หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 073

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 073
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 073
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติสร้างความรู้ลึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พวกท่านได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เพียงแค่สร้างความรู้ตัวสัมผัสรับรู้สัมผัสทางลมหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่อง ตรงนี้ก็ยังไม่ค่อยจะทำกัน ไม่ค่อยจะสนใจกัน

แต่ความอยากจะได้ธรรม อยากจะรู้ธรรม พากันดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา แต่การกระทำ การลงมือ การสร้างความรู้ตัวมีน้อย แล้วก็ไม่ค่อยจะสนใจ สนใจในเรื่องอื่น สนใจในเรื่องอยากทำบุญ อยากได้ธรรม อยากรู้ธรรม แต่การเจริญสติ ลักษณะของสติไม่ยอมสร้างให้ต่อเนื่องมันก็ยากที่จะเข้าใจในส่วนลึกๆ ในส่วนรายละเอียด ทั้งที่ใจก็เป็นบุญอยู่นั่นแหละ แต่ใจก็ยังหลงอยู่ ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ก็ยังหลงอยู่ อันนี้เป็นแค่ความเกิดก็หลง ใจยังไม่คลายออกจากอาการของใจอีก ตรงนั้นและยิ่งหลงอย่างลุ่มลึก

เราต้องมาสร้างความรู้ตัว หรือว่ามาเจริญสติให้ต่อเนื่อง เพื่อที่จะเข้าไปคลายใจของเราออกจากอาการของความคิด ออกจากอารมณ์ คลายความหลงให้ได้เสียก่อน เราถึงจะรู้จักจุดปล่อย รู้จักจุดวาง ถ้าการเจริญสติไม่มี การทำความเข้าใจไม่มี การดับ การละกิเลสไม่มี ยากที่ใจจะเข้าถึงธรรม ยากที่จะรู้ ยากที่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทางได้ ทั้งที่ใจก็ปรารถนา ใจก็อยู่ในกองบุญอยู่ แต่ก็ยังหลงอยู่ ก็ต้องพยายาม ไม่ว่าพระว่าชี ถึงจะพูดจนปากเปียกปากแฉะกับพวกท่าน ไม่ไปทำก็เหมือนเดิม ก็ได้เพียงแค่ฟัง ก็ได้เป็นแค่พูด

ถ้าบุคคลใดที่มีปัญญาพอที่จะศึกษาทำความเข้าใจให้เข้าถึงธรมได้ การเจริญสติ ลักษณะของการสร้างความรู้ตัว การสร้างความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ ลักษณะของจิตที่ปกติ ลักษณะของจิต อาการของจิต อาการความคิด เขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดอย่างไร เขารวมกันได้อย่างไร เวลาที่เกิดกิเลส เรารู้จักควบคุม รู้จักระงับยับยั้ง รู้จักดับ การดับแล้วการละ แล้วก็เจริญพรหมวิหาร

ใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือไม่ ใจของเรามีความเห็นแก่ตัว ใจของเราเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับ ใจของเรามีความกตัญญูความกตเวที ใจของเรามีความเสียสละ ทุกสิ่งทุกอย่างมันต้องสร้างขึ้นมาให้เต็มเปี่ยม ความเกียจคร้านครอบงำหรือไม่ ความเห็นแก่ตัวเข้าครอบงำหรือไม่ เราต้องพยายามหมั่นน้อมเข้าไปดู เข้าไปพิจารณา เข้าไปแก้ไขตัวเองตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าจะให้คนโน้นบังคับคนนี้บังคับ จะไปปฏิบัติธรรมที่โน่น ไปปฏิบัติธรรมที่นี่ ก็อยู่ที่กายของเรานี่แหละ

การเจริญสติ การวิเคราะห์ การสำรวจ การตรวจตราอยู่ตลอดเวลาทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก อันนี้เป็นส่วนรูปธรรม อันนี้เป็นส่วนโลกธรรม อันนี้เป็นส่วนนามธรรมลักษณะของนาม มันมีอยู่หมดทุกอย่างนั่นแหละ เว้นเสียแต่ว่าเราจะเจริญสติให้ต่อเนื่องเข้าไปสำรวจหรือไม่ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นปิดบังอำพรางตัวเองไว้แน่นหนามากทีเดียว ถ้าบุคคลที่ไม่มีความขยันหมั่นเพียรที่ถูกทางที่ถูกต้อง ยากที่จะเข้าถึง แต่ก็เป็นการเดินอยู่ในเส้นทางของกองบุญ แต่จะให้ถึงจุดหมายปลายทางนั้น ก็ต้องเป็นบุคคลที่มีความขยันหมั่นเพียร เป็นบุคคลที่มีความเสียสละให้หมดจดจริงๆ ออกให้หมดจากใจของเรา แม้แต่การเกิดของใจก็ยังไม่ให้มี

