หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 097
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 097
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน นั่งตามสบายวางกายให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวหรือว่าเราได้เจริญสติแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ วางพันธะภาระหน้าที่การงานต่างๆ พวกเราก็หยุด แต่ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน ความรู้กาย รู้การหายใจเข้าออก รู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา เราได้สร้างความรู้สึกตรงนี้ขึ้นมาแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ
ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ลองดูสิ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกในหลักธรรมในภาษาธรรมท่านเรียกว่า ‘อานาปานสติ’ เราจะไปหยุดหายใจเขาไม่ได้เลยถ้าหยุดเมื่อไรก็ไปเมื่อนั้น เราพยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ให้ชัดเจน เวลาลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ ลมวิ่งออกกระทบปลายจมูกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ อย่าไปบังคับลมหายใจ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน
เราไม่เข้าใจหรือว่าความรู้สึกไม่ชัดเจน เราก็พยายามทำบ่อยๆ ทำบ่อยๆ ถ้าความรู้สึกไม่ชัดเจนเราก็สูดลมหายใจเขาไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เหมือนกับนายประตูทวารคอยนั่งดูอยู่รู้อยู่ที่ประตู รถคันไหนจะวิ่งเข้าก็มีก็รู้อยู่ รถคันไหนจะวิ่งออกก็มีก็รู้อยู่รู้อยู่ตลอดเวลา ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเราเรียกว่าเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ถ้าใจจะก่อตัวใจจะเกิดส่งออกไปภายนอก อาการของใจเป็นอย่างไร ความรู้ตัวตรงนี้ก็จะรู้เท่าทันก็จะเห็นรู้ลักษณะอาการเกิดของใจ ความคิดที่จะผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ ใจจะเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิดได้อย่างไร เขาก็จะรู้เท่าทันเขาก็จะเห็นเห็นอาการ ใจก็จะคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’
ใจก็จะว่างกายก็จะเบา เราก็จะเห็นใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่สงบเป็นอย่างไร ใจที่ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นเขาก็จะว่างโล่งโปร่ง พยายามทำความเข้าใจบ่อยๆ ทุกคนก็มีบุญ แต่การเกิดของใจนั้นมีกันทุกคน เกิดเร็วเกิดไวเพราะว่าความหลงหลงเกิด เกิดมาในภพมนุษย์ เกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ปรุงแต่งส่งไปเรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้างสารพัดเรื่อง สำหรับตัวใจก็เกิดอาการของขันธ์ห้าก็มาปรุงแต่งใจปิดไว้อีกชั้นหนึ่ง อาการของขันธ์ห้าซึ่งรวมทั้งกายเนื้อของเรา ก็ปิดดวงใจของเราหรือว่าปิดวิญญาณของเราเอาไว้
วิญญาณของเราก็มีความทะเยอทะยานอยากอีก ความอยากความยินดียินร้าย ความโลภความโกรธเข้าไปผสมโรงอีก ปิดไว้แต่ละชั้นๆๆ อย่างละแน่นหนามากทีเดียว คนที่มีบุญมีวาสนาที่ฝักใฝ่ น้อมกายน้อมใจศรัทธาเข้ามาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย และก็รู้จักการเจริญสติ รู้จักลักษณะของการเจริญสติ ลักษณะของความรู้ตัวความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ใจของเรามีความสงบมีความปกติ ไม่มีความกังวลไม่มีความฟุ้งซ่าน
ช่วงใหม่ๆ นี่สติต้องสร้างขึ้นมาให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย พอเราสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติได้ต่อเนื่องเราก็รู้จักควบคุมใจ ตามธรรมดาใจของทุกคนนี่ชอบคิดชอบเที่ยวชอบไปในที่ต่างๆ เผลอแป๊บเดียวมันคิดไปแล้ว บางทีก็เป็นเรื่องบางทีก็ไม่เป็นเรื่อง มีเพื่อนเก่าขันธ์ห้ามาปรุงแต่งอีกเขารวมกันไป คิดก็รู้ทำก็รู้ หลงอยู่ในความรู้ตรงนั้นอยู่
นอกจากปัญญาของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละ ที่ท่านค้นพบแล้วก็มาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม การเจริญสติเป็นอย่างนี้ แยกแยะแยกรูปแยกนาม การตามดูเขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง การชำระสะสางกิเลส เราสอนตัวเราไม่ได้ก็ไม่มีใครจะสอนให้เราได้เลยนอกจากตัวของเรา เรารู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักระงับยับยั้งรู้จักควบคุม ที่นั้นบ้างทีนี้บ้างขอให้ทำให้ต่อเนื่อง ยืน เดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย เราก็พยายามจัดการจัดระบบระเบียบภายในของเราให้เรียบร้อย ระบบระเบียบทั้งภายในทั้งภายนอกและโลกธรรม กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร พยายามจัดระเบียบเขาด้วยการเจริญสติด้วยการเจริญปัญญาเข้าไปจัดระเบียบเขา
ช่วงใหม่ๆ ก็อาจจะลำบากหน่อย เพราะว่าความเคยชินแบบเก่าๆ แบบโลกๆ ตัวจิตก็คิดไปโน้นบ้างคิดไปนี่บ้าง ความกังวลความกลัวสารพัดอย่างมันมาปิดกันเอาไว้ กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เขาก็หาเหตุหาผลสุดฤทธิ์สุดเดชเขาเหมือนกันมาปิดกันเอาไว้ แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ถ้ากำลังสติของเราเร็วไวแหลมคมหนักแน่นแล้วก็บารมีของเราเต็มเปี่ยม ความเสียสละของเราเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความจริงใจสัจจะของเราเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความรับผิดชอบการกระทำของเราต้องให้ถึงเต็มร้อย การกระทำด้วยสติด้วยปัญญาด้วยเหตุด้วยผล
การดับ การแยกแยะการสังเกต การตามดูหาเหตุหาผลจนใจของเรารู้ว่าเห็นตามความเป็นจริงนั่นแหละ เขามองเห็นความเป็นจริงนั่นแหละเขาถึงจะเบื่อหน่ายเขาถึงจะอุเบกขา การละกิเลสของเราก็ต้องตามมาอีก การละด้วยสติด้วยปัญญา การดับการควบคุมใจจนใจเป็นธรรมชาติ ใจไม่เกิดใจไม่มีกิเลสเขาก็ว่างเขาก็สะอาดบริสุทธิ์ เขาจะเป็นของเขาอยู่อย่างนั้น เพราะความหลงเท่านั้นแหละทำให้เขาเกิด เกิดครั้งหนึ่ง สองครั้งมากขึ้นๆ จนเอาไม่อยู่ เพราะว่าเราไม่ได้เจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนเขา ก็ไปแก้ไขเขาตั้งแต่แรกเพราะว่าเขาหลงมาตั้งนาน
เราจะมาคลายความหลงมาละกิเลสเพียงแค่วันสองวัน แค่นาทีสองนาทีมันไม่หมดจด เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจขัดเกลาใจของเราไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แม้ตั้งแต่เรื่องการอยู่การกินการขบการฉัน กายของเราหิวหรือว่าใจของเราเกิดความอยาก เป็นเรื่องของบุคคลที่จะต้องศึกษาที่จะต้องทำความเข้าใจ เรารู้จักวิธีรู้จักแนวทางเราก็รีบทำความเพียร ทำความเพียรในใจของเรานี่แหละที่กายของเรานี่แหละ กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร สติรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร สติของเราพลั้งเผลอเป็นอย่างไรอย่างไร นิวรณธรรมเข้ามาครอบงำได้อย่างไร สติพลั้งเผลอเป็นอย่างไร ใจเกิดความกังวลเกิดความฟุ้งซ่านเป็นอย่างไร
อะไรคือโลกธรรม กายของเราเข้าไปร่วมกับสิ่งต่างๆ ใจของเรารับรู้ มีให้เป็นทำให้เป็นคิดให้เป็น อะไรที่เป็นอกุศลเราก็พยายามละเสีย อะไรที่จะเป็นกุศลเราพยายามเจริญเสีย อยู่คนเดียวเราก็รู้ใจของเรา อยู่หลายคนเราก็รู้ใจของเรา อะไรคือภาระอะไรคือหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปศึกษาค้นคว้า ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์อยู่ปัจจุบันประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า ทำปัจจุบันให้ดี ก็พยายามกันนะไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ยิ่งมาอยู่ร่วมกันหลายๆ คน หลายๆ ท่าน ความรับผิดชอบความเสียสละต้องเต็มเปี่ยม อย่าให้คนอื่นได้บังคับเราต้องบังคับเคี่ยวเข็ญตัวเราแก้ไขตัวเรา อยู่ที่ไหนก็จะมีความสุข
เอาล่ะวันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อเอานะ
ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ลองดูสิ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกในหลักธรรมในภาษาธรรมท่านเรียกว่า ‘อานาปานสติ’ เราจะไปหยุดหายใจเขาไม่ได้เลยถ้าหยุดเมื่อไรก็ไปเมื่อนั้น เราพยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ให้ชัดเจน เวลาลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ ลมวิ่งออกกระทบปลายจมูกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ อย่าไปบังคับลมหายใจ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน
เราไม่เข้าใจหรือว่าความรู้สึกไม่ชัดเจน เราก็พยายามทำบ่อยๆ ทำบ่อยๆ ถ้าความรู้สึกไม่ชัดเจนเราก็สูดลมหายใจเขาไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เหมือนกับนายประตูทวารคอยนั่งดูอยู่รู้อยู่ที่ประตู รถคันไหนจะวิ่งเข้าก็มีก็รู้อยู่ รถคันไหนจะวิ่งออกก็มีก็รู้อยู่รู้อยู่ตลอดเวลา ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเราเรียกว่าเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ถ้าใจจะก่อตัวใจจะเกิดส่งออกไปภายนอก อาการของใจเป็นอย่างไร ความรู้ตัวตรงนี้ก็จะรู้เท่าทันก็จะเห็นรู้ลักษณะอาการเกิดของใจ ความคิดที่จะผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ ใจจะเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิดได้อย่างไร เขาก็จะรู้เท่าทันเขาก็จะเห็นเห็นอาการ ใจก็จะคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’
ใจก็จะว่างกายก็จะเบา เราก็จะเห็นใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่สงบเป็นอย่างไร ใจที่ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นเขาก็จะว่างโล่งโปร่ง พยายามทำความเข้าใจบ่อยๆ ทุกคนก็มีบุญ แต่การเกิดของใจนั้นมีกันทุกคน เกิดเร็วเกิดไวเพราะว่าความหลงหลงเกิด เกิดมาในภพมนุษย์ เกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ปรุงแต่งส่งไปเรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้างสารพัดเรื่อง สำหรับตัวใจก็เกิดอาการของขันธ์ห้าก็มาปรุงแต่งใจปิดไว้อีกชั้นหนึ่ง อาการของขันธ์ห้าซึ่งรวมทั้งกายเนื้อของเรา ก็ปิดดวงใจของเราหรือว่าปิดวิญญาณของเราเอาไว้
วิญญาณของเราก็มีความทะเยอทะยานอยากอีก ความอยากความยินดียินร้าย ความโลภความโกรธเข้าไปผสมโรงอีก ปิดไว้แต่ละชั้นๆๆ อย่างละแน่นหนามากทีเดียว คนที่มีบุญมีวาสนาที่ฝักใฝ่ น้อมกายน้อมใจศรัทธาเข้ามาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย และก็รู้จักการเจริญสติ รู้จักลักษณะของการเจริญสติ ลักษณะของความรู้ตัวความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ใจของเรามีความสงบมีความปกติ ไม่มีความกังวลไม่มีความฟุ้งซ่าน
ช่วงใหม่ๆ นี่สติต้องสร้างขึ้นมาให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย พอเราสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติได้ต่อเนื่องเราก็รู้จักควบคุมใจ ตามธรรมดาใจของทุกคนนี่ชอบคิดชอบเที่ยวชอบไปในที่ต่างๆ เผลอแป๊บเดียวมันคิดไปแล้ว บางทีก็เป็นเรื่องบางทีก็ไม่เป็นเรื่อง มีเพื่อนเก่าขันธ์ห้ามาปรุงแต่งอีกเขารวมกันไป คิดก็รู้ทำก็รู้ หลงอยู่ในความรู้ตรงนั้นอยู่
นอกจากปัญญาของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละ ที่ท่านค้นพบแล้วก็มาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม การเจริญสติเป็นอย่างนี้ แยกแยะแยกรูปแยกนาม การตามดูเขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง การชำระสะสางกิเลส เราสอนตัวเราไม่ได้ก็ไม่มีใครจะสอนให้เราได้เลยนอกจากตัวของเรา เรารู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักระงับยับยั้งรู้จักควบคุม ที่นั้นบ้างทีนี้บ้างขอให้ทำให้ต่อเนื่อง ยืน เดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย เราก็พยายามจัดการจัดระบบระเบียบภายในของเราให้เรียบร้อย ระบบระเบียบทั้งภายในทั้งภายนอกและโลกธรรม กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร พยายามจัดระเบียบเขาด้วยการเจริญสติด้วยการเจริญปัญญาเข้าไปจัดระเบียบเขา
ช่วงใหม่ๆ ก็อาจจะลำบากหน่อย เพราะว่าความเคยชินแบบเก่าๆ แบบโลกๆ ตัวจิตก็คิดไปโน้นบ้างคิดไปนี่บ้าง ความกังวลความกลัวสารพัดอย่างมันมาปิดกันเอาไว้ กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เขาก็หาเหตุหาผลสุดฤทธิ์สุดเดชเขาเหมือนกันมาปิดกันเอาไว้ แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ถ้ากำลังสติของเราเร็วไวแหลมคมหนักแน่นแล้วก็บารมีของเราเต็มเปี่ยม ความเสียสละของเราเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความจริงใจสัจจะของเราเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความรับผิดชอบการกระทำของเราต้องให้ถึงเต็มร้อย การกระทำด้วยสติด้วยปัญญาด้วยเหตุด้วยผล
การดับ การแยกแยะการสังเกต การตามดูหาเหตุหาผลจนใจของเรารู้ว่าเห็นตามความเป็นจริงนั่นแหละ เขามองเห็นความเป็นจริงนั่นแหละเขาถึงจะเบื่อหน่ายเขาถึงจะอุเบกขา การละกิเลสของเราก็ต้องตามมาอีก การละด้วยสติด้วยปัญญา การดับการควบคุมใจจนใจเป็นธรรมชาติ ใจไม่เกิดใจไม่มีกิเลสเขาก็ว่างเขาก็สะอาดบริสุทธิ์ เขาจะเป็นของเขาอยู่อย่างนั้น เพราะความหลงเท่านั้นแหละทำให้เขาเกิด เกิดครั้งหนึ่ง สองครั้งมากขึ้นๆ จนเอาไม่อยู่ เพราะว่าเราไม่ได้เจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนเขา ก็ไปแก้ไขเขาตั้งแต่แรกเพราะว่าเขาหลงมาตั้งนาน
เราจะมาคลายความหลงมาละกิเลสเพียงแค่วันสองวัน แค่นาทีสองนาทีมันไม่หมดจด เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจขัดเกลาใจของเราไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนตั้งแต่ตื่นขึ้นมา แม้ตั้งแต่เรื่องการอยู่การกินการขบการฉัน กายของเราหิวหรือว่าใจของเราเกิดความอยาก เป็นเรื่องของบุคคลที่จะต้องศึกษาที่จะต้องทำความเข้าใจ เรารู้จักวิธีรู้จักแนวทางเราก็รีบทำความเพียร ทำความเพียรในใจของเรานี่แหละที่กายของเรานี่แหละ กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร สติรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างไร สติของเราพลั้งเผลอเป็นอย่างไรอย่างไร นิวรณธรรมเข้ามาครอบงำได้อย่างไร สติพลั้งเผลอเป็นอย่างไร ใจเกิดความกังวลเกิดความฟุ้งซ่านเป็นอย่างไร
อะไรคือโลกธรรม กายของเราเข้าไปร่วมกับสิ่งต่างๆ ใจของเรารับรู้ มีให้เป็นทำให้เป็นคิดให้เป็น อะไรที่เป็นอกุศลเราก็พยายามละเสีย อะไรที่จะเป็นกุศลเราพยายามเจริญเสีย อยู่คนเดียวเราก็รู้ใจของเรา อยู่หลายคนเราก็รู้ใจของเรา อะไรคือภาระอะไรคือหน้าที่ที่จะต้องเข้าไปศึกษาค้นคว้า ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์อยู่ปัจจุบันประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในโลกหน้า ทำปัจจุบันให้ดี ก็พยายามกันนะไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ยิ่งมาอยู่ร่วมกันหลายๆ คน หลายๆ ท่าน ความรับผิดชอบความเสียสละต้องเต็มเปี่ยม อย่าให้คนอื่นได้บังคับเราต้องบังคับเคี่ยวเข็ญตัวเราแก้ไขตัวเรา อยู่ที่ไหนก็จะมีความสุข
เอาล่ะวันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อเอานะ