หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 061
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 061
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องกันสักพัก ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน พยายามฝึกพยายามศึกษาพยายามค้นคว้า สำรวจกายสำรวจใจของเราให้ต่อเนื่องกัน ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสนใจกันมากเลยทีเดียว ทั้งที่ใจก็เป็นบุญอยากจะได้บุญ อยากจะได้บุญอยากจะทำบุญอยู่ตลอดเวลา ใจของเรานั่นแหละคือตัวบุญ ถ้าใจสงบ ใจปกติ ความหมายภาษาธรรมเขาเรียกว่า ‘สมาธิ’ มีความสงบ สมาธิ แต่เราขาดความรู้ตัวหรือว่าสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเข้าไปดูเข้าไปวิเคราะห์ ก็เลยไม่เข้าใจในเรื่องการดำเนินชีวิต เลยดำเนินชีวิตแบบโลกๆ แบบโลกิยะ อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ ใจเป็นบุญอยู่ระดับของสมมติ
แต่การคลายความหลง การแยกรูปแยกนาม การละกิเลสออกจากใจของเรา ตรงนี้แหละสำคัญเราต้องพยายาม พยายามเจริญสติให้ต่อเนื่อง ถ้าเราเจริญสติให้ต่อเนื่องเราก็จะรู้ลักษณะของใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่มีความกังวลเป็นอย่างไร ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร ซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้าในกายของเรานี่มีอะไรบ้าง เป็นเรื่องของเราทุกคนนะ เป็นเรื่องของเราทุกคนที่จะต้องศึกษา ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องของเรา
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผย การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การคลายความหลงเป็นอย่างนี้ หลักของอริยสัจความจริงอันประเสริฐเป็นดังนี้ แนวทางหนทางการเดิน การที่จะให้ถึงจุดหมายปลายทางเป็นอย่างนี้ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ รู้ไม่เท่าทัน เราก็รู้จักดับรู้จักระงับรู้จักควบคุม
ใจที่คลายออกจากความคิดออกจากอารมณ์ เขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง แล้วก็ตามดูตามรู้ตามเห็นใจของเราก็ว่างรับรู้ เราก็จะเข้าใจในคำว่า ‘อนิจจังทุกขังอนัตตา’ ในขันธ์ห้าของเรา เข้าใจเห็นการเกิดการดับของความคิดของอารมณ์ กายเนื้อของเราเป็นอย่างนี้ วิญญาณมาอาศัยอยู่เป็นลักษณะอย่างนี้ ก็จะเห็นชัดเจน
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็ให้รู้ตัวรู้ใจทุกอิริยาบถ อย่าให้ใจของเราเกิดความอยาก ความอยาก ความยินดียินร้าย ความทะเยอทะยานอยาก อะไรติดขัดเราก็รีบแก้ไขเสียขณะที่เรายังมีลมหายใจ เจริญพรหมวิหารความเมตตา ความเสียสละเยอะๆ มองเห็นโลกในทางที่ดี คิดดีแล้วก็ทำดี ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็ยิ่งเพิ่มความสมัครสมานสามัคคี
บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น เจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของเรา ทำไมใจของเราถึงเกิดความทุกข์ ทำไมใจของเราถึงเกิดความกังวล ทำไมใจของเราถึงเป็นทาสของกิเลส เราก็พยายามขัดพยายามเกลา พยายามหัดวิเคราะห์ น้อมสำเหนียกดูอยู่บ่อยๆ ให้ได้จนเป็นอัตโนมัติ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีเวลาทุกลมหายใจเข้าออก
ทุกคนมีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทีนี้เราก็มาสร้างมาสานต่อให้ถูกทางให้ถูกวิธี ทำไมเราถึงลำบาก ทำไมเราถึงมีไม่เพียบพร้อม เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์เพิ่มความขยันหมั่นเพียร แก้ไขปรับปรุงเท่าที่เรามีโอกาสทำได้ อย่าไปปล่อยเวลาทิ้งนะมีโอกาสก็ให้รีบทำ รีบสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้นที่กายที่ใจของเรา ฝากเอาไว้ในใจของเราฝากเอาไว้กับสมมติ
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นบุญหมดถ้าเกิดประโยชน์ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์เราก็ละ อะไรที่เหตุจะทำให้ใจของเรามีความทุกข์มีความเศร้าหมอง เราก็พยายามแก้ไขเสีย ให้อยู่เหนือสมมติทำความเข้าใจกับสมมติ กายของเรานี่แหละเป็นก้อนสมมติ ใจกับกายก็มาอาศัยกันอยู่ เพียงแค่การเจริญสติ อานาปานสติ พวกเราก็ทำกันไม่ชำนาญทั้งที่หายใจมาตั้งแต่เกิด จะดูทีก็ดูได้นิดเดียวก็พลั้งเผลอแล้วก็หลงไป ดูได้นิดเดียวก็พลั้งเพลินแล้วก็หลงไป เริ่มใหม่อยู่บ่อยๆ เริ่มใหม่อยู่บ่อย ๆ จนเกิดความเคยชินจนเป็นเอง จนเป็นธรรมชาติในการดูในการรู้ในการละ สักวันหนึ่งเราก็จะมองเห็นหนทางเดิน
ทุกคนมีสติมีปัญญาในทางสมมติในทางโลกิยะ สติในทางธรรมเราต้องเจริญต้องทำต้องสร้างขึ้นมา จนเอาไปวิเคราะห์ วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราได้ มันมีไม่มากหรอกของดีอยู่ในกายของเรา ขอให้เรามีศรัทธาน้อมกายของเราเข้ามาเถอะ น้อมกายของเราเข้ามา บุคคลที่มีสติมีปัญญา รู้จักแนวทางแล้ว ยืนเดินนั่งนอนก็จะวิเคราะห์กายของตัวเรา วิเคราะห์ใจของตัวเรา ไม่ปล่อยโอกาสทิ้ง
กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจก่อตัวใจเกิดเป็นลักษณะอย่างนี้ เราดับเราควบคุมได้ตั้งแต่ต้นเหตุกลางเหตุปลายเหตุ จนกว่าจะสำรวมกายแล้วก็วาจา ลึกลงไปก็สำรวมใจ ก่อนที่จะคิด หยุดความคิดดับความคิดคลายความคิด อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม ตาทำหน้าที่อย่างไร หูทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เรารู้จักจำแนกแจกแจงแยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากดวงใจของเรา ทวารทั้งหกก็เป็นประตูเป็นทางผ่านเข้าไปถึงใจของเรา
คำว่า ‘ภาษาธรรมภาษาโลก’ สักแต่ว่าดู สักเเต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นอย่างไร พยายามทำความเข้าใจศึกษาให้เข้าใจ ก็จะมีตั้งแต่ความสุข สนุกในการดูในการรู้ในการเห็น มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ความสุขนั่นแหละคือตัวบุญ เราต้องพยายามนะ มีโอกาสก็ขอเชิญชวนทุกคนมาสร้างอานิสงส์ด้วยกันมาร่วมมาสร้างบารมีด้วยกัน หลวงพ่อก็พาให้จัดให้ทำกันอยู่ตลอดเวลา ทุกเรื่องทุกอย่างเท่าที่จะเป็นบุญ