การเกิดของจิตด้วย ว่าจิตส่งออกไปภายนอก ก็รู้จักระงับยับยั้ง หนุนกำลังสติปัญญาไปใช้ตลอดเวลา เข้าไปทำหน้าที่ตลอดเวลา เราก็จะเข้าใจในหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ท่านสอนเรื่องอัตตา เรื่องอนัตตา ลักษณะของอัตตา ลักษณะของอนัตตาเป็นอย่างไร เขาก็อยู่ด้วยกันนั่นแหละ ลักษณะของขันธ์ห้า การจำแนกแจกแจงของขันธ์ห้าเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งมีตัวใจเป็นหลัก หรือว่าตัววิญญาณที่เข้ามาครอบครอง เข้ามาสร้างสร้างภพสร้างชาติ แล้วก็เป็นทาสของกิเลส ทาสของความทะเยอทะยานอยาก

ในหลักธรรมนั้น ท่านให้ละทั้งความอยากและก็ความไม่อยาก ละความอยาก ละความหวัง บริหารด้วยปัญญาล้วนๆ แต่เวลานี้สติปัญญาของเราที่มีอยู่ เพียงแค่สติปัญญาของโลกียะ ของสมมติ สติปัญญาในทางธรรมมีอยู่บ้าง แต่ไม่ต่อเนื่อง เราก็ต้องพยายามทำให้ต่อเนื่องทำให้หมดจด หมดความสงสัย หมดความลังเล พิจารณารู้เห็นตามความเป็นจริง ตามดู รู้หาเหตุหาผลจนหมดทุกสิ่งทุกอย่าง จนดับความเกิดของใจได้นั่นแหละ

เชื่อมั่นในตัวเอง ได้ประกาศด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้คนอื่นเขาเที่ยวประกาศให้ เราประกาศด้วยตนเองว่าขณะที่ใจของเราเป็นอย่างไร เราละกิเลสได้มากได้น้อย กิเลสตัวไหนยังเหลืออยู่ เราก็ต้องดู กิเลสหยาบกิเลสละเอียด รู้จักสำรวมอินทรีย์ของตัวเรา ก่อนที่จะพูด ก่อนที่จะคิด แล้วก็คิดด้วยสติด้วยปัญญา แม้แต่สติปัญญาถ้าเป็นอกุศล เราก็ต้องละต้องดับอีก

ต้องพยายามบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ทุกคนมีอานิสงส์เหมือนกันหมด มีธาตุขันธ์เหมือนกันหมด อาการสามสิบสองเหมือนกันหมด มีวิญญาณมาครอบครองเหมือนกันหมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะทำความเข้าใจในรายละเอียดให้ได้ทุกเรื่องหรือไม่เท่านั้นเอง ก็ต้องพยายามนะ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง

นี่ก็ใกล้จะถึงงานกฐินก็วันที่ 23 ญาติโยมท่านใด อยากจะปวารณามาตั้งโรงทานก็มา มาปวารณาตั้งโรงทานกันเยอะ ปีนี้กฐินอาจจะลำบากไปหน่อย เพราะว่าประเทศของเราเกิดเหตุเภทภัย เกิดอุทกภัยน้ำท่วมมากมาย กฐินหลุดรอดมาได้ก็นับว่าเก่ง นั่นเป็นหลายจุดอยู่ ก็คลายไปหลายจุดอยู่ ความลำบาก หลวงพ่อก็บอกว่าให้แก้ไขปัญหาสถานการณ์เฉพาะหน้าเสียก่อน ไม่ต้องกังวล แต่ก็คลายไปเยอะ หลุดรอดมาสร้างบุญสร้างกุศลได้ก็นับว่าอานิสงส์ล้นเหลือ ก็คงจะยากอยู่เพราะว่าเป็นเหตุเภทภัยทั่วประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

เราก็มีโอกาสได้ช่วยกัน เราก็ช่วยกัน ช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ก็จะล้นออกไปช่วยเหลือหมู่คณะเพื่อนฝูง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่กิน อย่าเห็นแก่นอน เราต้องพยายามศึกษาค้นคว้าให้ถึงจุดหมายปลายทาง แล้วก็เราก็จะมีความสุข ถึงกายถึงสมมติจะลำบาก ใจของเราก็มีความสุข ก็ต้องพยายามกัน

เอาล่ะ วันนี้ก็จะเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง