ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 46 วันที่ 3 มิถุนายน 2557

ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 46 วันที่ 3 มิถุนายน 2557
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 46 วันที่ 3 มิถุนายน 2557
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
ตามความเป็นจริง ชุดที่ 3 (ลำดับที่ 41-60)
ถอดความฉบับเต็ม
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 46
วันที่ 3 มิถุนายน 2557


ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักพักสักระยะหนึ่ง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็พยายามเริ่มเสียนะ อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล อย่านั่งอยู่เฉยๆ เราจงรู้ตัวเรา


การหายใจเข้าเป็นอย่างไร หายใจออกเป็นอย่างไร ลึกลงไปใจของเราปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไรอาการของใจเป็นอย่างไร ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจได้อย่างไร ใจเกิดกิเลส กำลังสติปัญญาของเราเข้าไปอบรมใจของเราได้หรือไม่


เราก็ต้องพยายามสร้างตัวรู้เข้าไปอบรมใจ ใจของเรานั้นเป็นธาตุรู้ แต่ก่อนเขาเป็นธาตุรู้ แต่เวลานี้เขาทั้งรู้ทั้งหลง เพราะว่าเขายังเกิดอยู่ เขายังปรุงยังแต่ง เขายังหลงเป็นทาสของความทะเยอทะยานอยาก


อยากในความโลภ ความโกรธ ความหลงนี่ต้องคลายเสียก่อน ถึงจะรู้ว่าหลง เจริญสติให้เชื่อมโยงให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อนถึงจะรู้ว่า แต่ก่อนเรามีตั้งแต่สติปัญญาทางโลกียะ มองเห็นตั้งแต่ความถูกตั้งแต่ภายนอกอย่างเดียว ใจยังไม่แยกไม่คลาย ยังไม่เห็นความถูกต้องภายใน เราก็ต้องพยายามหมั่นศึกษาเรา แก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเรา หมั่นพร่ำสอนเรา สตินี่แหละไปหมั่นพร่ำสอนตัวเรา


ก่อนที่จะมีสติต่อเนื่องได้ เราก็ต้องสร้างขึ้นมาเสียก่อน สร้างขึ้นมาแล้วก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง ก่อนที่จะเกิดปัญญาได้ สติต่อเนื่องแล้วก็เอาไปใช้ รู้เห็นการเกิดการดับของใจ ละกิเลสออกจากใจ ทำความเข้าใจ ชี้เหตุชี้ผลจนกลายเป็นปัญญา จากปัญญาก็จะกลายเป็นมหาปัญญา ปัญญาฝ่ายดับ ปัญญาฝ่ายเกิด ปัญญาฝ่ายทำความเข้าใจ จนกว่าใจของเราจะหลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ


การได้ยินได้ฟังได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม ตำราใบใหญ่อยู่ที่กายของเรา อยู่ที่ใจของเรา แก้ไขลงไป ทำลงไป ผิดพลาดแก้ไขใหม่ ล้มแล้วลุกขึ้นมา ทำปุ๊บจะให้ได้ปั๊บ มันก็ไม่ได้หรอก ค่อยสร้างสะสมบุญบารมีไป


ใจของเราเกิดกิเลส เราก็พยายามดับ ดับทีนั้นดับทีนี้ มันก็จะค่อยเบาบางไป ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอนกินอยู่ขับถ่าย อย่าไปโทษคนนั้นโทษคนนี้ โทษตัวเราเอง แก้ไขเราตัวเอง ปรับปรุงตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา จนมองเห็นหนทางเดิน


หนทางนั้นมีมานานแล้วแหละ พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบการเจริญสติ การแยกรูปแยกนาม สัมมาทิฏฐิ การละกิเลสหยาบ ละกิเลสละเอียดในกายของเราในใจของเรา


พยายามทำเอานะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี งานภายนอกงานสมมติ เราก็ยังสมมติของเราให้บริบูรณ์ เราก็พลอยได้อาศัยสมมตินั้นอยู่อย่างมีความสุข ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใด เราพยายามทำให้บริบูรณ์ ไปไหนมาไหน เราก็จะมีความสุข


เรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามละความเกียจคร้านออกไปเสีย สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบต่อส่วนตัว ต่อส่วนรวม มีความสมัครสมานสามัคคี จัดระบบระเบียบของกายวาจาใจของเราให้เรียบร้อย ก็จะมีตั้งแต่ความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ


พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง