หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 106

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 106
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 106
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ พระธรรมเทศนา ปี 2562 ลำดับที่ 106
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 29 กันยายน 2562

ขอให้ญาติโยมทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง หรือว่ามีตั้งแต่ความคิดความปรุงแต่ง นั่งตามสบาย วางกายให้สบายแล้วก็วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย

ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุดหายไป ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเราก็ชัดเจน นั่นแหละ 'ความรู้ตัว' ตั้งแต่ตื่นขึ้นเราได้สร้างขึ้นมาแล้วหรือยัง นั่งตามสบายนะไม่ต้องพนมมือ วางใจวางกายให้สบาย กายก็จะได้ผ่อนคลาย ทีนี้ใจของเราก็จะได้หยุดพักผ่อน ความรู้ตัวของเราก็จะชัดเจน

ก่อนที่เราจะรู้ความจริงได้เราก็ต้องมาเจริญสติตามแนวทางของพระพุทธองค์ รู้ให้ชัดเจนว่าอะไรคือความระลึกรู้ตัวขณะลมหายใจเข้าหายใจออก เขาเรียกว่า 'ปัจจุบันธรรม' ทุกขณะลมหายใจเข้าหายใจออกให้ต่อเนื่องเชื่อมโยง ถ้าเรารู้นิดๆ หน่อยๆ ก็เพียงแค่นิดๆ หน่อยๆ กำลังสติของเราก็ไปใช้การใช้งานไม่ได้ ปัญญาเก่าที่เกิดจากใจเกิดจากขันธ์ห้าเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เขาก็หาเหตุหาผลเพราะว่าความหลง เขาหลงมานาน

ความเกิดของใจนั่นแหละ คือความหลงอันละเอียดที่สุด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ทีนี้ในเมื่อเขาได้มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์คือร่างกายของเรา มาสร้างขันธ์ห้า อาการ 32 ยืมธาตุดินน้ำลมไฟของธรรมชาติเข้ามาก่อร่างสร้างตัวเป็นตัวเป็นตน แล้วก็มายึดมาติดเขาเรียกว่า ‘ภพมนุษย์’

พระพุทธองค์ท่านได้มาตรัสรู้อยู่ในภพของมนุษย์ ที่จะดำเนินเดินทางให้รู้แจ้งเห็นจริงในเรื่องของชีวิต จนท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผย มาจำแนกแจกแจง ด้วยการดำเนินตามทางในอริยมรรคในองค์แปด คือ ‘สัมมาทิฏฐิ-ความเห็นถูก’ เราอาจจะเห็นถูกระดับของโลก ของสมมติ ของโลกีย์ ว่าอันนี้ก็ตัวเราของเรา พี่น้องของเราทรัพย์สินของเรา อันนี้เป็นเพียงแค่สมมติ

ทีนี่เราต้องมาดูสมมติ คือกายของเรา อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ทำอย่างไรเราถึงจะรู้ตรงนี้ ท่านถึงได้ให้เจริญสติมาสร้างความรู้ตัวแล้วก็ให้ต่อเนื่อง แล้วก็ให้รู้เท่ารู้ทันรู้ลักษณะของใจ รู้การเกิดการดับของใจจนใจคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งภาษาธรรมท่านเรียกว่า 'แยกรูปแยกนาม'

ส่วนนามธรรมก็รู้ด้วยอาการของปัญญา ส่วนรูปก็ร่างกายของเรา รูปทำหน้าที่อย่างนี้ ใจ หรือว่าวิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างนี้ หรือว่าวิญญาณในขันธ์ห้าที่ท่านว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เขารวมกันได้อย่างไร แต่พวกเรามองเห็นเป็นก้อน ไปทั้งก้อน ทุกข์ทั้งก้อน ทั้งทุกข์ทั้งสุขทั้งเฉยๆ รวมกันอยู่ปะปนกันอยู่

ท่านให้มาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ จนกำลังสติของเราเอาไปใช้การใช้งานอบรมใจของเราได้ ใจของเราอยู่ในโอวาทของสติปัญญาได้ จนใจคลายได้ ตามดูรู้เห็นความเป็นจริงได้ ใจเขาถึงจะยอมปล่อยยอมวาง ไม่ใช่ว่าเขาจะวางง่ายๆ ส่วนมากก็จะได้ว็อบๆ แว็บๆ ได้นิดๆ หน่อยๆ ตามดูไม่ถึงต้นเหตุกลางเหตุปลายเหตุทุกเรื่อง ก็เลยยากที่จะปล่อย ยากที่จะวางได้