เวลานี้ก็ช่วยกันทำสร้างพระศรีอริยเมตไตรอยู่ ซึ่งอาจารย์นิยมก็พาหมู่พาคณะพากันช่วยกันทำอยู่ ฆราวาสท่านใดมีเวลาว่างอยากจะมาช่วยกันก่อร่างสร้างองค์พระศรีอริยเมตไตรย องค์ในรูปพระที่อยู่ฝั่งตะวันตกนี่แหละ ที่ท่านเห็นนอนสบายอยู่นี่แหละ เดี๋ยวนี้กำลังขึ้นโครงร่างสร้างขั้นข้างล่างอยู่ กำลังช่วยกันก่อช่วยกันทำอยู่ ทำด้วยแรงบุญแรงศรัทธากันทุกคน ทำอย่างมีความสุขนั่นแหละ มีโอกาส โอกาสได้เปิดให้กับทุกคน มีโอกาสก็มาร่วมกันมาช่วยกัน ฝากเอาไว้กับแผ่นดินฝากเอาไว้ในใจของเรา เพื่อความเป็นสิริมงคล
อยากจะดับทุกข์ได้ละทุกข์ได้ก็เจริญตามคำสอนของพระพุทธองค์ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การควบคุมกายการควบคุมวาจาเป็นอย่างนี้ อะไรควรพูดอะไรควรคิด การละความคิด คนทั่วไปแม้ตั้งแต่วาจาก็ยังควบคุมยากนะ วาจาควบคุมวาจา อะไรที่ควรพูด พูดออกไปแล้วเป็นพิษเป็นโทษหรือไม่เป็นประโยชน์หรือไม่ เวลาไหนควรพูดหรือเวลาไหนไม่ควรพูด ลึกลงไป อะไรควรคิดอะไรไม่ควรคิด อะไรควรละอะไรควรเจริญ
ทุกเรื่องเลยในชีวิตของเรา เราต้องพยายามศึกษาให้ละเอียดไม่ได้มากก็ได้น้อย ศึกษาจากน้อยๆ พยายามทำความเข้าใจจากน้อยๆ ไปหาจนมันเต็มรอบนั่นแหละ จนรู้เห็นตามความเป็นจริง จนปล่อยวางได้อัตโนมัตินั่นแหละถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้ ไม่หลุดพ้นในวันนี้วันพรุ่งนี้ก็ต้องหลุดพ้น ไม่หลุดพ้นพรุ่งนี้ก็เดือนนี้ เดือนนี้เดือนหน้าปีหน้า ไม่หลุดพ้นจริงๆ ก็ไปต่อเอาภพหน้านั่นแหละ พยายามให้มันจบๆ ในภพนี้แหละ มันไม่จบก็ต้องได้ไปต่อเพราะว่าตราบใดที่วิญญาณยังเกิดอยู่ มันก็ต้องไปตามแรงเหวี่ยงของกรรม ขอให้เป็นกุศลกรรมจะได้มีความสุขกัน
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมพร้อมกัน พากันไปสร้างสานต่อเอานะ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสนใจกันมากเลยทีเดียว ทั้งที่ใจก็เป็นบุญอยากจะได้บุญ อยากจะได้บุญอยากจะทำบุญอยู่ตลอดเวลา ใจของเรานั่นแหละคือตัวบุญ ถ้าใจสงบ ใจปกติ ความหมายภาษาธรรมเขาเรียกว่า ‘สมาธิ’ มีความสงบ สมาธิ แต่เราขาดความรู้ตัวหรือว่าสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเข้าไปดูเข้าไปวิเคราะห์ ก็เลยไม่เข้าใจในเรื่องการดำเนินชีวิต เลยดำเนินชีวิตแบบโลกๆ แบบโลกิยะ อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ ใจเป็นบุญอยู่ระดับของสมมติ
แต่การคลายความหลง การแยกรูปแยกนาม การละกิเลสออกจากใจของเรา ตรงนี้แหละสำคัญเราต้องพยายาม พยายามเจริญสติให้ต่อเนื่อง ถ้าเราเจริญสติให้ต่อเนื่องเราก็จะรู้ลักษณะของใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ไม่มีความกังวลเป็นอย่างไร ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร ซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้าในกายของเรานี่มีอะไรบ้าง เป็นเรื่องของเราทุกคนนะ เป็นเรื่องของเราทุกคนที่จะต้องศึกษา ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องของเรา
