หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 027
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 027
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
คนเราเกิดมามันเลือกเกิดไม่ได้แล้วแต่วิบากกรรมปรุงแต่ง อยากเกิดในที่สูงก็พยายามสร้างกรรมดี ให้ถึงจุดหมายปลายทาง ถ้าไม่อยากจะเกิดก็ต้องคลายความหลงดับความเกิดให้หมดจด อยู่ด้วยสติอยู่ด้วยปัญญาอยู่ด้วยเหตุด้วยผล มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ถ้ายังเกิดอยู่ก็พยายามสร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมี ถึงดับความเกิดได้ก็ต้องสร้างอยู่เหมือนกัน เพราะว่ายิ่งดับความเกิดได้ ก็ยิ่งสนุกสร้างบุญสร้างบารมี เพราะว่าเป็นเครื่องอยู่ในระดับของสมมติ กายของเราก็ยังอาศัยปัจจัยสี่อยู่อาศัยสมมติอยู่ กายแตกดับเมื่อไรนั่นแหละเราถึงจะได้ทิ้งสมมติ
ถ้าเรายังอาศัยกายเนื้ออยู่ กายเนื้อของเราก็ยังอาศัยปัจจัยสี่อยู่ ยังอาศัยสมมติอยู่ยังอยู่กับโลกอยู่ เราต้องทำความเข้าใจ สร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมีให้เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ที่ไร่ที่นา ที่ทำการทำงาน เราก็วิเคราะห์ใจของเราไม่ให้ใจของเราเกิดความทุกข์เกิดความเครียด หมั่นทำบุญ เราก็จะเข้าใจเราก็จะอยู่กับบุญตลอดเวลา
ตื่นขึ้นมาขณะนี้ใจของเราเป็นบุญหรือไม่ เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เราก็จะได้รีบแก้ไขรีบปรับปรุง อะไรขาดตกบกพร่องเราก็จะได้รีบทำ มีโอกาสทำ ทำมากทำน้อยก็เป็นของเรา พากันดูดีๆ นะพระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโยก่อนที่จะขบก่อนที่จะฉัน กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง ใจของเราเกิดความอยากหรือไม่ กายของเราหิวหรือไม่ เราต้องหัดวิเคราะห์หัดสังเกตหัดทำความเข้าใจ
กายของเราก็หิวใจจะปรุงแต่งความอยากได้เร็วได้ไว เราก็รู้จักหยุดรู้จักระงับรู้จักดับ เราก็รู้จักวิเคราะห์พิจารณาอย่าให้ใจเกิดความทะเยอทะยานอยาก ละความอยากออกจากใจของเราไม่ว่าอยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง อยากในอาหาร จะเอาก็เอาด้วยสติเอาด้วยปัญญา กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง
ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาต้องรู้ใจ รู้ฐานของใจ รู้ความปกติของใจ ใจเกิดอย่างไร กิเลสความทะเยอทะยานอยากเกิดอย่างไร ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร ต้องหัดสังเกต หัดสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง รู้กายแล้วก็รู้ใจ อะไรควรทำ อะไรควรละอะไรควรเจริญ ไม่ใช่ว่าจะปล่อยโอกาสทิ้ง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกเรื่องพอรู้ตัวปุ๊บยังไม่ลุกจากที่ก็รู้ใจ รู้ความปกติ รู้ความสงบ เราก็จะได้ไม่ได้ปล่อยเวลาทิ้ง อะไรเป็นบุญเป็นกุศลเราก็รีบทำ บุญระดับสมมติ ระดับใกล้ระดับไกล บุญอยู่ปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีอนาคตก็จะออกมาดี
วันนี้ก็ได้มีโอกาสได้มาสร้างบุญได้มาทำบุญไถ่ชีวิตโคกัน มีโอกาสได้ร่วมไถ่ชีวิตโคกัน อย่าลืมนะ น้องหญิง น้องหญิงเฮอริเทจ เกิดภพหน้าถ้าเป็นมนุษย์ ถ้าลง ส.ส. ก็ช่วยเลือกด้วย ถ้าเจอกัน มีโอกาสคนเราเกิดเป็นสัตว์ สัตว์เกิดเป็นคน เพราะว่าภพภูมิต่างๆ มีตั้ง 32 ภูมิ 31 ภูมิ นรกสวรรค์ พรหมนิพพาน สวรรค์ 16 ชั้น
ถ้าเราฝึกหัดปฏิบัติขัดเกลาตัวเราดีๆ เราก็จะเห็นเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ท่านสอนเรื่องทุกข์เรื่องดับทุกข์ แล้วก็หนทางเดินมีหมด ท่านสอนเรื่องอัตตาเรื่องอนัตตา อะไรคือคำว่า ‘อัตตา’ อะไรคือลักษณะของ ‘อนัตตา’ สอนเรื่องนิพพาน ตัววิญญาณของเรานั่นแหละถ้าไม่มีกิเลสถ้าไม่เกิดเขาก็เข้าสู่นิพพานคือความสงบความเย็น ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
แต่เวลานี้ทั้งเกิดด้วยทั้งหลงด้วย ถ้าเราไม่ได้มาเจริญสติเราก็ยังไม่เข้าใจว่าเราหลง ถ้าเรามาจะสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง เราก็จะเห็นการเกิดการดับของจิต การเกิดการดับของอาการของจิตซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้า ก็กายของเรานี้ ส่วนรูปส่วนนามที่เราสวดเราท่องกันมีหมด ถ้าเราเดินตามคำสอนของพระพุทธองค์ เราก็จะเห็นเราก็จะเข้าใจรู้จักหนทางเดินของชีวิต การเกิดของใจนั้นมันก็หลงแล้วนะถึงได้มาเกิด แต่มาเกิดในภพภูมิที่ดีคือภพภูมิของมนุษย์ แล้วเขาก็มาสร้างร่างกายของเรามาปิดบังตัวตน ตัววิญญาณหรือว่าตัวจิตเอาไว้อีก กิเลสหยาบกิเลสละเอียดก็มาปกปิดเอาไว้อีก หลายชั้นจริงๆ
ถ้าไม่ได้สร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมี ถ้าไม่รู้จักขัดเกลากิเลส ไม่รู้จักเจริญสติ ก็ยากที่จะเข้าถึงฐานของจิต แต่ส่วนมากก็เป็นจิตที่มีศรัทธาน้อมเข้ามาในการทำบุญในการให้ทาน แต่ขาดอยู่อย่างคือขาดการเจริญสติให้ต่อเนื่อง ขาดการค้นคว้าขาดการทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจอยู่ในระดับของสมมติเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้ทำความเข้าใจในส่วนลึกๆ
ลักษณะของจิตที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ลักษณะของจิตที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ลักษณะของจิตที่ไม่หลง ลักษณะของจิตที่คลายจากความยึดมั่นถือมั่นเป็นอย่างไร กำลังสติปัญญามีอยู่นิดเดียว ควบคุมได้บ้างอยู่ในระดับของสมมติ แต่ไม่เคยสังเกตให้ลึกๆ ในรายละเอียด ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ จนเป็นเองในการดูในการรู้ จนมองเห็นความเป็นจริงทุกเรื่องในชีวิต กายเนื้อแตกดับ เราจะเดินอย่างไรไปอย่างไร วิญญาณของเราจะไปอย่างไร
ส่วนมากก็มีตั้งแต่ตัววิญญาณพุ่งออกไปเลย ความคิดผุดขึ้นมากับตัววิญญาณเคลื่อนเข้าไปรวม เราก็รู้อยู่แค่นั้น รู้อยู่ว่าคิดว่าทำ อะไรผิดอะไรถูกก็อาจจะละได้บ้างควบคุมได้บ้าง แต่ยังไม่ได้คลายเลยยังไม่ได้คลาย คือใจยังไม่ได้คลายออกจากความคิดซึ่งเป็นนามด้วยกัน แต่ถ้ายังคลายไม่ได้ ยังนั่นไม่ได้ ก็ให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ หมั่นสร้างบุญสร้างอานิสงส์
แต่ละวันเราได้สร้างประโยชน์อะไร เรามีความเสียสละ มีความรับผิดชอบ มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป พยายามหัดวิเคราะห์ หัดสังเกตดูอยู่บ่อยๆ เราก็จะเข้าใจ ละได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็พยายามเอานะอย่าไปทิ้ง มีโอกาสได้เปิดให้กับทุกคนได้สร้างบุญสร้างกุศลกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้กับพ่อกับแม่กับพี่กับน้อง ทำบุญให้กับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน เป็นการอนุเคราะห์ เป็นการสงเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราก็จะมีความสุขอยู่ในระดับของสมมติ
