หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 131

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 131
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 131
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ ตั้งแต่เช้าขึ้นมาเราได้เจริญสติสร้างความรู้ตัวให้มีให้เกิดขึ้นให้ต่อเนื่องแล้วหรือยัง เราได้สำรวจกายของเราสำรวจใจของเรา อะไรติดขัดอะไรขาดตกบกพร่อง แต่ละวันๆ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราต้องพยายามวิเคราะห์กายของเราวิเคราะห์ใจของเรา ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของเราทุกคน

ต้องเป็นบุคคลที่มีความขยัน เป็นบุคคลที่มีความรับผิดชอบ เป็นบุคคลที่มีความเสียสละ ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ยิ่งเรามาอยู่ร่วมกันรวมกันหลายคนหลายท่าน จากทางใกล้ทางไกลมาอยู่รวมกันก็ยิ่งเพิ่มความรับผิดชอบให้มากๆ จากคนน้อยๆ ก็เพิ่มเป็นคนเยอะ ความรับผิดชอบก็ต้องเยอะ ไม่อย่างงั้นก็มีตั้งแต่ความวุ่นวาย มีแต่ความถ้ามีแต่ความเห็นแก่ตัว มีแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ไปอยู่ที่ไหนก็เสียการเสียเวลา หนักตัวเองหนักคนอื่นหนักสถานที่

เราก็ต้องพยายามอะไรเราก็ช่วยกันได้เราก็ช่วยกัน อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ว่าไม่ใช่หน้าที่ของเราไม่ใช่หน้าที่ของฉัน เป็นหน้าที่ของทุกคน จนกว่าจะได้พลัดพรากจากกันนั่นแหละถึงจะได้วางสมมติวางกายได้ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างถ้าถึงกาลถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ถ้ายังไม่ถึงกาลถึงเวลาเราก็พยายามมีอะไรเราก็ช่วยกันอนุเคราะห์กัน

แต่ละวันๆ ยิ่งคนหมู่มากเข้ามาก็ยิ่งปัญหาก็เยอะภาระก็เยอะ เราเปลี่ยนภาระเป็นหน้าที่อย่าไปปล่อยปละละเลยจะได้ฝึกฝนตนเอง พระเราก็เหมือนกันมีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ หนักเอาเบาสู้ ก็ขอขอบใจทุกคน มีโอกาสได้มาอยู่ร่วมกันก็มาช่วยกันสร้างมาช่วยกันทำ มายังสมมติให้เกิดประโยชน์ พวกเรานั่นแหละได้รับประโยชน์ไม่มีใครหรอก ใครมาก็ได้รับความสุข เราก็ได้รับความสุข แล้วก็เอาไปใช้กับชีวิต ถ้าเรามามีแต่ความเกียจคร้านมีแต่ความเห็นแก่ตัวไปอยู่ที่ไหนก็หนัก แม้แต่ตัวเองก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นหนักหมู่หนักคณะหนักสังคม สารพัดอย่าง ก็ต้องพยายามนะ

การได้ยินได้ฟังได้อ่าน การเจริญสติการเจริญภาวนาก็ต้องทำ จะให้คนอื่นได้บังคับหลวงพ่อจะไม่บังคับใคร แล้วแต่อานิสงส์บุญบารมีของแต่ละบุคคล หลวงพ่อก็เพียงแค่พูดแค่ชี้แนะ ทำอย่างนี้เป็นอย่างนี้ การละกิเลสก็กิเลสของเรา การกระทำเราก็ต้องให้ถึงพร้อม ทางด้านสมมติหลวงพ่อก็อนุเคราะห์พยายามอนุเคราะห์ พยายามทำให้มีให้เกิดขึ้นให้บริบูรณ์ให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข

พวกเราเข้ามาอยู่แล้วก็มาสร้างมาสานมาดูแลต่อไม่ใช่ว่ามาทำลาย เพียงแค่ความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยเราก็พยายามทำ ตื่นเช้าขึ้นมาเรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ ขยันอยู่ในระดับไหน ความเสียสละของเราเต็มเปี่ยม ยิ่งถ้าบอกตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็น แล้วก็อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอนเขาชี้ เราต้องสอนตัวเราแก้ไขตัวเรา แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านค้นพบเอามาเปิดเผยเราก็ให้เดินตาม การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียด กายเนื้อเป็นอย่างนี้กายละเอียดเป็นอย่างนี้ การแยกรูปแยกนาม อะไรคือวิญญาณในขันธ์ห้าของเรา อะไรคือกุศลอะไรคือกองกุศล การละกิเลส การดับความเกิด มีหมด

ถ้าจะไม่เอาพูดปากเปียกปากแฉะก็ไม่สนใจ ถ้าคนจะเอาคนจะสนใจนั้นพูดนิดๆ หน่อยๆ เพียงแค่อ่านเพียงแค่ฟังแล้วอะไรถูกอะไรผิดก็รีบแก้ไขตัวเองกันที จะไม่ปิดกั้นตัวเองมีแต่จะเดินให้มันถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว สมมติก็ยังสมมติให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ ความพยายามเพียงแค่ระดับสมมติก็ยังไม่มีความรับผิดชอบกัน ไม่มีความขยันหมั่นเพียรกัน จะเอาตั้งแต่ธรรมมันจะไปได้อย่างไร เราต้องเสียสละ พยายามยังสมมติทำความเข้าใจกับสมมติ จะไปวิ่งหาตั้งแต่มันที่น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ ถ้าไม่ทำสมมติให้เป็นธรรมชาติไม่ได้หรอกไม่เหมือนกับสมัยก่อน

