ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 33 วันที่ 19 เมษายน 2557
ชื่อตอน
ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 33 วันที่ 19 เมษายน 2557
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
ตามความเป็นจริง ชุดที่ 2 (ลำดับที่ 21-40)
ถอดความฉบับเต็ม
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 33
วันที่ 19 เมษายน 2557
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติสร้างความระลึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ ทั้งที่ใจของเราก็เป็นบุญนั่นแหละ อยากได้บุญ อยากมาทำบุญ อยากเข้าวัด แต่ความอยากที่เกิดจากตัวใจนั้น เขาปิดกั้นตัวเขาเอาไว้หมด
เพียงแค่ความอยาก ความเกิด อันนี้ปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ในระดับหนึ่ง ความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดหรือว่าขันธ์ห้านั้นก็เข้ามาปรุงแต่งใจ ใจจะเคลื่อนเข้าไปรวม เขารวมกันเป็นสิ่งเดียวกันนั้น เขาปิดกั้นตัวเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง ทีนี้การเกิดกิเลสความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยากนั้นก็ปิดกั้นเอาไว้ หลายชั้น กิเลสหยาบกิเลสละเอียด
นี่แหละเราถึงให้มารู้จักการเจริญสติ รู้จักลักษณะของคำว่า ‘สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันให้ต่อเนื่อง’ ก็เพื่อที่จะเข้าไปชี้เหตุชี้ผลให้ใจมองเห็นความเป็นจริง ตามดูรู้ความหมายของความคิด ของอารมณ์ว่าเขาเกิดอย่างไร เขาไปอย่างไร ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ทำไมใจถึงเกิดความยึดมั่นถือมั่น ทำให้เกิดอัตตา
ถ้าแยกได้คลายได้แล้ว ก็จะรู้เรื่องอัตตา รู้เรื่องอนัตตา การทำความเข้าใจได้ เราก็จะเกิดปัญญาเข้าสู่วิปัสสนา ละกิเลสหยาบกิเลสละเอียด พอให้ดูรู้ต้นเหตุ ให้เห็นเสียก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างก็กระจ่างในวันข้างหน้า แต่เวลานี้กำลังสติกำลังปัญญา ความรู้ตัวของเรานี้มีน้อย แต่ส่วนมากก็มีตั้งแต่เอาปัญญาของโลก ของสมมติ ของโลกีย์ ปัญญาเก่าๆ ที่เราคิดเราทำเราพิจารณาอันนั้น เป็นปัญญาของโลกียะของสมมติ มีกันทุกคน บางคนจะมีมากมีน้อย เรามาเปลี่ยนเรามาคลายใจ มาดับความเกิด ละกิเลสที่ใจ หนุนกำลังสติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี้ ไปใช้ให้เต็มเปี่ยมให้เต็มรอบ ทำหน้าที่แทนใจของเราให้ได้ แต่เวลานี้สติมีน้อย เราต้องมาสร้าง มาทำความเข้าใจให้ได้เสียก่อน
สร้างความระลึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อกันนะ
วันที่ 19 เมษายน 2557
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติสร้างความระลึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ ทั้งที่ใจของเราก็เป็นบุญนั่นแหละ อยากได้บุญ อยากมาทำบุญ อยากเข้าวัด แต่ความอยากที่เกิดจากตัวใจนั้น เขาปิดกั้นตัวเขาเอาไว้หมด
เพียงแค่ความอยาก ความเกิด อันนี้ปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ในระดับหนึ่ง ความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดหรือว่าขันธ์ห้านั้นก็เข้ามาปรุงแต่งใจ ใจจะเคลื่อนเข้าไปรวม เขารวมกันเป็นสิ่งเดียวกันนั้น เขาปิดกั้นตัวเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง ทีนี้การเกิดกิเลสความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยากนั้นก็ปิดกั้นเอาไว้ หลายชั้น กิเลสหยาบกิเลสละเอียด
นี่แหละเราถึงให้มารู้จักการเจริญสติ รู้จักลักษณะของคำว่า ‘สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันให้ต่อเนื่อง’ ก็เพื่อที่จะเข้าไปชี้เหตุชี้ผลให้ใจมองเห็นความเป็นจริง ตามดูรู้ความหมายของความคิด ของอารมณ์ว่าเขาเกิดอย่างไร เขาไปอย่างไร ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ทำไมใจถึงเกิดความยึดมั่นถือมั่น ทำให้เกิดอัตตา
ถ้าแยกได้คลายได้แล้ว ก็จะรู้เรื่องอัตตา รู้เรื่องอนัตตา การทำความเข้าใจได้ เราก็จะเกิดปัญญาเข้าสู่วิปัสสนา ละกิเลสหยาบกิเลสละเอียด พอให้ดูรู้ต้นเหตุ ให้เห็นเสียก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างก็กระจ่างในวันข้างหน้า แต่เวลานี้กำลังสติกำลังปัญญา ความรู้ตัวของเรานี้มีน้อย แต่ส่วนมากก็มีตั้งแต่เอาปัญญาของโลก ของสมมติ ของโลกีย์ ปัญญาเก่าๆ ที่เราคิดเราทำเราพิจารณาอันนั้น เป็นปัญญาของโลกียะของสมมติ มีกันทุกคน บางคนจะมีมากมีน้อย เรามาเปลี่ยนเรามาคลายใจ มาดับความเกิด ละกิเลสที่ใจ หนุนกำลังสติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี้ ไปใช้ให้เต็มเปี่ยมให้เต็มรอบ ทำหน้าที่แทนใจของเราให้ได้ แต่เวลานี้สติมีน้อย เราต้องมาสร้าง มาทำความเข้าใจให้ได้เสียก่อน
สร้างความระลึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อกันนะ