รู้จักแสวงหา รู้จักทำความเข้าใจ กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร มีหมดนั่นแหละมีอยู่ทุกคน พยายามเอา อย่าไปให้คนอื่นบังคับ เราต้องบังคับตัวเราเองแก้ไขตัวเราเอง ขวนขวายสร้างขึ้นมาให้มีให้เกิด สติไม่มีเราต้องสร้างขึ้นมาให้มีให้เกิดขึ้นในกายของเรา ให้รู้เท่าทันใจของเรา ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข
ถ้าเรายังอาศัยกายเนื้ออยู่ กายเนื้อของเราก็ยังอาศัยปัจจัยสี่อยู่ ยังอาศัยสมมติอยู่ยังอยู่กับโลกอยู่ เราต้องทำความเข้าใจ สร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมีให้เต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ที่ไร่ที่นา ที่ทำการทำงาน เราก็วิเคราะห์ใจของเราไม่ให้ใจของเราเกิดความทุกข์เกิดความเครียด หมั่นทำบุญ เราก็จะเข้าใจเราก็จะอยู่กับบุญตลอดเวลา
ตื่นขึ้นมาขณะนี้ใจของเราเป็นบุญหรือไม่ เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เราก็จะได้รีบแก้ไขรีบปรับปรุง อะไรขาดตกบกพร่องเราก็จะได้รีบทำ มีโอกาสทำ ทำมากทำน้อยก็เป็นของเรา พากันดูดีๆ นะพระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโยก่อนที่จะขบก่อนที่จะฉัน กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง ใจของเราเกิดความอยากหรือไม่ กายของเราหิวหรือไม่ เราต้องหัดวิเคราะห์หัดสังเกตหัดทำความเข้าใจ
กายของเราก็หิวใจจะปรุงแต่งความอยากได้เร็วได้ไว เราก็รู้จักหยุดรู้จักระงับรู้จักดับ เราก็รู้จักวิเคราะห์พิจารณาอย่าให้ใจเกิดความทะเยอทะยานอยาก ละความอยากออกจากใจของเราไม่ว่าอยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง อยากในอาหาร จะเอาก็เอาด้วยสติเอาด้วยปัญญา กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง
ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาต้องรู้ใจ รู้ฐานของใจ รู้ความปกติของใจ ใจเกิดอย่างไร กิเลสความทะเยอทะยานอยากเกิดอย่างไร ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร ต้องหัดสังเกต หัดสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง รู้กายแล้วก็รู้ใจ อะไรควรทำ อะไรควรละอะไรควรเจริญ ไม่ใช่ว่าจะปล่อยโอกาสทิ้ง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกเรื่องพอรู้ตัวปุ๊บยังไม่ลุกจากที่ก็รู้ใจ รู้ความปกติ รู้ความสงบ เราก็จะได้ไม่ได้ปล่อยเวลาทิ้ง อะไรเป็นบุญเป็นกุศลเราก็รีบทำ บุญระดับสมมติ ระดับใกล้ระดับไกล บุญอยู่ปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีอนาคตก็จะออกมาดี
วันนี้ก็ได้มีโอกาสได้มาสร้างบุญได้มาทำบุญไถ่ชีวิตโคกัน มีโอกาสได้ร่วมไถ่ชีวิตโคกัน อย่าลืมนะ น้องหญิง น้องหญิงเฮอริเทจ เกิดภพหน้าถ้าเป็นมนุษย์ ถ้าลง ส.ส. ก็ช่วยเลือกด้วย ถ้าเจอกัน มีโอกาสคนเราเกิดเป็นสัตว์ สัตว์เกิดเป็นคน เพราะว่าภพภูมิต่างๆ มีตั้ง 32 ภูมิ 31 ภูมิ นรกสวรรค์ พรหมนิพพาน สวรรค์ 16 ชั้น
ถ้าเราฝึกหัดปฏิบัติขัดเกลาตัวเราดีๆ เราก็จะเห็นเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ ท่านสอนเรื่องทุกข์เรื่องดับทุกข์ แล้วก็หนทางเดินมีหมด ท่านสอนเรื่องอัตตาเรื่องอนัตตา อะไรคือคำว่า ‘อัตตา’ อะไรคือลักษณะของ ‘อนัตตา’ สอนเรื่องนิพพาน ตัววิญญาณของเรานั่นแหละถ้าไม่มีกิเลสถ้าไม่เกิดเขาก็เข้าสู่นิพพานคือความสงบความเย็น ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
แต่เวลานี้ทั้งเกิดด้วยทั้งหลงด้วย ถ้าเราไม่ได้มาเจริญสติเราก็ยังไม่เข้าใจว่าเราหลง ถ้าเรามาจะสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง เราก็จะเห็นการเกิดการดับของจิต การเกิดการดับของอาการของจิตซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้า ก็กายของเรานี้ ส่วนรูปส่วนนามที่เราสวดเราท่องกันมีหมด ถ้าเราเดินตามคำสอนของพระพุทธองค์ เราก็จะเห็นเราก็จะเข้าใจรู้จักหนทางเดินของชีวิต การเกิดของใจนั้นมันก็หลงแล้วนะถึงได้มาเกิด แต่มาเกิดในภพภูมิที่ดีคือภพภูมิของมนุษย์ แล้วเขาก็มาสร้างร่างกายของเรามาปิดบังตัวตน ตัววิญญาณหรือว่าตัวจิตเอาไว้อีก กิเลสหยาบกิเลสละเอียดก็มาปกปิดเอาไว้อีก หลายชั้นจริงๆ
ถ้าไม่ได้สร้างอานิสงส์สร้างบุญสร้างบารมี ถ้าไม่รู้จักขัดเกลากิเลส ไม่รู้จักเจริญสติ ก็ยากที่จะเข้าถึงฐานของจิต แต่ส่วนมากก็เป็นจิตที่มีศรัทธาน้อมเข้ามาในการทำบุญในการให้ทาน แต่ขาดอยู่อย่างคือขาดการเจริญสติให้ต่อเนื่อง ขาดการค้นคว้าขาดการทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจอยู่ในระดับของสมมติเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้ทำความเข้าใจในส่วนลึกๆ
ลักษณะของจิตที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ลักษณะของจิตที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ลักษณะของจิตที่ไม่หลง ลักษณะของจิตที่คลายจากความยึดมั่นถือมั่นเป็นอย่างไร กำลังสติปัญญามีอยู่นิดเดียว ควบคุมได้บ้างอยู่ในระดับของสมมติ แต่ไม่เคยสังเกตให้ลึกๆ ในรายละเอียด ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ จนเป็นเองในการดูในการรู้ จนมองเห็นความเป็นจริงทุกเรื่องในชีวิต กายเนื้อแตกดับ เราจะเดินอย่างไรไปอย่างไร วิญญาณของเราจะไปอย่างไร
ส่วนมากก็มีตั้งแต่ตัววิญญาณพุ่งออกไปเลย ความคิดผุดขึ้นมากับตัววิญญาณเคลื่อนเข้าไปรวม เราก็รู้อยู่แค่นั้น รู้อยู่ว่าคิดว่าทำ อะไรผิดอะไรถูกก็อาจจะละได้บ้างควบคุมได้บ้าง แต่ยังไม่ได้คลายเลยยังไม่ได้คลาย คือใจยังไม่ได้คลายออกจากความคิดซึ่งเป็นนามด้วยกัน แต่ถ้ายังคลายไม่ได้ ยังนั่นไม่ได้ ก็ให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ หมั่นสร้างบุญสร้างอานิสงส์
แต่ละวันเราได้สร้างประโยชน์อะไร เรามีความเสียสละ มีความรับผิดชอบ มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป พยายามหัดวิเคราะห์ หัดสังเกตดูอยู่บ่อยๆ เราก็จะเข้าใจ ละได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็พยายามเอานะอย่าไปทิ้ง มีโอกาสได้เปิดให้กับทุกคนได้สร้างบุญสร้างกุศลกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้กับพ่อกับแม่กับพี่กับน้อง ทำบุญให้กับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน เป็นการอนุเคราะห์ เป็นการสงเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราก็จะมีความสุขอยู่ในระดับของสมมติ
รู้จักแสวงหา รู้จักทำความเข้าใจ กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร มีหมดนั่นแหละมีอยู่ทุกคน พยายามเอา อย่าไปให้คนอื่นบังคับ เราต้องบังคับตัวเราเองแก้ไขตัวเราเอง ขวนขวายสร้างขึ้นมาให้มีให้เกิด สติไม่มีเราต้องสร้างขึ้นมาให้มีให้เกิดขึ้นในกายของเรา ให้รู้เท่าทันใจของเรา ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข