หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 028
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 028
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วก็สร้างให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ วางกายให้สบายวางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราละไม่ได้หยุดไม่ได้เด็ดขาดเราก็พยายามหยุด แล้วก็น้อมฟังวิธีอุบายในการเจริญสติ
ลองสร้างความรู้สึก ลองหายใจเขาไปยาวๆ ลึกๆ สัก 2-3 เที่ยว แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจอย่าไปเพ่งอย่าไปจดจ่อ ให้เราสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ให้ทั่วท้อง แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรา ความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรานั่นแหละเขาเรียกว่า ‘รู้กาย’ หายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ถ้ารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก ทุกคนก็หายใจกันอยู่แต่ขาดการสร้างความรู้ตัว สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันก็เลยมีบ้างไม่มีบ้าง ในหลักธรรมท่านให้มีตลอดจนเป็นอัตโนมัติจนเอาไปใช้ เอาไปทำหน้าที่รู้กาย แล้วก็รู้ใจ รู้ความปกติของใจ รู้อาการการเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของขันธ์ห้า ว่าใจกับอาการของใจนั้นเขารวมกันได้อย่างไร ทำไมใจของเราถึงปรุงแต่งส่งออกไปภายนอก ทำไมใจของเราถึงเกิดความยินดียินร้าย ทำไมใจของเราถึงเกิดกิเลส
ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะที่ต่อเนื่องเราก็จะรู้เท่าทัน รู้จักควบคุมใจ ลึกลงไปอีกเราก็สังเกต เวลาเขาเกิดเขาก่อตัวเขาเคลื่อนเข้าไปรวมกันได้อย่างไร ถ้ารู้เท่าทันเขาก็จะคลายออกจากกันอีก คือใจกับอาการของใจก็จะคลายออกจากกัน เราก็จะเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า เรื่องอะไรที่เขาเกิดเขาดับ ที่พระพุทธองค์ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เห็นความไม่เที่ยงเห็นการเกิดการดับ มันก็จะรู้รายละเอียดลงไปเรื่อยๆ
ตัวใจนี่ก็เป็นสิ่งที่แปลก เขาก็หลงมาตั้งนานหลงเกิดมาตั้งนาน หลงก่อร่างสร้างภพสร้างชาติแล้วก็หลงเป็นทาสของกิเลสมาตั้งนาน ถ้ากำลังสติไม่แหลมคมจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าใจ กำลังจะสติปัญญาของเราต้องรู้เท่าทัน รู้ด้วยเห็นด้วย หาเหตุหาผลให้ใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้นั่นแหละ ให้คลายได้ตามดูได้นั่นแหละเขาถึงจะยอมรับความเป็นจริง ก็ต้องใช้ความเพียรที่ต่อเนื่อง แล้วก็เจริญพรหมวิหารให้เต็มเปี่ยม
แต่ละวันความขยันหมั่นเพียรของเรามีหรือไม่ ความรับผิดชอบ ความเสียสละ การละกิเลส การให้อภัยทานอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี เพียงแค่ใจมันเกิด เขาเกิดอย่างไรไปอย่างไร เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เราต้องทำความเข้าใจหมด จนกระทั่งเราหมดลมหายใจนั่นแหละ อะไรคือส่วนรูปธรรม อะไรคือส่วนนามธรรม
แต่การทำบุญให้ทานทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม ทุกคนมีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งวิญญาณของเราได้มาก่อร่างสร้างภพของมนุษย์ขึ้นมาปิดบังอำพรางตัววิญญาณเอาไว้ เราต้องมาเจริญสติเข้าไปค้นคว้าลงอยู่ที่กายของเรา ก็พยายามกันนะไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี เป็นการฝึกหัดปฏิบัติตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทำความเข้าใจกับทวารทั้งหกของเรา ตาหูจมูกลิ้นกายเขาก็ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียง
โลกธรรมแปดเขาก็เป็นอยู่อย่างนั้น เราผิดพลาดตรงไหนเราก็รีบแก้ไขตัวเราเอง หมั่นพร่ำสอนตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งภายนอกภายใน สมมติภายนอกเราก็ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย คนอื่นมาก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย ไม่ใช่ว่าไปปฏิบัติธรรมที่โน่นไปปฏิบัติธรรมที่นี่ แต่ไม่เข้าใจในความหมายของการปฏิบัติ ถ้าบุคคลมีสติมีปัญญา การเจริญสติความรู้สึกตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้นะ การดับการควบคุมจิตเป็นลักษณะอย่างนี้ การสังเกตการวิเคราะห์จนใจของเราคลายออก ตามดูเราก็จะรู้เราก็จะเห็นทุกเรื่อง
แต่นี่เรารู้เป็นบางครั้งบางคราว เรารู้เมื่อเขาเกิดแล้ว เราอาจจะละได้เป็นบางสิ่งบางครั้งบางคราว แต่ในหลักธรรมต้องรู้ให้หมดทำความเข้าใจให้หมดแล้วก็ค่อยละ ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไรเราก็ยิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณทุกเรื่อง สมมติของเราอะไรเรายังขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไขเสียทำให้มันดี ส่วนจิตใจของเราขณะนี้ใจของเรามีความกังวล มีความกำหนัดยินดีในรูปรสกลิ่นเสียง หรือว่ามีความฟุ้งซ่านอะไรต่างๆ เราก็รู้จักดับรู้จักระงับ
หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ ไม่เข้าใจเท่าไรเราก็จะยิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกันไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ตราบใดที่เรายังแสวงหาอยู่เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ
ลองสร้างความรู้สึก ลองหายใจเขาไปยาวๆ ลึกๆ สัก 2-3 เที่ยว แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจอย่าไปเพ่งอย่าไปจดจ่อ ให้เราสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ให้ทั่วท้อง แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรา ความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรานั่นแหละเขาเรียกว่า ‘รู้กาย’ หายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ถ้ารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก ทุกคนก็หายใจกันอยู่แต่ขาดการสร้างความรู้ตัว สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันก็เลยมีบ้างไม่มีบ้าง ในหลักธรรมท่านให้มีตลอดจนเป็นอัตโนมัติจนเอาไปใช้ เอาไปทำหน้าที่รู้กาย แล้วก็รู้ใจ รู้ความปกติของใจ รู้อาการการเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของขันธ์ห้า ว่าใจกับอาการของใจนั้นเขารวมกันได้อย่างไร ทำไมใจของเราถึงปรุงแต่งส่งออกไปภายนอก ทำไมใจของเราถึงเกิดความยินดียินร้าย ทำไมใจของเราถึงเกิดกิเลส
ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะที่ต่อเนื่องเราก็จะรู้เท่าทัน รู้จักควบคุมใจ ลึกลงไปอีกเราก็สังเกต เวลาเขาเกิดเขาก่อตัวเขาเคลื่อนเข้าไปรวมกันได้อย่างไร ถ้ารู้เท่าทันเขาก็จะคลายออกจากกันอีก คือใจกับอาการของใจก็จะคลายออกจากกัน เราก็จะเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า เรื่องอะไรที่เขาเกิดเขาดับ ที่พระพุทธองค์ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เห็นความไม่เที่ยงเห็นการเกิดการดับ มันก็จะรู้รายละเอียดลงไปเรื่อยๆ
ตัวใจนี่ก็เป็นสิ่งที่แปลก เขาก็หลงมาตั้งนานหลงเกิดมาตั้งนาน หลงก่อร่างสร้างภพสร้างชาติแล้วก็หลงเป็นทาสของกิเลสมาตั้งนาน ถ้ากำลังสติไม่แหลมคมจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าใจ กำลังจะสติปัญญาของเราต้องรู้เท่าทัน รู้ด้วยเห็นด้วย หาเหตุหาผลให้ใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้นั่นแหละ ให้คลายได้ตามดูได้นั่นแหละเขาถึงจะยอมรับความเป็นจริง ก็ต้องใช้ความเพียรที่ต่อเนื่อง แล้วก็เจริญพรหมวิหารให้เต็มเปี่ยม
แต่ละวันความขยันหมั่นเพียรของเรามีหรือไม่ ความรับผิดชอบ ความเสียสละ การละกิเลส การให้อภัยทานอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี เพียงแค่ใจมันเกิด เขาเกิดอย่างไรไปอย่างไร เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เราต้องทำความเข้าใจหมด จนกระทั่งเราหมดลมหายใจนั่นแหละ อะไรคือส่วนรูปธรรม อะไรคือส่วนนามธรรม
แต่การทำบุญให้ทานทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม ทุกคนมีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ซึ่งวิญญาณของเราได้มาก่อร่างสร้างภพของมนุษย์ขึ้นมาปิดบังอำพรางตัววิญญาณเอาไว้ เราต้องมาเจริญสติเข้าไปค้นคว้าลงอยู่ที่กายของเรา ก็พยายามกันนะไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี เป็นการฝึกหัดปฏิบัติตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทำความเข้าใจกับทวารทั้งหกของเรา ตาหูจมูกลิ้นกายเขาก็ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียง
โลกธรรมแปดเขาก็เป็นอยู่อย่างนั้น เราผิดพลาดตรงไหนเราก็รีบแก้ไขตัวเราเอง หมั่นพร่ำสอนตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา ทั้งภายนอกภายใน สมมติภายนอกเราก็ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย คนอื่นมาก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย ไม่ใช่ว่าไปปฏิบัติธรรมที่โน่นไปปฏิบัติธรรมที่นี่ แต่ไม่เข้าใจในความหมายของการปฏิบัติ ถ้าบุคคลมีสติมีปัญญา การเจริญสติความรู้สึกตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้นะ การดับการควบคุมจิตเป็นลักษณะอย่างนี้ การสังเกตการวิเคราะห์จนใจของเราคลายออก ตามดูเราก็จะรู้เราก็จะเห็นทุกเรื่อง
แต่นี่เรารู้เป็นบางครั้งบางคราว เรารู้เมื่อเขาเกิดแล้ว เราอาจจะละได้เป็นบางสิ่งบางครั้งบางคราว แต่ในหลักธรรมต้องรู้ให้หมดทำความเข้าใจให้หมดแล้วก็ค่อยละ ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไรเราก็ยิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณทุกเรื่อง สมมติของเราอะไรเรายังขาดตกบกพร่อง เราก็รีบแก้ไขเสียทำให้มันดี ส่วนจิตใจของเราขณะนี้ใจของเรามีความกังวล มีความกำหนัดยินดีในรูปรสกลิ่นเสียง หรือว่ามีความฟุ้งซ่านอะไรต่างๆ เราก็รู้จักดับรู้จักระงับ
หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ ไม่เข้าใจเท่าไรเราก็จะยิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกันไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ตราบใดที่เรายังแสวงหาอยู่เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