ส่วนศรัทธาในการทำบุญให้ทาน ศรัทธาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยตรงนี้มีอยู่ แต่เราก็ต้องพยายามดำเนินให้มีให้ปรากฏขึ้นที่ใจ แล้วก็รู้จักขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา เป็นเรื่องของเราเองไม่ใช่เรื่องของคนอื่น แต่ส่วนมากก็เอาตั้งแต่เรื่องของคนอื่นมาทับถมดวงใจตัวเอง

ทำหน้าที่ของเราให้ดีทั้งโลกทั้งธรรม ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ไม่ใช่ว่าจะไปปล่อยปละละเลย ถ้าเรารู้แจ้งเห็นจริงจะสนุก สนุก..ทำไมถึงว่าสนุก เพราะว่ากิเลสแต่ละตัวมันจะมาหลอกเราได้หรือไม่ ใจของเราหลงหรือเปล่า กิเลสหยาบหรือว่ากิเลสละเอียด กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือว่าเกิดขึ้นที่ใจ ถ้าเรายังแยกแยะไม่ได้เราก็ไม่รู้ความเป็นจริง ทุกเรื่อง... รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ ก็จะคอยเป็นอาจารย์ตรวจสอบเรา คอยสอบอารมณ์เรา สติที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละเราจะคอยตรวจสอบใจของเรา ว่าใจของเราเกิดกิเลสหรือว่าใจของเราเกิดความยินดียินร้าย ทำไมใจถึงเกียจคร้าน ทำไม...

เราตรวจดูความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเสียสละ ความอดทน จากภายนอก ทั้งภายนอกทั้งภายใน ความอดทนอดกลั้น รู้จักให้อภัยอโหสิกรรม รู้จักขัดเกลากิเลส เป็นคนช่างสังเกต เราเจริญสติสังเกตวิเคราะห์ รู้ไม่ทันก็เริ่มใหม่ๆ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ถ้าแสวงหาที่อื่นไม่เจอ ต้องลงที่กายของเราอย่างเดียว ลงที่กายของเราอย่างเดียว

ส่วนมากปฏิบัติฝึกหัดปฏิบัติ ถ้าเก็บผักก็คือเด็ดยอดผักบุ้งเด็ดยอดตำลึง ยิ่งเด็ดเท่าไหร่ยิ่งแตกกระจายไปเป็นทวีคูณ ไม่เจริญสติสาวลึกลงไปที่ต้นเหตุคือการก่อตัวยังไง การเกิดยังไง การรวมได้อย่างไร เขาเรียกว่าสาว หรือว่าสังเกตวิเคราะห์ให้ถึงแก่น ให้รู้แก่นเห็นแก่น รู้จักจุดปล่อยจุดวาง มันก็เอาตั้งแต่ต้นเหตุได้ กลางเหตุปลายเหตุมันก็หยุดชะงักลงไปหมด ความเกิดเล็กๆ น้อยๆ ความอยากความเกิดของใจเราดับตั้งแต่ตัวน้อยๆ ใจมันจะไปเกิดได้ยังไง ตัวใหญ่มันจะเกิดได้ยังไง กิเลสตัวน้อยๆ ความเกิดความอยาก จะไปคอยดูตั้งแต่ตัวใหญ่ๆ ตัวใหญ่ๆ น่ะมันเห็นง่ายเห็นเร็ว บางทีความโกรธเกิดขึ้นมานี่มันเห็นเร็ว ความโลภ ความทะเยอทะยานอยาก ความคิดปรุงแต่ง

ไม่ใช่ว่าไม่ให้คิด ปัญญาเป็นตัวคิด อันนี้ส่วนสมอง ส่วนสมองส่วนปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ จนเอาไปใช้การใช้งานได้ทุกอย่าง แต่เวลานี้ปัญญาเขารวมกันไปหมด ซึ่งเรียกว่า 'ปัญญาของโลกีย์' เราต้องมาคลายปัญญาเก่าออก ปัญญาเก่ามีทั้งร้อย มีเต็มเปี่ยม มีล้น เราก็ต้องคลายออกจากใจของเราให้หมด เข้าสู่สภาวะเดิมคือความว่างความบริสุทธิ์ เหมือนกับคลายของเก่าออก ใจนี่จะโง่ทันที เพราะว่าใจของเราไปพึ่ง ไปพึ่งขันธ์ห้า

