หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 035
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 035
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เมื่อวานนี้ก็มีเทวดาเดินดินท่านได้มีโอกาสได้มาช่วย มาช่วยมาบอกมากล่าว อยากมีความปรารถนาอยากจะมุงหลังคาข้างบนสุด มุงหลังคาข้างบนสุด มุงกระเบื้อง อยากจะมุงให้หมู่ให้คณะให้เพื่อนได้ร่มเงาที่เย็น ปรารถนาจะเอาหลังคาชั้นบน ก็เอาได้เลย ทุกคนความปรารถนาส่วนไหน อานิสงส์ของใครก็ได้ส่วนนั้น เจ้าภาพใหญ่ ใหญ่ทุกคน มีโอกาสก็มาช่วยกัน คนนั้นก็จะทำสิ่งนั้นคนนี้ก็จะทำสิ่งนี้ ได้ทำหมดทุกส่วน ปรารถนาอยากจะได้ส่วนบนก็ได้ส่วนบน ให้ร่มเงาเวลาแดดออกฝนตก ฝนลงมาก็ได้อาศัยร่มเงา
เมื่อได้อาศัยร่มเงาแล้ว ความสบายอก สบายใจ สบายกายก็ตามมา บุญก็เกิดขึ้นได้ทุกที่ อานุภาพแห่งบุญ ถ้าคนมีอานิสงส์มีบุญทำได้ ทุกอย่างเป็นบุญหมด เท่าที่จะทำได้ พวกเราก็เหมือนกัน ได้มาช่วยกันทั้งกำลังกายกำลังใจ แม่แต่กำลังทรัพย์ ทุ่มเทฝากเอาไว้ให้กับโลก ไว้ให้กับสมมติ สร้างบารมี นี่แหละเป็นการสร้างบารมี
สูงขึ้นไปก็ชำระสะสางกิเลส ละกิเลสออกจากใจของเรา ถ้าเราไม่มีการกระทำ ไม่มีความเสียสละมันก็ยากที่จะละกิเลสภายนอกละกิเลสภายในได้ เราก็ช่วยกันทำทั้งพระทั้งโยมทั้งชี การได้ยินการได้ฟังการได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือทำ ก็ต้องทำกันจากน้อยๆ ไปหามากๆ เดี๋ยวก็เต็มรอบ มีความอดทนอดกลั้นกับกาลกับเวลา สักวันหนึ่งก็เดินถึงจุดหมายปลายทางได้
หลวงพ่อก็ขอขอบคุณทุกคนเลยนะ ขอบคุณทุกคนที่ได้มาช่วยกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี มีความภูมิใจ ไม่เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมา หลวงพ่อก็พาเป็นสะพานให้ทุกคนได้มาสร้างอานิสงส์ร่วมกัน อานิสงส์ทรัพย์ภายในทรัพย์ภายนอกหลวงพ่อทำตลอด อยากจะให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมมาช่วยกัน แล้วก็ทำเอาไว้ก็ฝากไว้ที่ใจของเรานั่นแหละ ไม่ได้ฝากไว้ที่ไหน ทำภายนอกก็ฝากไว้ที่ใจ เราระลึกนึกนึกถึงเมื่อไหร่ จิตใจก็มีความสุข
ถ้าเราไม่เคยทำมันก็ยากที่จะระลึกนึกถึงได้ บางคนไม่เคยเข้าวัดเวลาจะตาย ลูกเต้าบอกให้ภาวนาพุทโธนะๆ จะไปภาวนาได้อย่างไร ตั้งแต่เป็นๆ ก็ยังไม่ทำ ระลึกนึกถึงผลบุญผลทานนะ จะไประลึกนึกถึงได้อย่างไร ตั้งแต่ยังเป็นๆ อยู่ยังไม่เคยไปทำเลย ยังไม่ให้ทานเลย
คนที่เคยทำบุญเคยให้ทาน ไม่ระลึกนึกถึงก็มองเห็น อานิสงส์ อุคหนิมิตต่างๆ บุญกุศลต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาอยู่ในใจของเรา นั่นแหละ ท่านถึงบอกว่าให้ใจน้อมเข้าไปในกองบุญเอาไว้ แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี แม้แต่คิด คิดตั้งแต่ในกองกุศล สร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้น คนที่ไม่เคยทำ คนที่ไม่เคยเข้าวัด คนที่ไม่เคยศึกษามันจะไปรู้เรื่องอะไร เราต้องศึกษาขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ ยังมีลมหายใจอยู่
การหายใจเข้าหายใจออกเป็นอย่างไร การควบคุมจิตเป็นอย่างไร จิตของเรามีบุญไหม ฝักใฝ่ในกองบุญกองกุศลหรือไม่ เรามีโอกาสได้ทำบุญที่ไหนบ้าง เราหมั่นระลึกหมั่นตรวจสอบ ความระลึกรู้มันก็จะผุดขึ้นมา เราเคยทำสิ่งนั้นเอาไว้นะ เคยทำบุญสิ่งนี้เอาไว้นะ อยู่ที่นั่นอยู่ที่นี่
หลวงพ่อจะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง มีคหบดีเศรษฐีใหญ่อยู่ในเมืองขอนแก่นนี่แหละ อายุ 70-80 กว่าปี มีลูกอยู่ 3 คน ลูกไปอยู่เมืองนอกหมดๆ ท่านก็เป็นคนใจบุญเหมือนกัน ท่านก็เป็นคนใจบุญแต่ไม่เคยเข้าวัด เป็นคนใจบุญ จะเป็นบุญลักษณะเอาหน้าเอาตา จะทำบุญอะไรก็ต้องมีกล้องโทรทัศน์มีอะไรมาออก ไม่เคยทำบุญกับวัด แต่ทำบุญให้กับโรงพยาบาล โรงพยาบาลอยากจะได้อะไรท่านก็ซื้อให้ ท่านป่วยเป็นโรคหัวใจ โรงพยาบาลอยากจะได้เครื่องตรวจหัวใจก็ซื้อให้ ตรวจสารพัดอย่าง ทำบุญไม่ใช่น้อยๆ 20-30 กว่าล้าน ท่านทำบุญ แต่ก็ทุกข์ เป็นคนทุกข์ เป็นคนที่น่าสงสาร ลูกเต้าไม่อยู่ด้วย
ทีนี้เลยเกิดเหตุการณ์ ท่านป่วยหนักจะตาย ท่านกลัวตาย เป็นทุกข์ใหญ่ กระวนกระวายกลัวตาย อยู่บ้านก็มีพยาบาลไปช่วยเหลือไปดูคอยดูแล พยาบาลชวนไปวัดไหนก็ไม่ไป ชวนไปที่ไหนก็ไม่ไป พอดีก็เลยชวนมาหาหลวงพ่อ ก็เลยตัดสินใจมา มาทั้งครอบครัว ว่าเป็นทุกข์ กลัวจะตาบอด กลัวจะเดินไม่ได้ สารพัดอย่าง มันจิตปรุงแต่งไปเพราะว่าไม่มีใครเคยชี้แนะให้ พอมาเจอหลวงพ่อ หลวงพ่อก็เลยมองพิจารณาดูแล้วก็ว่า บุญของท่านก็เยอะ ท่านก็สร้างบุญเอาไว้เยอะ แต่ไม่รู้จักเอาบุญออกมาใช้
หลวงพ่อก็เลยบอกว่า ตากับยายอายุเท่าไร อายุ 80 กว่าปี ไม่มีลูก ลูกไปอยู่เมืองนอกหมด มีตั้งแต่พยาบาลมาคอยดูแลอยู่ ก็เลยบอกให้ท่านว่าบุญของคุณตาก็เยอะนะ อานิสงส์ของคุณยายก็เยอะนะ แต่ไม่รู้จักเอามาใช้ เอาอย่างนี้ ให้หากระดาษสักแผ่นสองแผ่นมานะ ให้ไประลึกนึกถึงผลบุญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เอาตั้งแต่แต่งงานกันมา ให้จดเอาไว้ คุณยายทำบุญอะไรทำอะไรไว้บ้าง ทำบุญให้กับใคร ไม่ใช่เฉพาะทำบุญที่วัด ให้จดเอาไว้ว่าทำบุญที่ไหนบ้าง อะไรบ้าง ราคาเท่าไร ให้จดมาให้อาตมา อาตมาจะแผ่เมตตาให้
เป็นอุบายให้ท่านระลึกนึกถึงบุญ ท่านสองคนตายายก็พากันไประลึกนึกถึงบุญ ไปเขียนจด จดอันนั้นอันนี้ตั้งแต่เริ่มแต่งงานกันมา ระลึกได้ก็ให้รีบจดเอาไว้ ได้ตั้ง 2-3 แผ่นหน้ากระดาษ แล้วก็เอามาให้หลวงพ่อ มีความสุข มีความสุข ใจก็เลยไม่คิดถึงเรื่องตาบอด ใจก็เลยไม่คิดถึงเรื่องความตาย มีความสุข เอามาให้หลวงพ่อแผ่เมตตาให้
พอมาถึงยังมีอีกเยอะนะหลวงพ่อ เออนั่นแหละให้ไปจดมาๆ แล้วก็ระลึกนึกถึงทบทวนของเก่าด้วย แล้วก็จดของใหม่มาด้วย จดมาได้ 18 ล้าน ทำบุญ ที่นี้ก็เลยมีจิตใจที่มีความปีติมีความสุข หลวงพ่อก็บอกให้ฝึกสร้างสติ ให้เดินไปเดินมาก็ฝึกอีก ก็ฝึกอีก มีความสุขจนพยาบาลนี่ยอม ทำไมอยู่ที่บ้านใครชวนไปไหนก็ไม่ไป ใครทำอะไรก็ไม่ไป กลัวตาย พอมาเจอหลวงพ่อไม่ถึง 3 นาที ทำไมจิตถึงเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ มีความสุขในการจดบุญที่เราเคยสร้างเคยทำเอาไว้ แล้วก็ไปจดมาอีก ให้ทบทวนของเก่ามาอีก ได้ตั้ง 33 ล้าน มีความสุข ผมไม่กลัวตายแล้ว ฝึกหัดเดิน อายุมากๆ ก็เริ่มเดินเริ่มฝึก ทุกวันนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ คหบดีประจำเมืองขอนแก่น เป็นเศรษฐีใหญ่ในเมืองขอนแก่น มีความสุขในการระลึกนึกถึงบุญ ทีนี้เลยลืมความตาย ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
นั่นแหละ เพียงแค่นิดเดียว เพียงแค่รู้จักเอาบุญมาใช้ แต่คนไม่รู้จักว่าการสร้างบุญ การเจริญสติเข้าไประลึกนึกถึงบุญเป็นอย่างไร พอบอกให้ไประลึก กองบุญมหึมารออยู่
ถ้าคนไม่เคยทำล่ะ ถ้าคนไม่รู้จักล่ะ มันก็เลยไม่รู้เรื่อง เหมือนกับคนหนึ่ง ยายคนหนึ่งก็ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่แถวนี้แหล่ะ สมัยก่อน ใกล้จะหมดลมหายใจก็มานิมนต์พระที่วัดไปให้บุตรทำบุญ ก็เลยบอกไปสวดมาติกาบังสกุล ขณะที่สวดมาติกาบังสกุลนั้น มือไม้ท่านก็ไขว่คว้าอากาศยุ่งเหยิงไปหมดเลย ไขว่คว้าอากาศแล้วก็ร้องไปด้วยนะ ร้องบอกให้ลูกให้หลาน “สูๆๆ เอาข้าวให้ไก่กูกินหน่อยๆ” วัดไม่เคยไป เพราะว่าเลี้ยงตั้งแต่ไก่ๆ ใจก็เลยไปอยู่กับไก่ นั่นแหละวัดไม่เคยไป หมดลมหายใจ มันก็ไปอยู่กับไก่ ไปเกิดเป็นไก่นั่นแหละ
แล้วก็ไปเจออีกคนหนึ่งอยู่บ้านเลยบ้านนี้ไป กำลังจะตายเหมือนกันนี่แหละ เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ไปสวดมาติกาบังสกุลเป็น มือก็ไขว่คว้าอากาศเหมือนกันเลย หลวงพ่อก็เลยถาม “อ้าวยาย ทำอะไร” ยายท่านก็ตอบว่า “ยายจะเด็ดถั่วใส่ปิ่นโต ไปวัด” นั่น เพราะว่าท่านไปทำบุญที่วัด ไปทำบุญไปให้ทานที่วัด ไปส่งข้าวปิ่นโตไปวัด มือก็เลยเด็ดถั่วจะใส่ปิ่นโต จะเอากับข้าวกับปลาไปวัด ช่วงจะหมดลมหายใจนั่นแหละ อุคหนิมิตมันไปปรากฏให้เห็น ไปปรากฏให้เห็น
แม้ตั้งแต่กับตัวของโยมแม่ของอาตมาเอง ก่อนที่ท่านจะตายสัก 3 วัน ท่านก็บอกให้ลูกหลานช่วยอาบน้ำให้หน่อย พอลูกหลานอาบน้ำให้ เนื้อหนังนี่หนังเก่าก็หลุดรุ่ยออกไปเปลี่ยนเป็นหนังใหม่ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเลย แล้วก็ตื่นเช้าขึ้นมาตั้งแต่ตีห้านี่ ท่านปลุกเด็กๆ ทุกคน ว่าให้หุงข้าวให้หน่อย จะไปใส่บาตร ก็ว่าจะไปใส่ที่ไหนดึกๆ ดื่นๆ นู่นพระมายืนรออยู่หน้าประตูตลอดเวลา มายืนรอรับบาตรตลอดเวลา สั่งให้ลูกหลานเตรียมหุงข้าวหุงปลาใส่บาตรให้ นั่นแหละเป็นอุคหนิมิตที่จะนำจิตเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีความสงบความสุข ท่านเคยได้ทำได้ฝากเอาไว้ ท่านก็ใส่บาตรเป็นประจำ อุคหนิมิตก็ไปปรากฏให้เห็น
ทุกคน คนเราก็เหมือนกัน พยายามหมั่นสร้างบุญสร้างกุศล เราได้สร้างบุญใหญ่มากมายเท่าไรอานิสงส์บุญใหญ่ก็ย้อนกลับไปหาเรามากมายเป็นทวีคูณ อะไรมาทำร้ายเราก็ไม่ได้ เพราะอานิสงส์อนุภาพแห่งบุญใหญ่ ทำไปเถิด จะทำมากทำน้อย
แม้ตั้งแต่ความคิด แม้ตั้งแต่อาการของการคิด คิดก็ได้เป็นบุญ ถ้าเป็นอกุศลเราก็พยายามละ อย่าไปมองโลกในแง่ร้าย ให้มองโลกในแง่ดี แล้วการกระทำของเราก็ต้องให้ถึงพร้อม ถึงจะเกิดประโยชน์ ถ้าคนไม่เคยทำเคยสร้าง มันก็ยากที่จะปรากฏให้เห็น อยากที่จะเกิดที่เห็น
สูงขึ้นไปก็รู้จักแยกรูปแยกนาม อะไรคือจิต อะไรคืออาการของจิต การละชำระสะสางกิเลสเป็นอย่างไร กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เราก็จะมีตั้งแต่ความสงบความสุข บุญภายนอกเราก็ทำ บุญภายในเราก็ข้างในเราก็พยายามหมั่นชำระสะสางกิเลส
หลวงพ่อมองเห็นอานิสงส์อนุภาพแห่งบุญตรงนี้มากมาย ว่าในโลกมนุษย์นี้บุญอะไรที่สูงที่สุด หลวงพ่อถึงได้ทำ คือการทำจิตให้สะอาดให้บริสุทธิ์ เดินตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ทำให้จิตสะอาด บริสุทธิ์ หลุดพ้น นี่แหละคือบุญที่สุดยอดที่สุด
แล้วก็บุญที่รองลงมา หลวงพ่อถึงได้พาจัดทำสร้างองค์แทนพระพุทธเจ้า แล้วก็น้อมนำอัญเชิญสิ่งเป็นสิริมงคลต่างๆ มาไว้ให้เหล่ามนุษย์ได้เคารพสักการะบูชา เหล่าเทวดาได้สักการะบูชากัน หลวงพ่อถึงได้พาทำ จัดสร้างองค์พระพุทธรูป เราสร้างองค์พระพุทธรูปองค์เดียวตั้งเอาไว้ มีตั้งแต่คนมากราบมาไหว้ จาก 1 คน 2 คน เพิ่มขึ้นไปเป็นร้อยเป็นพัน เป็นหมื่นเป็นแสน อานิสงส์กองบุญก็มากมายเป็นทวีคูณ ส่งต่อให้กับคนหมู่มากไปเรื่อยๆ ยิ่งมากเท่าไรอานิสงส์ก็ยิ่งมากมาย หลวงพ่อถึงได้พาทำ ยากที่จะพาทำได้ ถ้าไม่มีคนพาทำไม่มีคนพานำ ถ้าไม่มีความเสียสละ ไม่มีพรหมวิหาร ไม่มีความเมตตา มีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัว มันก็ยากที่จะทำได้
การที่จะสร้างบุญสร้างกุศลได้ เราก็ต้องเป็นบุคคลที่มีบารมีมาก่อน สร้างบารมีมาก่อน ไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆ แล้วจะทำได้ มีเงินมีทองมากมาย โอกาสไม่เปิดสถานที่ไม่เปิด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่พร้อม มันก็ยากที่จะทำ นี่แหละคนมีบุญถึงได้มีโอกาสได้มาสร้างมาทำร่วมกัน หลวงพ่อก็ขอขอบใจขอบคุณทุกคนนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ
เมื่อได้อาศัยร่มเงาแล้ว ความสบายอก สบายใจ สบายกายก็ตามมา บุญก็เกิดขึ้นได้ทุกที่ อานุภาพแห่งบุญ ถ้าคนมีอานิสงส์มีบุญทำได้ ทุกอย่างเป็นบุญหมด เท่าที่จะทำได้ พวกเราก็เหมือนกัน ได้มาช่วยกันทั้งกำลังกายกำลังใจ แม่แต่กำลังทรัพย์ ทุ่มเทฝากเอาไว้ให้กับโลก ไว้ให้กับสมมติ สร้างบารมี นี่แหละเป็นการสร้างบารมี
สูงขึ้นไปก็ชำระสะสางกิเลส ละกิเลสออกจากใจของเรา ถ้าเราไม่มีการกระทำ ไม่มีความเสียสละมันก็ยากที่จะละกิเลสภายนอกละกิเลสภายในได้ เราก็ช่วยกันทำทั้งพระทั้งโยมทั้งชี การได้ยินการได้ฟังการได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือทำ ก็ต้องทำกันจากน้อยๆ ไปหามากๆ เดี๋ยวก็เต็มรอบ มีความอดทนอดกลั้นกับกาลกับเวลา สักวันหนึ่งก็เดินถึงจุดหมายปลายทางได้
หลวงพ่อก็ขอขอบคุณทุกคนเลยนะ ขอบคุณทุกคนที่ได้มาช่วยกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี มีความภูมิใจ ไม่เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมา หลวงพ่อก็พาเป็นสะพานให้ทุกคนได้มาสร้างอานิสงส์ร่วมกัน อานิสงส์ทรัพย์ภายในทรัพย์ภายนอกหลวงพ่อทำตลอด อยากจะให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมมาช่วยกัน แล้วก็ทำเอาไว้ก็ฝากไว้ที่ใจของเรานั่นแหละ ไม่ได้ฝากไว้ที่ไหน ทำภายนอกก็ฝากไว้ที่ใจ เราระลึกนึกนึกถึงเมื่อไหร่ จิตใจก็มีความสุข
ถ้าเราไม่เคยทำมันก็ยากที่จะระลึกนึกถึงได้ บางคนไม่เคยเข้าวัดเวลาจะตาย ลูกเต้าบอกให้ภาวนาพุทโธนะๆ จะไปภาวนาได้อย่างไร ตั้งแต่เป็นๆ ก็ยังไม่ทำ ระลึกนึกถึงผลบุญผลทานนะ จะไประลึกนึกถึงได้อย่างไร ตั้งแต่ยังเป็นๆ อยู่ยังไม่เคยไปทำเลย ยังไม่ให้ทานเลย
คนที่เคยทำบุญเคยให้ทาน ไม่ระลึกนึกถึงก็มองเห็น อานิสงส์ อุคหนิมิตต่างๆ บุญกุศลต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาอยู่ในใจของเรา นั่นแหละ ท่านถึงบอกว่าให้ใจน้อมเข้าไปในกองบุญเอาไว้ แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี แม้แต่คิด คิดตั้งแต่ในกองกุศล สร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้น คนที่ไม่เคยทำ คนที่ไม่เคยเข้าวัด คนที่ไม่เคยศึกษามันจะไปรู้เรื่องอะไร เราต้องศึกษาขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ ยังมีลมหายใจอยู่
การหายใจเข้าหายใจออกเป็นอย่างไร การควบคุมจิตเป็นอย่างไร จิตของเรามีบุญไหม ฝักใฝ่ในกองบุญกองกุศลหรือไม่ เรามีโอกาสได้ทำบุญที่ไหนบ้าง เราหมั่นระลึกหมั่นตรวจสอบ ความระลึกรู้มันก็จะผุดขึ้นมา เราเคยทำสิ่งนั้นเอาไว้นะ เคยทำบุญสิ่งนี้เอาไว้นะ อยู่ที่นั่นอยู่ที่นี่
หลวงพ่อจะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง มีคหบดีเศรษฐีใหญ่อยู่ในเมืองขอนแก่นนี่แหละ อายุ 70-80 กว่าปี มีลูกอยู่ 3 คน ลูกไปอยู่เมืองนอกหมดๆ ท่านก็เป็นคนใจบุญเหมือนกัน ท่านก็เป็นคนใจบุญแต่ไม่เคยเข้าวัด เป็นคนใจบุญ จะเป็นบุญลักษณะเอาหน้าเอาตา จะทำบุญอะไรก็ต้องมีกล้องโทรทัศน์มีอะไรมาออก ไม่เคยทำบุญกับวัด แต่ทำบุญให้กับโรงพยาบาล โรงพยาบาลอยากจะได้อะไรท่านก็ซื้อให้ ท่านป่วยเป็นโรคหัวใจ โรงพยาบาลอยากจะได้เครื่องตรวจหัวใจก็ซื้อให้ ตรวจสารพัดอย่าง ทำบุญไม่ใช่น้อยๆ 20-30 กว่าล้าน ท่านทำบุญ แต่ก็ทุกข์ เป็นคนทุกข์ เป็นคนที่น่าสงสาร ลูกเต้าไม่อยู่ด้วย
ทีนี้เลยเกิดเหตุการณ์ ท่านป่วยหนักจะตาย ท่านกลัวตาย เป็นทุกข์ใหญ่ กระวนกระวายกลัวตาย อยู่บ้านก็มีพยาบาลไปช่วยเหลือไปดูคอยดูแล พยาบาลชวนไปวัดไหนก็ไม่ไป ชวนไปที่ไหนก็ไม่ไป พอดีก็เลยชวนมาหาหลวงพ่อ ก็เลยตัดสินใจมา มาทั้งครอบครัว ว่าเป็นทุกข์ กลัวจะตาบอด กลัวจะเดินไม่ได้ สารพัดอย่าง มันจิตปรุงแต่งไปเพราะว่าไม่มีใครเคยชี้แนะให้ พอมาเจอหลวงพ่อ หลวงพ่อก็เลยมองพิจารณาดูแล้วก็ว่า บุญของท่านก็เยอะ ท่านก็สร้างบุญเอาไว้เยอะ แต่ไม่รู้จักเอาบุญออกมาใช้
หลวงพ่อก็เลยบอกว่า ตากับยายอายุเท่าไร อายุ 80 กว่าปี ไม่มีลูก ลูกไปอยู่เมืองนอกหมด มีตั้งแต่พยาบาลมาคอยดูแลอยู่ ก็เลยบอกให้ท่านว่าบุญของคุณตาก็เยอะนะ อานิสงส์ของคุณยายก็เยอะนะ แต่ไม่รู้จักเอามาใช้ เอาอย่างนี้ ให้หากระดาษสักแผ่นสองแผ่นมานะ ให้ไประลึกนึกถึงผลบุญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เอาตั้งแต่แต่งงานกันมา ให้จดเอาไว้ คุณยายทำบุญอะไรทำอะไรไว้บ้าง ทำบุญให้กับใคร ไม่ใช่เฉพาะทำบุญที่วัด ให้จดเอาไว้ว่าทำบุญที่ไหนบ้าง อะไรบ้าง ราคาเท่าไร ให้จดมาให้อาตมา อาตมาจะแผ่เมตตาให้
เป็นอุบายให้ท่านระลึกนึกถึงบุญ ท่านสองคนตายายก็พากันไประลึกนึกถึงบุญ ไปเขียนจด จดอันนั้นอันนี้ตั้งแต่เริ่มแต่งงานกันมา ระลึกได้ก็ให้รีบจดเอาไว้ ได้ตั้ง 2-3 แผ่นหน้ากระดาษ แล้วก็เอามาให้หลวงพ่อ มีความสุข มีความสุข ใจก็เลยไม่คิดถึงเรื่องตาบอด ใจก็เลยไม่คิดถึงเรื่องความตาย มีความสุข เอามาให้หลวงพ่อแผ่เมตตาให้
พอมาถึงยังมีอีกเยอะนะหลวงพ่อ เออนั่นแหละให้ไปจดมาๆ แล้วก็ระลึกนึกถึงทบทวนของเก่าด้วย แล้วก็จดของใหม่มาด้วย จดมาได้ 18 ล้าน ทำบุญ ที่นี้ก็เลยมีจิตใจที่มีความปีติมีความสุข หลวงพ่อก็บอกให้ฝึกสร้างสติ ให้เดินไปเดินมาก็ฝึกอีก ก็ฝึกอีก มีความสุขจนพยาบาลนี่ยอม ทำไมอยู่ที่บ้านใครชวนไปไหนก็ไม่ไป ใครทำอะไรก็ไม่ไป กลัวตาย พอมาเจอหลวงพ่อไม่ถึง 3 นาที ทำไมจิตถึงเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ มีความสุขในการจดบุญที่เราเคยสร้างเคยทำเอาไว้ แล้วก็ไปจดมาอีก ให้ทบทวนของเก่ามาอีก ได้ตั้ง 33 ล้าน มีความสุข ผมไม่กลัวตายแล้ว ฝึกหัดเดิน อายุมากๆ ก็เริ่มเดินเริ่มฝึก ทุกวันนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้นะ คหบดีประจำเมืองขอนแก่น เป็นเศรษฐีใหญ่ในเมืองขอนแก่น มีความสุขในการระลึกนึกถึงบุญ ทีนี้เลยลืมความตาย ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
นั่นแหละ เพียงแค่นิดเดียว เพียงแค่รู้จักเอาบุญมาใช้ แต่คนไม่รู้จักว่าการสร้างบุญ การเจริญสติเข้าไประลึกนึกถึงบุญเป็นอย่างไร พอบอกให้ไประลึก กองบุญมหึมารออยู่
ถ้าคนไม่เคยทำล่ะ ถ้าคนไม่รู้จักล่ะ มันก็เลยไม่รู้เรื่อง เหมือนกับคนหนึ่ง ยายคนหนึ่งก็ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่แถวนี้แหล่ะ สมัยก่อน ใกล้จะหมดลมหายใจก็มานิมนต์พระที่วัดไปให้บุตรทำบุญ ก็เลยบอกไปสวดมาติกาบังสกุล ขณะที่สวดมาติกาบังสกุลนั้น มือไม้ท่านก็ไขว่คว้าอากาศยุ่งเหยิงไปหมดเลย ไขว่คว้าอากาศแล้วก็ร้องไปด้วยนะ ร้องบอกให้ลูกให้หลาน “สูๆๆ เอาข้าวให้ไก่กูกินหน่อยๆ” วัดไม่เคยไป เพราะว่าเลี้ยงตั้งแต่ไก่ๆ ใจก็เลยไปอยู่กับไก่ นั่นแหละวัดไม่เคยไป หมดลมหายใจ มันก็ไปอยู่กับไก่ ไปเกิดเป็นไก่นั่นแหละ
แล้วก็ไปเจออีกคนหนึ่งอยู่บ้านเลยบ้านนี้ไป กำลังจะตายเหมือนกันนี่แหละ เป็นผู้เฒ่าผู้แก่ ไปสวดมาติกาบังสกุลเป็น มือก็ไขว่คว้าอากาศเหมือนกันเลย หลวงพ่อก็เลยถาม “อ้าวยาย ทำอะไร” ยายท่านก็ตอบว่า “ยายจะเด็ดถั่วใส่ปิ่นโต ไปวัด” นั่น เพราะว่าท่านไปทำบุญที่วัด ไปทำบุญไปให้ทานที่วัด ไปส่งข้าวปิ่นโตไปวัด มือก็เลยเด็ดถั่วจะใส่ปิ่นโต จะเอากับข้าวกับปลาไปวัด ช่วงจะหมดลมหายใจนั่นแหละ อุคหนิมิตมันไปปรากฏให้เห็น ไปปรากฏให้เห็น
แม้ตั้งแต่กับตัวของโยมแม่ของอาตมาเอง ก่อนที่ท่านจะตายสัก 3 วัน ท่านก็บอกให้ลูกหลานช่วยอาบน้ำให้หน่อย พอลูกหลานอาบน้ำให้ เนื้อหนังนี่หนังเก่าก็หลุดรุ่ยออกไปเปลี่ยนเป็นหนังใหม่ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเลย แล้วก็ตื่นเช้าขึ้นมาตั้งแต่ตีห้านี่ ท่านปลุกเด็กๆ ทุกคน ว่าให้หุงข้าวให้หน่อย จะไปใส่บาตร ก็ว่าจะไปใส่ที่ไหนดึกๆ ดื่นๆ นู่นพระมายืนรออยู่หน้าประตูตลอดเวลา มายืนรอรับบาตรตลอดเวลา สั่งให้ลูกหลานเตรียมหุงข้าวหุงปลาใส่บาตรให้ นั่นแหละเป็นอุคหนิมิตที่จะนำจิตเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีความสงบความสุข ท่านเคยได้ทำได้ฝากเอาไว้ ท่านก็ใส่บาตรเป็นประจำ อุคหนิมิตก็ไปปรากฏให้เห็น
ทุกคน คนเราก็เหมือนกัน พยายามหมั่นสร้างบุญสร้างกุศล เราได้สร้างบุญใหญ่มากมายเท่าไรอานิสงส์บุญใหญ่ก็ย้อนกลับไปหาเรามากมายเป็นทวีคูณ อะไรมาทำร้ายเราก็ไม่ได้ เพราะอานิสงส์อนุภาพแห่งบุญใหญ่ ทำไปเถิด จะทำมากทำน้อย
แม้ตั้งแต่ความคิด แม้ตั้งแต่อาการของการคิด คิดก็ได้เป็นบุญ ถ้าเป็นอกุศลเราก็พยายามละ อย่าไปมองโลกในแง่ร้าย ให้มองโลกในแง่ดี แล้วการกระทำของเราก็ต้องให้ถึงพร้อม ถึงจะเกิดประโยชน์ ถ้าคนไม่เคยทำเคยสร้าง มันก็ยากที่จะปรากฏให้เห็น อยากที่จะเกิดที่เห็น
สูงขึ้นไปก็รู้จักแยกรูปแยกนาม อะไรคือจิต อะไรคืออาการของจิต การละชำระสะสางกิเลสเป็นอย่างไร กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เราก็จะมีตั้งแต่ความสงบความสุข บุญภายนอกเราก็ทำ บุญภายในเราก็ข้างในเราก็พยายามหมั่นชำระสะสางกิเลส
หลวงพ่อมองเห็นอานิสงส์อนุภาพแห่งบุญตรงนี้มากมาย ว่าในโลกมนุษย์นี้บุญอะไรที่สูงที่สุด หลวงพ่อถึงได้ทำ คือการทำจิตให้สะอาดให้บริสุทธิ์ เดินตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ทำให้จิตสะอาด บริสุทธิ์ หลุดพ้น นี่แหละคือบุญที่สุดยอดที่สุด
แล้วก็บุญที่รองลงมา หลวงพ่อถึงได้พาจัดทำสร้างองค์แทนพระพุทธเจ้า แล้วก็น้อมนำอัญเชิญสิ่งเป็นสิริมงคลต่างๆ มาไว้ให้เหล่ามนุษย์ได้เคารพสักการะบูชา เหล่าเทวดาได้สักการะบูชากัน หลวงพ่อถึงได้พาทำ จัดสร้างองค์พระพุทธรูป เราสร้างองค์พระพุทธรูปองค์เดียวตั้งเอาไว้ มีตั้งแต่คนมากราบมาไหว้ จาก 1 คน 2 คน เพิ่มขึ้นไปเป็นร้อยเป็นพัน เป็นหมื่นเป็นแสน อานิสงส์กองบุญก็มากมายเป็นทวีคูณ ส่งต่อให้กับคนหมู่มากไปเรื่อยๆ ยิ่งมากเท่าไรอานิสงส์ก็ยิ่งมากมาย หลวงพ่อถึงได้พาทำ ยากที่จะพาทำได้ ถ้าไม่มีคนพาทำไม่มีคนพานำ ถ้าไม่มีความเสียสละ ไม่มีพรหมวิหาร ไม่มีความเมตตา มีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัว มันก็ยากที่จะทำได้
การที่จะสร้างบุญสร้างกุศลได้ เราก็ต้องเป็นบุคคลที่มีบารมีมาก่อน สร้างบารมีมาก่อน ไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆ แล้วจะทำได้ มีเงินมีทองมากมาย โอกาสไม่เปิดสถานที่ไม่เปิด ทุกสิ่งทุกอย่างไม่พร้อม มันก็ยากที่จะทำ นี่แหละคนมีบุญถึงได้มีโอกาสได้มาสร้างมาทำร่วมกัน หลวงพ่อก็ขอขอบใจขอบคุณทุกคนนะ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