หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 080
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 080
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียะนะ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก หยุดระงับยับยั้งความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ ละไม่ได้เด็ดขาด ฟังไปด้วยน้อมสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจมายาวๆ กายของเราก็สบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็สงบตั้งมั่นขึ้น
มีความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเวลาลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งกระทบปลายจมูกของเรา มีความรู้สึกรู้ตรงนั้นแหละ เวลาหายใจเข้าหายใจออกเราก็รู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ เราพยายามสร้างขึ้นมาให้เกิดความเคยชินตั้งแแต่ยังไม่ลุกจากที่ ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราจะรู้อะไรดีๆ เยอะ เรารู้ความปกติของใจ รู้การเกิดการดับของความคิด ใจกับอาการของใจเขารวมกันได้อย่างไร จนเกิดอัตตา จนเกิดตัวตน จนกายหนัก ใจหนัก ใจเป็นทาสของกิเลสได้อย่างไร อันนั้นเอาไว้ทีหลัง ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราถึงจะเข้าไปรู้เท่าทันตรงนั้น
เวลานี้ความรู้ตัวของเรามันขาด กระท่อนกระแท่น บางทีแทบไม่มี มีแต่ปัญญาที่เกิดจากตัวใจ เกิดจากความคิดเก่าๆ มันไปปิดกั้นของมันเอาไว้หมดเลยทีเดียว เหมือนกับเส้นผมบังภูเขา อยู่ในกายของเราแท้ๆ กลับไม่ค่อยจะรู้ กลับไม่ค่อยจะเห็น มีแต่จะไปวิ่งไขว่คว้าเอาแต่ภายนอกอย่างเดียว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ประกอบกัน ประกอบกันหมด ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติก็อาศัยกันอยู่ กายกับใจก็อาศัยกันอยู่
หลวงพ่อเพียงแค่เล่า แค่ชี้แนะวิธี พวกท่านเข้าใจในวิธีแล้วไปทำเลย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาสังเกตดูสิว่า ความคิด วิญญาณของเราก่อตัวอย่างไร อดพูด อดคิด แล้วก็สังเกตดูเขาเริ่มเกิดอย่างไร เขาปรุงแต่งได้แค่ไหน เรื่องอะไรที่มันเกิด ถ้าเรามีความรู้ตัวทั่วพร้อมที่ต่อเนื่อง ถ้าเห็นแล้วก็สนุกว่ากิเลสตัวนี้มันจะมาหลอกเรา ใจของเราจะพลั้งเผลอให้อะไรบ้าง ใจของเราอยู่ในกองบุญกองกุศล ฝักใฝ่ในบุญในกุศล ใจของเรา จริตของเราชอบอย่างไร ไปอย่างไร หมั่นสำรวจกาย สำรวจใจของเรา มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข
หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังเท่านั้นแหละ หลวงพ่อก็ผ่านมาพวกนี้ ถ้าไม่ผ่านมาก็ไม่สามารถที่จะเล่าให้พวกท่านได้ฟัง ผ่านมารู้เห็นมาอย่างนี้ ตรงตามคำสอนของพระพุทธองค์ ขันธ์ห้าเป็นของหนัก ขันธ์ห้ามันมีอะไรบ้างซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครอง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไม่เที่ยงของขันธ์ห้าเป็นอย่างไร
อะไรคือมายา ไม่มีตัวไม่มีตนเป็นลักษณะอย่างไร การเกิดการดับเป็นลักษณะอย่างไร ทำไมใจถึงเกิดความอยาก เกิดความทะยานอยาก เราดับความอยาก ดับความเกิดตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ เราก็ไล่ๆ ลงไป จนเขาก่อตัวดับลงไป เราก็จะเห็นตัวใจคือความว่าง ในความว่างมันมีอยู่ บางทีใจก็ปกติ ใจก็สงบอยู่ เราก็รู้อยู่ แต่เขาก็ยังคว่ำอยู่ เขายังไม่ได้หงาย ถ้าใจกับอาการของใจ ถ้าสติรู้เท่าทันก็จะดีดออกจากกัน เขาเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ เขาถึงเรียกว่าพลิก เขาเรียกว่าหงาย รู้ด้วย เห็นด้วย ทำความเข้าใจได้ด้วย ตัวใจก็จะเผยออกมาให้เห็นชัดเจน เกิดปีติ เกิดสุข เกิดความโล่ง เกิดความโปร่ง
ทีนี้การดับความเกิด เราดับได้ทุกเรื่องหรือไม่ เราดับบ่อยๆ ความเกิดก็จะเหือดแห้งไปๆ การดับเรียกว่า ‘การละ’ แล้วก็เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทนด้วยสติด้วยปัญญา กายของเรามีความแข็งกระด้าง เราก็ละความแข็งกระด้างกาย ใจของเรามีมลทิน มองโลกในทางที่ไม่ดี เราก็พยายามละ ให้มองแต่สิ่งที่ดีๆ ต่อไปข้างหน้า ทั้งดีทั้งไม่ดีก็ต้องละออกให้หมดบริหารด้วยปัญญา อะไรผิดอะไรถูก ทำในสิ่งที่ถูก แล้วก็ไม่ยึดไม่ติด หรือว่าทำบุญ สร้างบุญสร้างกุศลนั่นแหละ ดังที่พวกท่านพากันมาฝักไฝ่ในการมาทำบุญ ก็เป็นการสร้างเข้าพกเข้าห่อ สร้างฐานบารมีให้กับตัวเอง อย่าไปทิ้งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาอยู่ที่บ้าน เราก็พยายามทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้กับพ่อกับแม่ กับพี่กับน้อง กับเพื่อนเกิดแก่เก็บตาย ไปศึกษาที่โน่นบ้าง ไปศึกษาที่นี่บ้าง ถามครูบาอาจารย์เป็นสิ่งที่ดี ถึงเรายังไม่เข้าใจ เราก็ฟังไว้ ถึงวาระเวลาแล้วเราก็ย่อมจะเข้าใจ เราค่อยๆ สร้างสะสมบุญบารมีของเราไปเรื่อยๆ บางทีมาอยู่ที่นี่เราก็ไม่เข้าใจ ไปที่นั้นเราเข้าใจ เพราะว่ายังไม่ถึงวาระเวลาของเรา ไปต่อยอดให้ตัวเอง ไปต่อยอดไม่ว่าที่โน่นที่นี่ ทำไมเราไปอยู่ที่โน่นยังไม่เข้าใจ ไปอยู่ที่นี่ยังไม่เข้าใจ เพราะยังไม่ถึงเวลาของเรา เหมือนกับการปลูกผลหมากรากไม้ เราจะไปเร่งเขาออกดอกออกผลต้องได้เดี๋ยวนี้ ต้องออกผลวันนี้ มันเป็นไปไม่ได้ ก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ
การปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน เรามีเป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ มีความเสียสละเพียงพอหรือไม่ การเจริญสติของเราต่อเนื่องหรือไม่ การละกิเลส การดับ การละ มันก็ค่อยจะเข้มแข็ง ค่อยกล้าหาญขึ้นไปเรื่อยๆ กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร หมั่นพร่ำสอนตัวเอง แก้ไขตัวเอง ถึงเวลามันก็ย่อมจะเข้าใจ เหมือนเรารับประทานเข้าปลาอาหาร ค่อยทานไปเรื่อยๆ ถึงจุดอิ่มมันก็อิ่ม อิ่มก็รู้ว่าอิ่มเหมือนกันหมด ถ้าเรามาศึกษาให้ละเอียด ถ้าวิบากกรรมมันคลายแล้ว เราย่อมใจถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว ก็ต้องพยายามกันนะ ทุกคนก็มีบุญที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีอานิสงส์ร่วมกัน เคยสร้างบุญบารมีมาร่วมกัน ถึงได้มาสร้างบุญร่วมกัน
วันนี้ วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันมหากฐิน กฐินทานกัน วันนี้ก็มีญาติโยมมาตั้งโรงทานกันเยอะ อย่าไปปล่อยให้หิว ผ่านไปทาน ไม่ต้องกลัวอด กลัวอยาก กลัวลำบาก อานิสงส์มีมากมายเพียงพอ ทุกคนมีบุญ อย่าไปปล่อยให้อด ให้อยาก ให้หิว ทำให้ไม่อดไม่อยาก มีแต่ล้นเหลือ มีแต่จะล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ สู่เพื่อนสู่ฝูง อานิสงส์ผลบุญล้น จิตใจก็มีแต่บุญ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ ไหว้พระพร้อมๆ กันพากันไปสร้างต่อ ทำความเข้าใจนะ
มีความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเวลาลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งกระทบปลายจมูกของเรา มีความรู้สึกรู้ตรงนั้นแหละ เวลาหายใจเข้าหายใจออกเราก็รู้ให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ เราพยายามสร้างขึ้นมาให้เกิดความเคยชินตั้งแแต่ยังไม่ลุกจากที่ ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราจะรู้อะไรดีๆ เยอะ เรารู้ความปกติของใจ รู้การเกิดการดับของความคิด ใจกับอาการของใจเขารวมกันได้อย่างไร จนเกิดอัตตา จนเกิดตัวตน จนกายหนัก ใจหนัก ใจเป็นทาสของกิเลสได้อย่างไร อันนั้นเอาไว้ทีหลัง ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราถึงจะเข้าไปรู้เท่าทันตรงนั้น
เวลานี้ความรู้ตัวของเรามันขาด กระท่อนกระแท่น บางทีแทบไม่มี มีแต่ปัญญาที่เกิดจากตัวใจ เกิดจากความคิดเก่าๆ มันไปปิดกั้นของมันเอาไว้หมดเลยทีเดียว เหมือนกับเส้นผมบังภูเขา อยู่ในกายของเราแท้ๆ กลับไม่ค่อยจะรู้ กลับไม่ค่อยจะเห็น มีแต่จะไปวิ่งไขว่คว้าเอาแต่ภายนอกอย่างเดียว แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ประกอบกัน ประกอบกันหมด ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติก็อาศัยกันอยู่ กายกับใจก็อาศัยกันอยู่
หลวงพ่อเพียงแค่เล่า แค่ชี้แนะวิธี พวกท่านเข้าใจในวิธีแล้วไปทำเลย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาสังเกตดูสิว่า ความคิด วิญญาณของเราก่อตัวอย่างไร อดพูด อดคิด แล้วก็สังเกตดูเขาเริ่มเกิดอย่างไร เขาปรุงแต่งได้แค่ไหน เรื่องอะไรที่มันเกิด ถ้าเรามีความรู้ตัวทั่วพร้อมที่ต่อเนื่อง ถ้าเห็นแล้วก็สนุกว่ากิเลสตัวนี้มันจะมาหลอกเรา ใจของเราจะพลั้งเผลอให้อะไรบ้าง ใจของเราอยู่ในกองบุญกองกุศล ฝักใฝ่ในบุญในกุศล ใจของเรา จริตของเราชอบอย่างไร ไปอย่างไร หมั่นสำรวจกาย สำรวจใจของเรา มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข
หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังเท่านั้นแหละ หลวงพ่อก็ผ่านมาพวกนี้ ถ้าไม่ผ่านมาก็ไม่สามารถที่จะเล่าให้พวกท่านได้ฟัง ผ่านมารู้เห็นมาอย่างนี้ ตรงตามคำสอนของพระพุทธองค์ ขันธ์ห้าเป็นของหนัก ขันธ์ห้ามันมีอะไรบ้างซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครอง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไม่เที่ยงของขันธ์ห้าเป็นอย่างไร
อะไรคือมายา ไม่มีตัวไม่มีตนเป็นลักษณะอย่างไร การเกิดการดับเป็นลักษณะอย่างไร ทำไมใจถึงเกิดความอยาก เกิดความทะยานอยาก เราดับความอยาก ดับความเกิดตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ เราก็ไล่ๆ ลงไป จนเขาก่อตัวดับลงไป เราก็จะเห็นตัวใจคือความว่าง ในความว่างมันมีอยู่ บางทีใจก็ปกติ ใจก็สงบอยู่ เราก็รู้อยู่ แต่เขาก็ยังคว่ำอยู่ เขายังไม่ได้หงาย ถ้าใจกับอาการของใจ ถ้าสติรู้เท่าทันก็จะดีดออกจากกัน เขาเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ เขาถึงเรียกว่าพลิก เขาเรียกว่าหงาย รู้ด้วย เห็นด้วย ทำความเข้าใจได้ด้วย ตัวใจก็จะเผยออกมาให้เห็นชัดเจน เกิดปีติ เกิดสุข เกิดความโล่ง เกิดความโปร่ง
ทีนี้การดับความเกิด เราดับได้ทุกเรื่องหรือไม่ เราดับบ่อยๆ ความเกิดก็จะเหือดแห้งไปๆ การดับเรียกว่า ‘การละ’ แล้วก็เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทนด้วยสติด้วยปัญญา กายของเรามีความแข็งกระด้าง เราก็ละความแข็งกระด้างกาย ใจของเรามีมลทิน มองโลกในทางที่ไม่ดี เราก็พยายามละ ให้มองแต่สิ่งที่ดีๆ ต่อไปข้างหน้า ทั้งดีทั้งไม่ดีก็ต้องละออกให้หมดบริหารด้วยปัญญา อะไรผิดอะไรถูก ทำในสิ่งที่ถูก แล้วก็ไม่ยึดไม่ติด หรือว่าทำบุญ สร้างบุญสร้างกุศลนั่นแหละ ดังที่พวกท่านพากันมาฝักไฝ่ในการมาทำบุญ ก็เป็นการสร้างเข้าพกเข้าห่อ สร้างฐานบารมีให้กับตัวเอง อย่าไปทิ้งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาอยู่ที่บ้าน เราก็พยายามทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้กับพ่อกับแม่ กับพี่กับน้อง กับเพื่อนเกิดแก่เก็บตาย ไปศึกษาที่โน่นบ้าง ไปศึกษาที่นี่บ้าง ถามครูบาอาจารย์เป็นสิ่งที่ดี ถึงเรายังไม่เข้าใจ เราก็ฟังไว้ ถึงวาระเวลาแล้วเราก็ย่อมจะเข้าใจ เราค่อยๆ สร้างสะสมบุญบารมีของเราไปเรื่อยๆ บางทีมาอยู่ที่นี่เราก็ไม่เข้าใจ ไปที่นั้นเราเข้าใจ เพราะว่ายังไม่ถึงวาระเวลาของเรา ไปต่อยอดให้ตัวเอง ไปต่อยอดไม่ว่าที่โน่นที่นี่ ทำไมเราไปอยู่ที่โน่นยังไม่เข้าใจ ไปอยู่ที่นี่ยังไม่เข้าใจ เพราะยังไม่ถึงเวลาของเรา เหมือนกับการปลูกผลหมากรากไม้ เราจะไปเร่งเขาออกดอกออกผลต้องได้เดี๋ยวนี้ ต้องออกผลวันนี้ มันเป็นไปไม่ได้ ก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ
การปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน เรามีเป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ มีความเสียสละเพียงพอหรือไม่ การเจริญสติของเราต่อเนื่องหรือไม่ การละกิเลส การดับ การละ มันก็ค่อยจะเข้มแข็ง ค่อยกล้าหาญขึ้นไปเรื่อยๆ กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร หมั่นพร่ำสอนตัวเอง แก้ไขตัวเอง ถึงเวลามันก็ย่อมจะเข้าใจ เหมือนเรารับประทานเข้าปลาอาหาร ค่อยทานไปเรื่อยๆ ถึงจุดอิ่มมันก็อิ่ม อิ่มก็รู้ว่าอิ่มเหมือนกันหมด ถ้าเรามาศึกษาให้ละเอียด ถ้าวิบากกรรมมันคลายแล้ว เราย่อมใจถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว ก็ต้องพยายามกันนะ ทุกคนก็มีบุญที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีอานิสงส์ร่วมกัน เคยสร้างบุญบารมีมาร่วมกัน ถึงได้มาสร้างบุญร่วมกัน
วันนี้ วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันมหากฐิน กฐินทานกัน วันนี้ก็มีญาติโยมมาตั้งโรงทานกันเยอะ อย่าไปปล่อยให้หิว ผ่านไปทาน ไม่ต้องกลัวอด กลัวอยาก กลัวลำบาก อานิสงส์มีมากมายเพียงพอ ทุกคนมีบุญ อย่าไปปล่อยให้อด ให้อยาก ให้หิว ทำให้ไม่อดไม่อยาก มีแต่ล้นเหลือ มีแต่จะล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ สู่เพื่อนสู่ฝูง อานิสงส์ผลบุญล้น จิตใจก็มีแต่บุญ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ ไหว้พระพร้อมๆ กันพากันไปสร้างต่อ ทำความเข้าใจนะ