หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550 ลำดับที่ 042
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550 ลำดับที่ 042
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราเองให้ต่อเนื่องกัน ด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา
นั่งให้สบาย วางใจของเราให้สบาย ดับความคิดความกังวล หยุดความคิด หยุดความกังวล หยุดความฟุ้งซ่านต่างๆ ด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ความรู้สึกสัมผัสที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรานั่นแหละ ให้เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้ให้ต่อเนื่องกันให้เกิดความเคยชิน
ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอไปเราก็เริ่มขึ้นใหม่ อันนี้เราเริ่มตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บเราก็กระตุ้นความรู้สึกขึ้นมา สติก็จะตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกต่อเนื่องสติก็จะต่อเนื่องขึ้น จิตปกติก็ให้รู้ว่าปกติ จิตจะคิดส่งออกไปภายนอก เรามีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเราก็จะรู้เท่าทัน พยายามฝึกฝนตนเองให้เกิดความเคยชินอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าจะไปนึกไปด้นเอาตามกิเลสของตัวเรา
ถ้าเรามีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันให้เกิดความเคยชินแล้ว จะคิดจะทำอะไรเราก็รู้เท่าทัน จิตจะเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับ ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตเราก็รู้ทัน ถ้าเรารู้ทันเราก็เห็นลักษณะอาการของเขาเกิดเขาก่อตัว จิตของเราจะเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าเรารู้ทันจิตของเราจะดีดออก ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ อันนี้ต้องเป็นคนที่ขยันหมั่นเพียรในการสังเกตในการวิเคราะห์จริงๆ
ส่วนการสร้างอานิสงส์สร้างบารมีส่วนอื่นนั้น เราก็ต้องสร้างควบคู่กันไป ความเสียสละของเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเสียสละ ความขยันความอดทนอดกลั้น พรหมวิหารความเมตตา มองโลกในทางที่ดีแล้วก็คิดดี ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ไม่มีความตระหนี่เหนียวแน่น รู้จักละความตระหนี่เหนียวแน่น รู้จักละความโลภ รู้จักละความโกรธด้วยการเจริญพรหมวิหาร
จิตของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่นด้วยการบริจาค ด้วยการเอาออกด้วยการเอาให้ จิตของเรามีความโกรธ หรือว่าผูกโกรธ เราก็พยายามให้อภัยทานอโหสิกรรม เราต้องพยายามทำในสิ่งที่กลับกัน เรามีความแข็งกระด้าง เราก็พยายามสร้างความอ่อนน้อมถ่อมตนทั้งกายทั้งใจทั้งวาจา ถ้าเราหมั่นวิเคราะห์หมั่นพินิจพิจารณาอยู่บ่อยๆ อยู่เนืองๆ สักวันหนึ่งเราก็จะเข้าใจในชีวิตของเรา
อะไรคือส่วนรูปธรรม อะไรคือส่วนนามธรรม โลกกับธรรมเขาก็อยู่ร่วมกันนั่นแหละ เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก เขาก็อยู่ด้วยกันนั่นแหละ นั่นแหละร่างกายหมดสภาพหมดลมหายใจนั่นแหละเราถึงจะได้วางโลกจริงๆ ตอนนี้เราวางด้วยสติด้วยปัญญา วาง ไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่น วางที่จิตใจของเรา แต่ภาระหน้าที่สมมุติเราก็รับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญาอยู่เหมือนเดิม ยิ่งขยันหมั่นเพียรให้เป็นทวีคูณ ให้มากๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป
ทุกคนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ตื่นขึ้นมาเราก็รีบสำรวจเรา อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ภายนอกประโยชน์ภายใน เขาก็เกื้อหนุนกันหมด สมมติบริบูรณ์ก็ส่งผลถึงวิมุตติ ความเป็นอยู่บริบูรณ์ การประพฤติการปฏิบัติก็ไปได้เร็วได้ไว ไม่ต้องมากังวลเรื่องนั้นกังวลเรื่องนี้ เราต้องทำสมมติของเราให้เรียบร้อยให้บริบูรณ์ แล้วก็จะล้นออกไปภายนอก
พยายามเอานะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็พยายามมีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบให้มากๆ รับผิดชอบต่อตัวเราเองแล้วก็รับผิดชอบต่อส่วนรวม ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข เป็นคนมีความรับผิดชอบ เป็นคนมีระเบียบ เป็นคนสะอาด สะอาดทั้งภายนอกแล้วก็สะอาดถึงภายใน ภายในก็ชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเราตลอดเวลา ภายนอกเราก็ทำสมมติของเราให้น่าอยู่ ปรุงแต่งสมมติให้น่าอยู่ ทำธรรมชาติให้น่าอยู่
วันนี้ก็ขอกำลังพวกชีมีเวลาว่างก็มาช่วยกันสับเปลี่ยนต้นไม้ต้นมะยมหอมให้หน่อย เปลี่ยนเป็นถุงใหญ่ จากถุงเล็กเป็นถุงใหญ่ เมื่อวานนี้ญาติโยมก็น้อมนำเอาต้นมะยมหอมมาให้ 300 ต้น คิดว่าจะเพาะเลี้ยงเอาไว้ปลูกในปีหน้า เป็นไม้เศรษฐกิจไม้โตเร็ว เอามาปลูกแซมเอาไว้ให้เป็นป่า เห็นญาติโยมมามาปลูก 40 - 50 ต้น ต้นสูงประมาณท่วมหัวแล้ว 3 -4 เมตร แล้วก็มี เพียงแค่ปีเดียว ก็เลยมองเห็นตรงนี้ว่าสภาพดินคงจะถูกกับต้นมะยมหอมดี ก็เลยจะเอามาเพาะเสียก่อน เพราะว่าถุงเล็กลองเปลี่ยนเป็นถุงขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย เดือนห้าเดือนหกถึงจะได้ลง เพาะเลี้ยงเอาไว้เสียก่อน กะว่าหน้าฝนปีหน้าถึงจะได้ลงให้เป็นป่า เราปลูกเอาไว้แซมเอาไว้ในทุกทิศทุกที่ที่พอที่จะลงได้ให้เป็นป่าดงดิบ
เดี๋ยวนี้กำลังเริ่มเป็นป่า เข้ามาแล้วก็มีความร่มรื่นร่มเย็น ใครเข้ามาแล้วก็สบายใจ เดินไปที่ไหนก็เป็นป่าแดดก็ส่องไม่ค่อยจะถึงเท่าไหร่ นี่ก็เป็นอานิสงส์ของทุกคนที่ได้ช่วยกันปลูกช่วยกันดูแล รุ่นหลังๆ ต่อไปยิ่งจะสบาย คนรุ่นหลังเข้ามาแล้วก็ได้มาสร้างมาสานต่อมาดูแลต่อ พวกเราอยู่เราก็พยายามสร้างให้เกิดประโยชน์เท่าที่เราจะทำได้ คนรุ่นหลังมาก็ไม่ต้องเสียเวลาในการเริ่มต้นใหม่ มาสร้างมาสานต่อ มาดูแลมารักษาก็จะมีอานิสงส์มากมายขึ้นไปเรื่อยๆ
ถ้าเราไปผัดวันประกันพรุ่งว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปทำ อย่างนั้นคิดผิด ไปอยู่ที่ไหนเราก็ทำ เราก็ทำเราก็สร้างสมมติให้เกิดประโยชน์ เราไปอยู่ที่ไหนเราก็จะพบตั้งแต่ความสุขความเจริญ ถ้าเราคิดเสียว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ใช่ของเรา มีตั้งแต่ความเกียจคร้าน ไปอยู่ที่ไหนก็ไปเจอตั้งแต่คนที่คิดเหมือนเรานั่นแหละ ไปอยู่ที่ไหนก็มีตั้งแต่ความแห้งแล้งความกันดาร ไปอยู่ที่ไหนก็มีตั้งแต่ความลำบาก เพราะเราไม่ได้สร้างได้ทำเอาไว้ ถ้าเราได้สร้างได้ทำเอาไว้ ไปอยู่ที่ไหนก็มีตั้งแต่คนสร้างคนทำเอาไว้ให้เราเหมือนเดิม เพราะว่าสิ่งพวกนี้จะทดแทนกัน จะตอบแทนกันหมุนเวียนกันไปตลอดเวลา
นี่แหละเราเกิดมาถึงไม่ได้เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมา สร้างสมมติยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ตอบแทนคุณของแผ่นดินเท่าที่โอกาสให้ เท่าที่มีเวลาให้ก็พยายามทำกัน ถุงก็อยู่ที่เรือนเพาะชำเก่านั่นแหละ ถุงเก่านั่นแหละที่ต้นไม้มันไม่มี เห็นหลายถุงอยู่เยอะอยู่ ถุงขนาดย่อมๆ เอามาสับเปลี่ยน ระวังเวลาฉีกเราเอามีดโกนเฉือนเอา เราอย่าฉีกเดี๋ยวรากของเขามันจะแตกจะหัก เราดูแลเอาไว้ปีหน้ากว่าจะได้ลงให้เป็นป่า โตเร็ว รุ่นลูกรุ่นหลานเขาอาจเอามาทำประโยชน์ได้ เราก็ต้องพยายามฝากฝังเอาไว้
ส่วนทรัพย์ภายในเราก็พยายามสร้างกัน ขยันหมั่นเพียรกันทุกคน หลวงพ่อก็ขอขอบใจขอบคุณทุกคนที่มีความขยันหมั่นเพียรกัน ทำไปเถิดเพื่อที่จะทำให้เกิดประโยชน์เท่าที่กำลังของเราจะยังอยู่ เรามาอยู่ร่วมกันเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน มีอะไรก็ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
อย่าไปเบียดเบียน อย่าไปผัดวันประกันพรุ่งว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา เป็นหน้าที่ของเราทุกคน เรามาอาศัยสมมติอยู่ มาอาศัยแผ่นดินตรงนี้อยู่ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วก็ไม่ใช่ของใครสักคน เป็นทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน แต่เราก็มาอาศัยตรงนี้อยู่ เราก็ทำความเข้าใจแล้วก็สร้างประโยชน์ให้เกิดให้มากขึ้น
เราจะหนีไปหาธรรมชาติที่ไหนถ้าเราไม่ได้สร้างขึ้นมา ทุกวันนี้ธรรมชาติมันหดหายไปเกือบหมดแล้ว ตามป่าตามเขาตามอะไรต่างๆ มันไม่ค่อยจะมีแล้ว เราต้องมาสร้างมาทำให้เป็นธรรมชาติว่าปรุงแต่งธรรมชาติให้น่าอยู่น่าอาศัย ถึงสถานที่จะไม่กว้างขวางอะไรเราก็พยายามทำให้น่าอยู่ ถ้าทำธรรมชาติให้น่าอยู่แล้วไปอยู่ที่ไหนเราก็มีความสุข สถานที่ของเราก็มีความสุข คนอื่นเข้ามาก็มีความสุข นี่แหละอานิสงส์ในการกระทำ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ
นั่งให้สบาย วางใจของเราให้สบาย ดับความคิดความกังวล หยุดความคิด หยุดความกังวล หยุดความฟุ้งซ่านต่างๆ ด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ความรู้สึกสัมผัสที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรานั่นแหละ ให้เราพยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้ให้ต่อเนื่องกันให้เกิดความเคยชิน
ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอไปเราก็เริ่มขึ้นใหม่ อันนี้เราเริ่มตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บเราก็กระตุ้นความรู้สึกขึ้นมา สติก็จะตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกต่อเนื่องสติก็จะต่อเนื่องขึ้น จิตปกติก็ให้รู้ว่าปกติ จิตจะคิดส่งออกไปภายนอก เรามีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเราก็จะรู้เท่าทัน พยายามฝึกฝนตนเองให้เกิดความเคยชินอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าจะไปนึกไปด้นเอาตามกิเลสของตัวเรา
ถ้าเรามีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันให้เกิดความเคยชินแล้ว จะคิดจะทำอะไรเราก็รู้เท่าทัน จิตจะเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับ ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตเราก็รู้ทัน ถ้าเรารู้ทันเราก็เห็นลักษณะอาการของเขาเกิดเขาก่อตัว จิตของเราจะเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าเรารู้ทันจิตของเราจะดีดออก ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ อันนี้ต้องเป็นคนที่ขยันหมั่นเพียรในการสังเกตในการวิเคราะห์จริงๆ
ส่วนการสร้างอานิสงส์สร้างบารมีส่วนอื่นนั้น เราก็ต้องสร้างควบคู่กันไป ความเสียสละของเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเสียสละ ความขยันความอดทนอดกลั้น พรหมวิหารความเมตตา มองโลกในทางที่ดีแล้วก็คิดดี ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ไม่มีความตระหนี่เหนียวแน่น รู้จักละความตระหนี่เหนียวแน่น รู้จักละความโลภ รู้จักละความโกรธด้วยการเจริญพรหมวิหาร
จิตของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่นด้วยการบริจาค ด้วยการเอาออกด้วยการเอาให้ จิตของเรามีความโกรธ หรือว่าผูกโกรธ เราก็พยายามให้อภัยทานอโหสิกรรม เราต้องพยายามทำในสิ่งที่กลับกัน เรามีความแข็งกระด้าง เราก็พยายามสร้างความอ่อนน้อมถ่อมตนทั้งกายทั้งใจทั้งวาจา ถ้าเราหมั่นวิเคราะห์หมั่นพินิจพิจารณาอยู่บ่อยๆ อยู่เนืองๆ สักวันหนึ่งเราก็จะเข้าใจในชีวิตของเรา
อะไรคือส่วนรูปธรรม อะไรคือส่วนนามธรรม โลกกับธรรมเขาก็อยู่ร่วมกันนั่นแหละ เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก เขาก็อยู่ด้วยกันนั่นแหละ นั่นแหละร่างกายหมดสภาพหมดลมหายใจนั่นแหละเราถึงจะได้วางโลกจริงๆ ตอนนี้เราวางด้วยสติด้วยปัญญา วาง ไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่น วางที่จิตใจของเรา แต่ภาระหน้าที่สมมุติเราก็รับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญาอยู่เหมือนเดิม ยิ่งขยันหมั่นเพียรให้เป็นทวีคูณ ให้มากๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป
ทุกคนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ตื่นขึ้นมาเราก็รีบสำรวจเรา อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ภายนอกประโยชน์ภายใน เขาก็เกื้อหนุนกันหมด สมมติบริบูรณ์ก็ส่งผลถึงวิมุตติ ความเป็นอยู่บริบูรณ์ การประพฤติการปฏิบัติก็ไปได้เร็วได้ไว ไม่ต้องมากังวลเรื่องนั้นกังวลเรื่องนี้ เราต้องทำสมมติของเราให้เรียบร้อยให้บริบูรณ์ แล้วก็จะล้นออกไปภายนอก
พยายามเอานะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็พยายามมีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบให้มากๆ รับผิดชอบต่อตัวเราเองแล้วก็รับผิดชอบต่อส่วนรวม ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข เป็นคนมีความรับผิดชอบ เป็นคนมีระเบียบ เป็นคนสะอาด สะอาดทั้งภายนอกแล้วก็สะอาดถึงภายใน ภายในก็ชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเราตลอดเวลา ภายนอกเราก็ทำสมมติของเราให้น่าอยู่ ปรุงแต่งสมมติให้น่าอยู่ ทำธรรมชาติให้น่าอยู่
วันนี้ก็ขอกำลังพวกชีมีเวลาว่างก็มาช่วยกันสับเปลี่ยนต้นไม้ต้นมะยมหอมให้หน่อย เปลี่ยนเป็นถุงใหญ่ จากถุงเล็กเป็นถุงใหญ่ เมื่อวานนี้ญาติโยมก็น้อมนำเอาต้นมะยมหอมมาให้ 300 ต้น คิดว่าจะเพาะเลี้ยงเอาไว้ปลูกในปีหน้า เป็นไม้เศรษฐกิจไม้โตเร็ว เอามาปลูกแซมเอาไว้ให้เป็นป่า เห็นญาติโยมมามาปลูก 40 - 50 ต้น ต้นสูงประมาณท่วมหัวแล้ว 3 -4 เมตร แล้วก็มี เพียงแค่ปีเดียว ก็เลยมองเห็นตรงนี้ว่าสภาพดินคงจะถูกกับต้นมะยมหอมดี ก็เลยจะเอามาเพาะเสียก่อน เพราะว่าถุงเล็กลองเปลี่ยนเป็นถุงขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย เดือนห้าเดือนหกถึงจะได้ลง เพาะเลี้ยงเอาไว้เสียก่อน กะว่าหน้าฝนปีหน้าถึงจะได้ลงให้เป็นป่า เราปลูกเอาไว้แซมเอาไว้ในทุกทิศทุกที่ที่พอที่จะลงได้ให้เป็นป่าดงดิบ
เดี๋ยวนี้กำลังเริ่มเป็นป่า เข้ามาแล้วก็มีความร่มรื่นร่มเย็น ใครเข้ามาแล้วก็สบายใจ เดินไปที่ไหนก็เป็นป่าแดดก็ส่องไม่ค่อยจะถึงเท่าไหร่ นี่ก็เป็นอานิสงส์ของทุกคนที่ได้ช่วยกันปลูกช่วยกันดูแล รุ่นหลังๆ ต่อไปยิ่งจะสบาย คนรุ่นหลังเข้ามาแล้วก็ได้มาสร้างมาสานต่อมาดูแลต่อ พวกเราอยู่เราก็พยายามสร้างให้เกิดประโยชน์เท่าที่เราจะทำได้ คนรุ่นหลังมาก็ไม่ต้องเสียเวลาในการเริ่มต้นใหม่ มาสร้างมาสานต่อ มาดูแลมารักษาก็จะมีอานิสงส์มากมายขึ้นไปเรื่อยๆ
ถ้าเราไปผัดวันประกันพรุ่งว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ใช่สิ่งที่เราจะไปทำ อย่างนั้นคิดผิด ไปอยู่ที่ไหนเราก็ทำ เราก็ทำเราก็สร้างสมมติให้เกิดประโยชน์ เราไปอยู่ที่ไหนเราก็จะพบตั้งแต่ความสุขความเจริญ ถ้าเราคิดเสียว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ใช่ของเรา มีตั้งแต่ความเกียจคร้าน ไปอยู่ที่ไหนก็ไปเจอตั้งแต่คนที่คิดเหมือนเรานั่นแหละ ไปอยู่ที่ไหนก็มีตั้งแต่ความแห้งแล้งความกันดาร ไปอยู่ที่ไหนก็มีตั้งแต่ความลำบาก เพราะเราไม่ได้สร้างได้ทำเอาไว้ ถ้าเราได้สร้างได้ทำเอาไว้ ไปอยู่ที่ไหนก็มีตั้งแต่คนสร้างคนทำเอาไว้ให้เราเหมือนเดิม เพราะว่าสิ่งพวกนี้จะทดแทนกัน จะตอบแทนกันหมุนเวียนกันไปตลอดเวลา
นี่แหละเราเกิดมาถึงไม่ได้เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมา สร้างสมมติยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ตอบแทนคุณของแผ่นดินเท่าที่โอกาสให้ เท่าที่มีเวลาให้ก็พยายามทำกัน ถุงก็อยู่ที่เรือนเพาะชำเก่านั่นแหละ ถุงเก่านั่นแหละที่ต้นไม้มันไม่มี เห็นหลายถุงอยู่เยอะอยู่ ถุงขนาดย่อมๆ เอามาสับเปลี่ยน ระวังเวลาฉีกเราเอามีดโกนเฉือนเอา เราอย่าฉีกเดี๋ยวรากของเขามันจะแตกจะหัก เราดูแลเอาไว้ปีหน้ากว่าจะได้ลงให้เป็นป่า โตเร็ว รุ่นลูกรุ่นหลานเขาอาจเอามาทำประโยชน์ได้ เราก็ต้องพยายามฝากฝังเอาไว้
ส่วนทรัพย์ภายในเราก็พยายามสร้างกัน ขยันหมั่นเพียรกันทุกคน หลวงพ่อก็ขอขอบใจขอบคุณทุกคนที่มีความขยันหมั่นเพียรกัน ทำไปเถิดเพื่อที่จะทำให้เกิดประโยชน์เท่าที่กำลังของเราจะยังอยู่ เรามาอยู่ร่วมกันเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน มีอะไรก็ให้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
อย่าไปเบียดเบียน อย่าไปผัดวันประกันพรุ่งว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา เป็นหน้าที่ของเราทุกคน เรามาอาศัยสมมติอยู่ มาอาศัยแผ่นดินตรงนี้อยู่ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วก็ไม่ใช่ของใครสักคน เป็นทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน แต่เราก็มาอาศัยตรงนี้อยู่ เราก็ทำความเข้าใจแล้วก็สร้างประโยชน์ให้เกิดให้มากขึ้น
เราจะหนีไปหาธรรมชาติที่ไหนถ้าเราไม่ได้สร้างขึ้นมา ทุกวันนี้ธรรมชาติมันหดหายไปเกือบหมดแล้ว ตามป่าตามเขาตามอะไรต่างๆ มันไม่ค่อยจะมีแล้ว เราต้องมาสร้างมาทำให้เป็นธรรมชาติว่าปรุงแต่งธรรมชาติให้น่าอยู่น่าอาศัย ถึงสถานที่จะไม่กว้างขวางอะไรเราก็พยายามทำให้น่าอยู่ ถ้าทำธรรมชาติให้น่าอยู่แล้วไปอยู่ที่ไหนเราก็มีความสุข สถานที่ของเราก็มีความสุข คนอื่นเข้ามาก็มีความสุข นี่แหละอานิสงส์ในการกระทำ ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