ปัญญาจากขันธ์ห้า ปัญญาจากการศึกษาเล่าเรียน อันนั้นไม่ใช่ว่าไม่ดีเป็นสิ่งที่ดีอยู่เหมือนกัน แต่เราต้องพลิกปัญญาโลกให้เป็นปัญญาธรรม ใจของเราคลายจากขันธ์ห้า ปัญญาที่เรามีอยู่เราก็เอาไปใช้ได้เหมือนเดิมไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้ แต่ใจของเราคลายออกรับรู้ แต่เวลานี้ใจของเราเป็นตัวบงการขันธ์ห้าเป็นตัวบงการ ทั้งใจทั้งขันธ์ห้ารวมกันไปทั้งปัญญาเป็นตัวบงการ

เราต้องมาแยกแยะให้ได้ รู้ บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น ความเป็นจริงปรากฏขึ้นที่ใจ ท่านก็ถึงบอกให้เชื่อ ไม่ใช่ว่าให้เชื่อแบบงมงาย ทุกเรื่อง ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตจนกระทั่งหมดลมหายใจ อย่าไปทิ้งบุญ บุญนี้แหละเป็นพื้นฐานในการเสียสละอันยิ่งใหญ่ เราทานออกไม่หวังไม่หลงไม่ยึด ไม่ทานด้วยความโลภ ความโกรธ ความอยาก ไม่ทานด้วยความอยาก ความหวัง เราทานด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา อานิสงส์ผลทานของเราก็เต็ม ถ้าในสิ่งที่เรารักมากเท่าไหร่โดยที่ไม่มีใจจะเข้าไปยินดีเข้าไปยึดเข้าไปติด ยิ่งอานิสงส์ยิ่งมากมาย ถึงจะมีน้อยก็อานิสงส์มากมาย ทานเพื่อให้เกิดประโยชน์ ทานกิเลส ทานความโลภความโกรธ ด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม

ใจเกิดเราก็รู้จักดับรู้จักหยุด ชี้เหตุชี้ผล ทำได้วันละเล็กละน้อยก็ยังดี ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่แก้ไขใหม่ ถ้าเราไม่ช่วยเหลือตัวเองแล้วไม่มีใครที่จะช่วยเหลือให้เราได้เลย ก็ต้องพยายามกันทั้งพระทั้งโยมทั้งชี มีธาตุสี่ ขันธ์ห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครองเหมือนกัน แต่อยู่ในต่างเพศต่างภาวะกันเท่านั้นเอง ตามความเป็นจริงก็บริสุทธิ์หมดทุกคนถ้าดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็ต้องพยายามกันนะ

อันนี้ก็ใกล้จะออกพรรษาแล้ว ใกล้จะออกพรรษาไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็จะมีงานกฐิน มีโอกาสเราก็ไปร่วมกันช่วยกัน คนละเล็กละน้อยฝากเอาไว้ให้เกิดประโยชน์ไว้กับสมมติ มีโอกาสก็มาร่วมกัน ที่วัดของเรานี้ก็วันที่ 3 พฤศจิกายน ส่วนที่ปักธงชัยวันที่ 19 ตุลา มีโอกาสก็ขอเชิญพี่น้องเราไป ที่โน่นอากาศคงจะหนาว เริ่มหนาวแล้ว บรรยากาศนี้ดีมากทีเดียว น้ำก็สมบูรณ์แบบ เจาะบาดาลอยู่หน้าผาได้น้ำ เจอแหล่งน้ำใหญ่ เจาะน้ำบาดาลใช้เครื่องปั่นทั้งวันก็ไม่หมด ใช้ได้อุดมสมบูรณ์เป็นน้ำแร่ดื่มก็ได้อาบก็ดี เป็นน้ำแร่ ใครอยากจะไปอาบไปใช้ก็ไปกัน หลวงพ่อก็จะทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดี

ทำหน้าที่ทุกสิ่งทุกอย่าง เดี๋ยวนี้กำลังทำโรงทานอยู่ โรงทานนี้ใหญ่กว่าศาลาของเราตรงนี้อยู่ จะทำโรงทานเอาไว้รองรับญาติโยมที่จะไปช่วยกันยังมหาวิหารเจดีย์ใหญ่ เดี๋ยวนี้กำลังขนหินก้อนแต่ละก้อนออกจากหลุมขึ้นไปกองเอาไว้ แล้วก็ทำโรงทานแล้วก็สร้างองค์พระใหญ่ ใกล้จะถึงเศียรแล้วแหละ ถึงคอต่อไปก็คงจะขึ้นเศียร ส่วนแม่กวนอิมก็ได้เทลาน กำลังจะเทลานอยู่ 60 คูณ 60 ตารางเมตร แล้วก็วางฐานเสร็จก็รอแม่พิมพ์ที่ช่าง กำลังทำอยู่ สูง 25 เมตร อยู่ในกลางดงดอกไม้ ต่อไปในวันข้างหน้าจะทำให้เป็นสวนดอกไม้ ดงดอกไม้ของเมืองไทย ใครไปใครมาก็จะได้ไปเที่ยวไปชม ไปกราบไปไหว้ในสิ่งที่เป็นสิริมงคล น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ห้องส้วมห้องน้ำเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์ก็จะได้ทำไปเรื่อยๆ เพราะว่าจะได้วางอนาคตไว้ให้กับชาติบ้านเมือง ต่อไปหน่วยงานต่างๆ ก็จะได้เข้าไปช่วยกัน ทั้งเบื้องบนเบื้องต่ำก็จะลงมาช่วยกันให้เป็นอานิสงส์ใหญ่เป็นบุญใหญ่ของชาติบ้านเมือง พวกเรามีโอกาสก็คงจะได้ไปเที่ยวไปชมไปช่วยกัน

ส่วนที่ขอนแก่นของเราก็ทำ ใครมีโอกาสอยากจะมาร่วมทั้งแรงกายแรงใจก็มาช่วย นำข้าวปลาอาหารพริกเขือเกลือปลาร้ามาร่วมมาทำโรงทานหรือว่าจะมาแจกทานมาช่วยกันก็มา อะไรที่จะเป็นบุญอะไรที่จะเป็นประโยชน์หลวงพ่อก็จะพาทำ ทำหลายอย่าง ทางวิหารทางศาลาปางลีลาก็จะได้ขึ้นอยู่ได้เร็ว เพราะว่ารอซื้อเหล็กใหญ่จากองค์หลวงปู่ใหญ่เสียก่อน ก็จะได้มาดำเนินสร้างวิหารครอบองค์หลวงปู่ใหญ่ปางลีลา ก็จะได้มีร่มเงาเย็นทั้งวันไม่ให้ร้อน มากราบมาไหว้ก็จะมีตั้งแต่ความสุข ใครปรารถนาอยากจะมาช่วยก็มา

แม้ตั้งแต่การอนุเคราะห์โลงศพให้กับญาติโยมทั้งใกล้ทั้งไกล ในเขตขอนแก่นของเรานี้มาเกือบหมดเลย รอบเมืองขอนแก่น มาแต่ละวันมารับเอาโลงศพวันละ 2 โลง 3 โลง วันละ 5 โลงก็มี หลวงพ่อก็อนุเคราะห์ให้ ทั้งโลงศพ 1 โลง แล้วก็ผ้าขาว 2 ชุด ผ้าไตรจีวรเพื่อที่จะไปทำชุดฌาปนกิจแล้วก็เงินช่วยเหลือในการทำพิธีเผาศพอีกศพละ 5,000 เดี๋ยวนี้ก็ได้ร่วม 2,000 แล้ว มีโอกาสอยากมาร่วมมาช่วยก็มา โลงศพก็โลงละ 700 บาท หรือผ้าไตรจีวรหรืออาจจะทั้งชุดก็ได้ ได้หมด มีโอกาสก็ขอเชิญมาร่วมกัน หรืออยากจะมาตั้งโรงทานในวันสำคัญต่างๆ ก็มา เดี๋ยวนี้หลวงพ่อกำลังปรับปรุงโรงทานอยู่ กำลังรื้อของเก่าจะทำเป็นโรงทานนั่งร้านต้นไม้ให้ร่มรื่นร่มเย็น ต่อไปในวันข้างหน้าทุกคนก็จะได้มีความสุขกัน

เอาละวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง