงถึงขนาดไหน อันนั้นก็เป็นปัญญาโลกีย์ ปัญญาสมมติ ไม่ใช่ปัญญาวิมุตติที่จะน้อมเข้าไปดูต้นเหตุฐานการเกิดการดับของใจ การแยก การคลายของใจ หนุนกำลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนทุกเรื่องในชีวิตตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย อันนี้ส่วนรูป อันนี้ส่วนนาม
ความเกิด ความดับของขันธ์ห้า ความเกิดความดับของใจ เราต้องเจริญสติเข้าไปเห็น ชี้เหตุชี้ผลเห็นเหตุ เห็นผลให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา ไปไหนคงมีความสุข ถ้าเราแบกตั้งแต่ความเกียจคร้าน แบกตั้งแต่ ความตระหนี่เหนียวแน่น แบกตั้งแต่กิเลส ให้กิเลสใช้การใช้งานอยู่อย่างงั้น ก็ใช้การใช้งานไม่ได้ ไปที่ไหนก็ลำบาก ลำบากตัวเรา ลำบากสถานที่ ลำบากคนอื่นเราพยายามมาขัดมาเกลา มาทำความเข้าใจ
วัดของเราแต่ละวันๆ ญาติโยมก็เข้ามาเยอะ เราต้องช่วยกันดูแลความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั่นแหละคือการปฏิบัติ ที่พัก ที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ที่ถ่ายที่เยี่ยว อันนี้เป็นระดับของสมมติ เพื่อที่จะเอื้ออำนวยไม่ให้สมมติของเราได้ลำบาก คนอื่นมาก็ได้พลอยได้รับอานิสงส์ตรงนี้ด้วย เราก็พลอยได้รับอานิสงส์ตรงนี้ด้วย ถ้าสมมติของเรายังขาดยังตก ยังขาดกะพร่องกะแพร่ง การปฏิบัติใจก็ไปยากลำบาก เราก็ต้องพยายามให้เต็มรอบ ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
เห็นว่าลูกหลานจะมาบวชเพิ่มอีกรายอยู่ อีกเยอะอยู่ ก็ช่วยกันดูแล ปลูกวางรากฐานบุญเอาไว้ให้เดินปัญญาให้ได้ ในวันข้างหน้า ค่อยสร้างสะสมบุญ สามเณรน้อยมีอะไรก็ให้บอกง่าย สอนง่าย อย่าพากันซน ให้พากันเชื่อฟังครูบาอาจารย์ ให้อาจารย์จิตร์ช่วยกันดูแล ช่วยกันดูแล ช่วยกันฝึก เป็นความเสียสละของเด็ก ฉลาดจากทางบ้าน จากพ่อจากแม่ ตัดความห่วงใยตรงนั้นมาก็นับว่าดีแล้ว แล้วก็มาฝึก มาช่วยการช่วยงาน อันโน้นอันนี้ มีความรับผิดชอบนอนดึก ทำหน้าที่รู้จักการเจริญสติได้เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี เป็นคนที่มีความเสียสละฝากฝังเอาไว้ ตั้งแต่เล็กๆ โตขึ้นไปก็จะได้ จิตใจก็จะได้คลายได้เร็วได้ไว เดินปัญญาขั้นสูงได้เร็วได้ไว
ถ้าไม่สร้างสะสมตั้งแต่ตัวเล็กๆ โตขึ้นไปก็คลายได้ยากเหมือนกัน ทุกคนคงเหมือนกันหมดนั่นแหละ แต่ละวันตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เปรียบเทียบตั้งแต่เป็นเด็ก จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้ จิตใจของเรามีความเสียสละเป็นผู้ให้ เป็นผู้ช่วยเหลือเพื่ออนุเคราะห์ เป็นผู้ที่ฝักใฝ่สนใจ จิตใจก็จะปล่อยวางได้เร็วได้ไว เดินปัญญาขั้นสูงได้เร็วได้ไว ก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำอยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
แต่ละวันๆ สำรวจใจของเรา ใจของเรามีความปกติมีความสงบ ใจของเรามีความละอายเกรงกลัวต่อบาป มีความกล้าหาญในสิ่งที่ควรกล้าหาญ มีความอดทน มีตบะ สร้างตบะบารมี รู้จักให้อภัย รู้จักขยันหมั่นเพียร นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘สร้างตบะสร้างบารมี’ ให้มีให้เกิดขึ้น
ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน ละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตน เจริญพรหมวิหาร สร้างความเมตตาให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี การกระทำของเราให้ถึงพร้อม อานิสงส์บุญบารมีทางสมมติพวกเรามีโอกาสได้สร้างร่วมกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ทำบุญให้ตัวเรา ละความเกียจคร้านออกไป สร้างบุญให้กับพ่อ กับแม่ กับพี่ กับน้อง กับเพื่อน เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน แต่เราต้องพยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจในส่วนของปัญญา ที่จะรู้แจ้งเห็นจริง
คำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันธรรมเป็นลักษณะอย่างไร นี่ตรงนี้แหละ เราพยายามสร้างขึ้นมา ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ไปนึกเอาไปคิดเอา ปัญญาที่เราร่ำเรียนมาจะมากมายสูงถึงขนาดไหน อันนั้นก็เป็นปัญญาโลกีย์ ปัญญาสมมติ ไม่ใช่ปัญญาวิมุตติที่จะน้อมเข้าไปดูต้นเหตุฐานการเกิดการดับของใจ การแยก การคลายของใจ หนุนกำลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนทุกเรื่องในชีวิตตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย อันนี้ส่วนรูป อันนี้ส่วนนาม
ความเกิด ความดับของขันธ์ห้า ความเกิดความดับของใจ เราต้องเจริญสติเข้าไปเห็น ชี้เหตุชี้ผลเห็นเหตุ เห็นผลให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา ไปไหนคงมีความสุข ถ้าเราแบกตั้งแต่ความเกียจคร้าน แบกตั้งแต่ ความตระหนี่เหนียวแน่น แบกตั้งแต่กิเลส ให้กิเลสใช้การใช้งานอยู่อย่างงั้น ก็ใช้การใช้งานไม่ได้ ไปที่ไหนก็ลำบาก ลำบากตัวเรา ลำบากสถานที่ ลำบากคนอื่นเราพยายามมาขัดมาเกลา มาทำความเข้าใจ
วัดของเราแต่ละวันๆ ญาติโยมก็เข้ามาเยอะ เราต้องช่วยกันดูแลความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั่นแหละคือการปฏิบัติ ที่พัก ที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ที่ถ่ายที่เยี่ยว อันนี้เป็นระดับของสมมติ เพื่อที่จะเอื้ออำนวยไม่ให้สมมติของเราได้ลำบาก คนอื่นมาก็ได้พลอยได้รับอานิสงส์ตรงนี้ด้วย เราก็พลอยได้รับอานิสงส์ตรงนี้ด้วย ถ้าสมมติของเรายังขาดยังตก ยังขาดกะพร่องกะแพร่ง การปฏิบัติใจก็ไปยากลำบาก เราก็ต้องพยายามให้เต็มรอบ ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
เห็นว่าลูกหลานจะมาบวชเพิ่มอีกรายอยู่ อีกเยอะอยู่ ก็ช่วยกันดูแล ปลูกวางรากฐานบุญเอาไว้ให้เดินปัญญาให้ได้ ในวันข้างหน้า ค่อยสร้างสะสมบุญ สามเณรน้อยมีอะไรก็ให้บอกง่าย สอนง่าย อย่าพากันซน ให้พากันเชื่อฟังครูบาอาจารย์ ให้อาจารย์จิตร์ช่วยกันดูแล ช่วยกันดูแล ช่วยกันฝึก เป็นความเสียสละของเด็ก ฉลาดจากทางบ้าน จากพ่อจากแม่ ตัดความห่วงใยตรงนั้นมาก็นับว่าดีแล้ว แล้วก็มาฝึก มาช่วยการช่วยงาน อันโน้นอันนี้ มีความรับผิดชอบนอนดึก ทำหน้าที่รู้จักการเจริญสติได้เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี เป็นคนที่มีความเสียสละฝากฝังเอาไว้ ตั้งแต่เล็กๆ โตขึ้นไปก็จะได้ จิตใจก็จะได้คลายได้เร็วได้ไว เดินปัญญาขั้นสูงได้เร็วได้ไว
ถ้าไม่สร้างสะสมตั้งแต่ตัวเล็กๆ โตขึ้นไปก็คลายได้ยากเหมือนกัน ทุกคนคงเหมือนกันหมดนั่นแหละ แต่ละวันตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เปรียบเทียบตั้งแต่เป็นเด็ก จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้ จิตใจของเรามีความเสียสละเป็นผู้ให้ เป็นผู้ช่วยเหลือเพื่ออนุเคราะห์ เป็นผู้ที่ฝักใฝ่สนใจ จิตใจก็จะปล่อยวางได้เร็วได้ไว เดินปัญญาขั้นสูงได้เร็วได้ไว ก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำอยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