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผย การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การคลายความหลงเป็นอย่างนี้ หลักของอริยสัจความจริงอันประเสริฐเป็นดังนี้ แนวทางหนทางการเดิน การที่จะให้ถึงจุดหมายปลายทางเป็นอย่างนี้ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ รู้ไม่เท่าทัน เราก็รู้จักดับรู้จักระงับรู้จักควบคุม
ใจที่คลายออกจากความคิดออกจากอารมณ์ เขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง แล้วก็ตามดูตามรู้ตามเห็นใจของเราก็ว่างรับรู้ เราก็จะเข้าใจในคำว่า ‘อนิจจังทุกขังอนัตตา’ ในขันธ์ห้าของเรา เข้าใจเห็นการเกิดการดับของความคิดของอารมณ์ กายเนื้อของเราเป็นอย่างนี้ วิญญาณมาอาศัยอยู่เป็นลักษณะอย่างนี้ ก็จะเห็นชัดเจน
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็ให้รู้ตัวรู้ใจทุกอิริยาบถ อย่าให้ใจของเราเกิดความอยาก ความอยาก ความยินดียินร้าย ความทะเยอทะยานอยาก อะไรติดขัดเราก็รีบแก้ไขเสียขณะที่เรายังมีลมหายใจ เจริญพรหมวิหารความเมตตา ความเสียสละเยอะๆ มองเห็นโลกในทางที่ดี คิดดีแล้วก็ทำดี ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็ยิ่งเพิ่มความสมัครสมานสามัคคี
บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น เจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของเรา ทำไมใจของเราถึงเกิดความทุกข์ ทำไมใจของเราถึงเกิดความกังวล ทำไมใจของเราถึงเป็นทาสของกิเลส เราก็พยายามขัดพยายามเกลา พยายามหัดวิเคราะห์ น้อมสำเหนียกดูอยู่บ่อยๆ ให้ได้จนเป็นอัตโนมัติ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีเวลาทุกลมหายใจเข้าออก
ทุกคนมีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทีนี้เราก็มาสร้างมาสานต่อให้ถูกทางให้ถูกวิธี ทำไมเราถึงลำบาก ทำไมเราถึงมีไม่เพียบพร้อม เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์เพิ่มความขยันหมั่นเพียร แก้ไขปรับปรุงเท่าที่เรามีโอกาสทำได้ อย่าไปปล่อยเวลาทิ้งนะมีโอกาสก็ให้รีบทำ รีบสร้างบุญให้มีให้เกิดขึ้นที่กายที่ใจของเรา ฝากเอาไว้ในใจของเราฝากเอาไว้กับสมมติ
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นบุญหมดถ้าเกิดประโยชน์ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์เราก็ละ อะไรที่เหตุจะทำให้ใจของเรามีความทุกข์มีความเศร้าหมอง เราก็พยายามแก้ไขเสีย ให้อยู่เหนือสมมติทำความเข้าใจกับสมมติ กายของเรานี่แหละเป็นก้อนสมมติ ใจกับกายก็มาอาศัยกันอยู่ เพียงแค่การเจริญสติ อานาปานสติ พวกเราก็ทำกันไม่ชำนาญทั้งที่หายใจมาตั้งแต่เกิด จะดูทีก็ดูได้นิดเดียวก็พลั้งเผลอแล้วก็หลงไป ดูได้นิดเดียวก็พลั้งเพลินแล้วก็หลงไป เริ่มใหม่อยู่บ่อยๆ เริ่มใหม่อยู่บ่อย ๆ จนเกิดความเคยชินจนเป็นเอง จนเป็นธรรมชาติในการดูในการรู้ในการละ สักวันหนึ่งเราก็จะมองเห็นหนทางเดิน
ทุกคนมีสติมีปัญญาในทางสมมติในทางโลกิยะ สติในทางธรรมเราต้องเจริญต้องทำต้องสร้างขึ้นมา จนเอาไปวิเคราะห์ วิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราได้ มันมีไม่มากหรอกของดีอยู่ในกายของเรา ขอให้เรามีศรัทธาน้อมกายของเราเข้ามาเถอะ น้อมกายของเราเข้ามา บุคคลที่มีสติมีปัญญา รู้จักแนวทางแล้ว ยืนเดินนั่งนอนก็จะวิเคราะห์กายของตัวเรา วิเคราะห์ใจของตัวเรา ไม่ปล่อยโอกาสทิ้ง
กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจก่อตัวใจเกิดเป็นลักษณะอย่างนี้ เราดับเราควบคุมได้ตั้งแต่ต้นเหตุกลางเหตุปลายเหตุ จนกว่าจะสำรวมกายแล้วก็วาจา ลึกลงไปก็สำรวมใจ ก่อนที่จะคิด หยุดความคิดดับความคิดคลายความคิด อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม ตาทำหน้าที่อย่างไร หูทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เรารู้จักจำแนกแจกแจงแยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากดวงใจของเรา ทวารทั้งหกก็เป็นประตูเป็นทางผ่านเข้าไปถึงใจของเรา
คำว่า ‘ภาษาธรรมภาษาโลก’ สักแต่ว่าดู สักเเต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นอย่างไร พยายามทำความเข้าใจศึกษาให้เข้าใจ ก็จะมีตั้งแต่ความสุข สนุกในการดูในการรู้ในการเห็น มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ความสุขนั่นแหละคือตัวบุญ เราต้องพยายามนะ มีโอกาสก็ขอเชิญชวนทุกคนมาสร้างอานิสงส์ด้วยกันมาร่วมมาสร้างบารมีด้วยกัน หลวงพ่อก็พาให้จัดให้ทำกันอยู่ตลอดเวลา ทุกเรื่องทุกอย่างเท่าที่จะเป็นบุญ
เวลานี้ก็ช่วยกันทำสร้างพระศรีอริยเมตไตรอยู่ ซึ่งอาจารย์นิยมก็พาหมู่พาคณะพากันช่วยกันทำอยู่ ฆราวาสท่านใดมีเวลาว่างอยากจะมาช่วยกันก่อร่างสร้างองค์พระศรีอริยเมตไตรย องค์ในรูปพระที่อยู่ฝั่งตะวันตกนี่แหละ ที่ท่านเห็นนอนสบายอยู่นี่แหละ เดี๋ยวนี้กำลังขึ้นโครงร่างสร้างขั้นข้างล่างอยู่ กำลังช่วยกันก่อช่วยกันทำอยู่ ทำด้วยแรงบุญแรงศรัทธากันทุกคน ทำอย่างมีความสุขนั่นแหละ มีโอกาส โอกาสได้เปิดให้กับทุกคน มีโอกาสก็มาร่วมกันมาช่วยกัน ฝากเอาไว้กับแผ่นดินฝากเอาไว้ในใจของเรา เพื่อความเป็นสิริมงคล
อยากจะดับทุกข์ได้ละทุกข์ได้ก็เจริญตามคำสอนของพระพุทธองค์ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การควบคุมกายการควบคุมวาจาเป็นอย่างนี้ อะไรควรพูดอะไรควรคิด การละความคิด คนทั่วไปแม้ตั้งแต่วาจาก็ยังควบคุมยากนะ วาจาควบคุมวาจา อะไรที่ควรพูด พูดออกไปแล้วเป็นพิษเป็นโทษหรือไม่เป็นประโยชน์หรือไม่ เวลาไหนควรพูดหรือเวลาไหนไม่ควรพูด ลึกลงไป อะไรควรคิดอะไรไม่ควรคิด อะไรควรละอะไรควรเจริญ
ทุกเรื่องเลยในชีวิตของเรา เราต้องพยายามศึกษาให้ละเอียดไม่ได้มากก็ได้น้อย ศึกษาจากน้อยๆ พยายามทำความเข้าใจจากน้อยๆ ไปหาจนมันเต็มรอบนั่นแหละ จนรู้เห็นตามความเป็นจริง จนปล่อยวางได้อัตโนมัตินั่นแหละถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้ ไม่หลุดพ้นในวันนี้วันพรุ่งนี้ก็ต้องหลุดพ้น ไม่หลุดพ้นพรุ่งนี้ก็เดือนนี้ เดือนนี้เดือนหน้าปีหน้า ไม่หลุดพ้นจริงๆ ก็ไปต่อเอาภพหน้านั่นแหละ พยายามให้มันจบๆ ในภพนี้แหละ มันไม่จบก็ต้องได้ไปต่อเพราะว่าตราบใดที่วิญญาณยังเกิดอยู่ มันก็ต้องไปตามแรงเหวี่ยงของกรรม ขอให้เป็นกุศลกรรมจะได้มีความสุขกัน
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมพร้อมกัน พากันไปสร้างสานต่อเอานะ