สมัยก่อนนั้นคนน้อยธรรมชาติเยอะ ทุกวันนี้คนเยอะทำลายธรรมชาติ มีตั้งแต่ร่อยหรอไปอยู่ที่ไหนก็มีตั้งแต่ความแห้งแล้งกันดาร ไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนกับสมัยก่อน สมัย 40 – 50 ปีก่อนโน้นยังอุดมสมบูรณ์ เดินไปที่ไหนก็มีแต่ป่ากับน้ำมีความอุดมชุ่มฉ่ำ แต่ทุกวันนี้มีแต่ความแห้งเหี่ยวแห้ง มีตั้งแต่ความลำบากเพราะว่าคนทำลายธรรมชาติ ไม่ว่าที่ไหนประเทศไหนประเทศไทยของเราก็เหมือนกัน

เรามาอยู่มาช่วยกันสร้างธรรมชาติ สมัยก่อนธรรมชาติที่วัดของเรานี่มันก็ไม่น่าอยู่น่าอาศัยเหมือนกัน ต้องมาหล่อหลอมมาช่วยกันทำมาช่วยกันสร้าง ตั้งแต่ก่อนมีตั้งแต่ป่าเพ็กป่าหนามป่าหญ้าคา พากันเผาป่ากันทุกปีทิ้งเกลื่อนกลาดกัน ไม่น่าอยู่น่าอาศัยต้องเข้ามาพัฒนา กว่าจะได้มาแต่ละชิ้นแต่ละอันมันยากแสนยากลำบาก ต้นไม้แต่ละต้นจะปลูกขึ้นมาให้ร่มเงาได้ก็ต้องอุตส่าห์สารพัดอย่าง อาศัยความเพียรอาศัยกาลอาศัยเวลาอาศัยเอาใจใส่ ที่นั่งที่นอน ที่หลับที่นอนกว่าจะมีขึ้นมาได้ แต่ละชิ้นแต่ละอันมันหนักหนาสาหัส ยังอุตส่าห์พากันช่วยพากันทำให้น่าอยู่น่าอาศัยได้

พวกเรามาอยู่ก็มาช่วยกันพัฒนาต่อ ไม่ใช่ว่ามีตั้งแต่ความเกียจคร้านงอมืองอเท้า มีตั้งแต่พากันมาทำลาย มาสร้างความเกียจคร้านให้ตัวเองมันก็ช่วยเหลือไม่ได้ คือถ้าเรารู้จักขยันหมั่นเพียร มีความเสียสละ ขัดเกลาทั้งภายนอกทั้งภายใน สมมติก็น่าอยู่น่าอาศัย ช่วยกันทุกอย่างทุกจุดหนักเอาโปสู้ ก็จะติดเป็นนิสัยของเรา

ทุกสิ่งทุกอย่างอะไรไม่ดีเราก็รีบช่วยกันแก้ไข รู้จักประหยัดมัธยัสถ์รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ไม่ใช่ว่าฟุ่มเฟือย มีแล้วก็พากันฟุ่มเฟือยสารพัดอย่าง ความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยก็พยายามช่วยกัน เราต้องชี้เราแก้ไขเราปรับปรุงตัวเรา ไปอยู่ที่ไหนถึงจะมีตั้งแต่ความเจริญ ไม่ใช่ว่าจะให้ตั้งแต่คนอื่นเขาบังคับช่วยบังคับ ช่วยบีบช่วยนั่นมันอย่างนั้นใช้การไม่ได้ เราก็ต้องพยายามเอา
นี่ก็ใกล้จะถึงวันที่ 25 งานกฐินของเรา ตอนงานกฐินวันที่ 24 ก็มีการตั้งโรงทาน วันที่ 25 ก็ได้มีการตั้งโรงทานวันถวายมหากฐินกัน มีโอกาสเราก็ได้มาร่วมกัน มาช่วยกัน แต่ละปีแต่ละปีมีครั้งหนึ่งทั่วประเทศ มีโอกาสเราก็ช่วยกันทำไม่ว่าที่ไหน ฝากเอาไว้ในใจของเราฝากเอาไว้กับสมมติ เป็นโอกาสที่ดีได้มีอานิสงส์ในการสร้างในการทำนิดๆ หน่อยๆ แม้แต่คิด คิดดีก็เป็นบุญทำดีก็เป็นบุญ มองโลกในทางที่ดี คิดดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม

ยิ่งเรามาอยู่ร่วมกันก็ยิ่งเพิ่มความสมัครสมานสามัคคี เพิ่มความเสียสละอย่างยิ่งยวด ไม่จำเป็นต้องไปพูดมาก พยายามเอาการกระทำเป็นหลัก การกระทำเป็นหลักแล้วอานิสงส์ผลประโยชน์ก็คือเกิดขึ้นตามมา เราก็รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็ต้องพยายามกัน

เอาล่ะ วันนี้เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไว้พระพร้อมๆ กัน ประกันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง