หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 106

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 106
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 106
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติทำความสงบให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา เดี๋ยวค่อยเอามาถวายก็ได้เดี๋ยวค่อยเอามาถวาย นั่งตามสบายเสียก่อนวางกายวางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ สงบสติอารมณ์สงบใจ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราดูซิ นั่งตามสบายไม่ต้องพนมมือวางกายให้สบาย

ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง พยายามสร้างให้ได้ทุกอิริยาบถ แล้วรู้จักสังเกต รู้จักวิเคราะห์รู้จักสำรวจใจของเรา ใจของเราเกิดอย่างไร ความคิดมาปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร ความรู้ตัวของเราต่อเนื่องหรือไม่ คำว่าปกติเป็นอย่างไร ศีลเป็นอย่างไร สมาธิเป็นอย่างไร ปัญญาเป็นลักษณะอย่างไร พยายามหมั่นน้อมหมั่นวิเคราะห์หมั่นสำรวจหมั่นตรวจตราอยู่ตลอดเวลา เรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ดูเราให้ได้ใช้เราให้เป็นแก้ไขตัวเราให้ได้ ไม่ใช่จะปล่อยเวลาทิ้ง

เรื่องของคนอื่นก็เป็นเรื่องของคนอื่นเขา เราเอาเรื่องของเราให้จบ เรื่องของเราจบแล้วก็เป็นส่วนที่จะอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในทางสมมติ ในทางวิมุตตินั่นก็เป็นของแต่ละบุคคล​ว่าจะแก้ไขตัวเองหรือไม่ หมั่นพร่ำสอนตัวเราเองแก้ไขตัวเราเอง อะไรคือรูปอะไรคือนาม ส่วนนามธรรม ส่วนวิญญาณหรือว่าส่วนจิตใจนั้นเป็นส่วนนาม ส่วนนามธรรมเขาเกิดๆ ดับๆ อยู่ตลอดเวลาไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติ จนกระทั่งได้เข้ามาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์มีกายเนื้อเข้ามาห่อหุ้มเอาไว้

ถ้ากำลังสติหรือว่าความรู้ตัวของเราไม่เข้มแข็งไม่เพียงพอหาเหตุหาผลไม่ถึงจุดหมายจริงๆ ก็ยากที่ตัววิญญาณเขาจะคลาย ยากที่วิญญาณเขาจะยอมรับความเป็นจริงในความไม่เที่ยง ในความเกิดความดับของอาการของขันธ์ห้า ก็ได้แต่น้อมกายน้อมใจเข้ามาอยู่ในกองบุญ สร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์สร้างอานิสงส์เขาเรียกว่าสร้างตบะสร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา

ใจของเราเกิดความโลภเราก็พยายามละความโลภ ด้วยการบริจาคด้วยการให้ด้วยการเอาออก ใจเกิดความโกรธเราก็พยายามดับความโกรธ แล้วก็ให้อภัยทานมองโลกในทางที่ดี พยายามเลือกเอาส่วนที่ดีๆ ส่วนไหนไม่ดีเราก็อย่าไปมองเถอะ มองในส่วนที่ดี ในหลักธรรมว่าทั้งดีทั้งไม่ดีก็ให้ละหมดนั่นแหละ ไม่ให้หลงไม่ให้ยึด แต่ยังสร้างความดีอยู่แต่ไม่ให้ยึดไม่ให้หลง จนใจของเราไม่เกิดนั่นแหละจนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมดา

กาย โลกธรรมแปดก็เป็นอยู่อย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเขาก็เป็นอยู่อย่างนั้นมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันปีแล้ว อยู่ในโลกของมนุษย์ มีการผลัดเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความไม่เที่ยงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทั้งสมมติภายนอกก็เป็นความไม่เที่ยง ความไม่เที่ยงภายในส่วนจิตส่วนใจ เขาเรียกว่ารอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในความคิด​รอบรู้ในอารมณ์ตรงนี้จะไม่ค่อยจะรอบรู้กัน

ถึงรู้ก็รู้นิดๆ หน่อยๆ ไม่ต่อเนื่อง เราต้องรู้ให้ต่อเนื่อง ให้รู้ด้วยเห็นด้วยตามดูได้ด้วยเข้าถึงได้ด้วย ให้ใจของเรารับรู้ คลายออกจนรับรู้นั่นนะเขาถึงจะสงบนิ่งได้ ไม่ใช่จะไปรู้คนโน้นเป็นอย่างนั้นคนนั้นเป็นอย่างนี้ อันนั้นเป็นเรื่องของคนอื่นเขา เรามาเอาเรื่องของเราให้ดีแก้ไขเราให้ดี บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น​ ตำหนิตัวเราอยู่ตลอดเวลาแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา แล้วก็รู้จักรับผิดชอบมีความเสียสละ เสียสละต่อตัวเราเองแล้วก็เสียสละต่อส่วนรวม จนกว้างขวางล้นออกไปสู่สังคมก็จะมีตั้งแต่ความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุขอยู่ หลายคนก็มีความสุข ก็ต้องพยายามกันนะ

อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความความอยากมีอยากเป็น ไม่อยากมี​ ไม่อยากเป็น​ ความคิดมันก่อตัวอย่างไร ลองลึกลงไปก็อดพูด​อดคิดสำรวมกายวาจาใจของเรา คนทั่วไปแม้แต่วาจาก็ยังควบคุมยากใจก็ควบคุมยากอีก ในหลักธรรมท่านก็ให้พยายามอด พยายามข่มตั้งแต่การเกิดของใจ อดข่มไม่ได้เราก็อดข่มทางกายอีกทางวาจาอีก อดข่มทางวาจาไม่ได้เราใช้ปัญญาหลบหนีอีก มันหลายชั้นจนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความคิดออกจากอารมณ์อีกซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’

แล้วก็ดูว่านิวรณธรรมมันเป็นลักษณะอย่างไร อีกสติพลั้งเผลออย่างไร จิตใจฟุ้งซ่านอย่างไร จิตใจของเรามีความกำหนัดยินดีในรูปรสกลิ่นเสียงหรือไม่ มลทินต่างๆ เป็นเครื่องกางกั้นจิตของเราไม่ได้รับความสงบ มองเห็นคนอื่นต่ำยกตัวเองสูง หรือว่ามองเห็นตัวเองต่ำยกคนอื่นสูง มองโลกในแง่ร้ายอคติเพ่งโทษ ไปคิดอคติต่างๆ คนโน้นเป็นอย่างนั้นคนนั้นเป็นอย่างนี้ คนนี้เขาว่าเราอย่างนั้นคนนั้นเขาว่าเราอย่างนี้ ใจของเราทั้งนั้นคิดเองตัวของเราทั้งนั้นคิดเอง

ถึงภายนอกเขาจะว่าอย่างไร เราไปห้ามคนอื่นไม่ได้หรอก ห้ามคนอื่นอย่าไปคิดนะอย่าไปพูดนะเราห้ามไม่ได้ เรามาห้ามใจของเราเสียแก้ไขที่ใจของเราเสียปรบมือข้างเดียวก็ไม่ดัง โลกเขาก็เป็นอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครคนไหนที่ไม่อยากดับทุกข์ไม่อยากหลุดพ้น ทุกคนเดินเข้าไปหาความสงบความสุข แต่จะเจริญถูกทางหรือไม่ จะเดินช้าหรือเดินเร็วหรือไม่ ถ้าเขารู้เขาคงไม่หลง นี่เขายังหลงอยู่

เราพยายามมาดูเรา เราไม่หลง เราพยายามแก้ไขปรับปรุงตัวเรา ชนะตัวเราให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น พอช่วยคนอื่นได้เราก็ช่วย ช่วยไม่ได้เราก็อุเบกขาไม่ได้ไปทุกข์ด้วยเพราะว่ากฎของไตรลักษณ์​มันเป็นอยู่อย่างนั้น ความเป็นจริงมันเป็นอยู่อย่างนั้น วิ่งตามกิเลสตัวเรา ละกิเลสตัวเราก็ยังหนักพอแรง แล้วไปแบกรับกิเลสคนโน้นคนนี้อีกมันก็หนักเข้าไปอีก ถ้าคนไม่มีสติไม่มีปัญญามันก็หนักอยู่

อะไรที่จะเป็นบุญเราก็รีบทำ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่านเราก็รีบทำ หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟัง ถ้าพวกท่านไม่ทำพวกหลวงพ่อก็ช่วยเหลือไม่ได้ หลวงพ่อก็เล่ามานี่เป็น​ 20-30 ปีแล้ว เล่าสิ่งเดียวนี่แหละไม่ได้นอกเหนือจากสิ่งนี้ ลองไปทำตามเถอะ

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมายังไม่รู้จะสิ้นสติ รู้กายรู้ลมหายใจให้ต่อเนื่อง ลึกลงไปรู้ใจ เห็นการเกิดการดับของใจ ใจคลายออกจากความคิดแยกรูปแยกนาม ความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจเป็นเรื่องอะไรบ้างที่เข้ามาปรุงแต่ง ทำไมใจของเราถึงไปหลง ถ้าตามดู​ตามรู้ตามเห็นเราก็จะเข้าใจในอนิจจังความไม่เที่ยงของขันธ์ห้า อะไรควรละ​อะไรควรเจริญ

ถ้าพูดนอกเหนือไปจากสิ่งพวกนี้แล้วก็ออกนอกกายทั้งนั้น หลวงพ่อก็จะพูดวนเวียนอยู่นี่แหละ ไปทำให้มันเห็นเถอะ เห็นจากต้นแล้วมันก็จะค่อยมองลึกๆ ลงไปกว้างขวางออกไปเรื่อยๆ จนรู้ความจริงหมดนั่นแหละ รอบรู้ในดวงจิต รอบรู้ในขันธ์ห้า รอบรู้ในโลกธรรมแล้วก็ละรู้จักการละกิเลส มันรู้แล้วเห็นแล้วทำดูได้แล้ว ก็ต้องรู้จักละ มันเป็นเรื่องของเราทุกคน ก็ต้องพยายาม

ยิ่งอยู่ด้วยกัน หลายๆ คน หลายๆ ท่านก็ยิ่งเพิ่มความสมัครสมานสามัคคี เพิ่มความเสียสละ รู้จักประหยัด​ ทุกอย่างรู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่าเอาตั้งแต่ความฟุ่มเฟือย ความเป็นระเบียบในระดับของสมมติ หลวงพ่อก็อุตส่าห์พยายามทำให้ทุกคนเพื่อที่จะให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ช่วยกันทำมาไม่รู้กี่ปี จากความไม่มีก็ทำให้มี ในเมื่อมีแล้วเราก็พยายามช่วยกันดูแลรักษา ก็เพื่อหลักของการปฏิบัติใหญ่จะไปได้เร็วได้ไวไม่ได้ลำบากกับสมมติ

สมัยก่อนยิ่งลำบากอดอยากสารพัดอย่างที่เข้ามารุมล้อม ทุกวันนี้ก็ถ้าคนเรารู้จักวิเคราะห์พิจารณา ก็จะเร่งทำความเพียรให้ได้ทุกอิริยาบถยืนเดินนั่ง​นอน​ กินอยู่ขับถ่าย เพราะว่าสมมติเราก็ไม่ได้ลำบาก ก็พยายามกันนะ

เอาล่ะวันนี้หลวงพ่อก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง