หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 026

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 026
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 026
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราเอง ให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ นั่งตามสบาย วางใจให้สบาย ดับ หยุด หยุดคิดหยุดปรุงหยุดแต่ง หรือว่าดับความกังวล ดับความฟุ้งซ่านต่างๆ เอาไว้ให้หมด

สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้องสัก 2-3 เที่ยว การที่เราสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ก็เพื่อที่จะระงับดับความคิดต่างๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้น สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้ากระทบปลายจมูกก็จะมีความรู้สึกที่ชัดเจน นั่นแหละความรู้สึกอยู่ที่ปลายจมูกของเรา นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘สติรู้ตัว’ มีความรู้สึกตัวแล้วก็พยายามสร้างความรู้สึกให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’

เราพยายามสร้างให้ต่อเนื่องก็จะมีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน จิตจะก่อตัวความรู้ตัวก็จะรู้เท่าทัน รู้จักดับรู้จักควบคุม เขาก็จะนิ่ง ถ้าความคิดผุดขึ้นมาความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันก็จะรู้ทัน รู้ว่าเขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดอย่างไร จิตของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร อันนี้เป็นส่วนนามธรรมที่เราจะต้องศึกษาค้นคว้าให้เห็นจุดนี้เสียก่อน ก่อนที่จะเดินปัญญาได้

ทำไมถึงว่าอย่างนั้น ถ้าเราสังเกตขันธ์ห้ากับจิตเขาเคลื่อนเข้าไปรวมกัน จิตก็จะแยกออกจากความคิดตรงนั้น ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ถึงจะเริ่มเข้าสู่วิปัสสนา สัมมาทิฏฐิความรู้แจ้งเห็นจริงข้อแรกในอริยมรรคมีองค์แปด คือ รู้ แจ้ง แล้วก็เห็นจริง ตามสภาพความเป็นจริง จิตก็จะว่างโล่งโปร่ง ความรู้ตัวหรือว่าสติก็จะตามดูการเกิดการดับของขันธ์ห้า เขาเรียกว่า ‘เห็นอนิจจังทุกขังอนัตตา’ ในขันธ์ห้า

เห็นด้วย รู้ด้วย ตามทำความเข้าใจได้ด้วย เวลาเขาจบลง อนัตตาความว่างเปล่าเข้ามาปรากฏ เรื่องใหม่ก็เข้ามา เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปๆ สารพัดเรื่อง บางทีก็เป็นกุศลบ้างอกุศลบ้าง จิตของเราเข้าไปรวมจนเป็นตัวเดียวกัน ตรงนี้แหละสำคัญที่สุดเลย เขาเรียกว่า ‘โมหะ’ ความหลงอย่างลุ่มลึก

ถ้าเราคลายตรงนี้ไม่ได้ เราก็มองไม่เห็นทาง แต่บารมีส่วนอื่นนั้นหนุนเข้ามาอยู่ บารมีส่วนอื่นก็พากันทำพากันสร้างอยู่ อย่างเช่นการทำบุญการให้ทาน การเจริญพรหมวิหารความเมตตา มองโลกในทางที่ดี ขยันหมั่นเพียร รู้จักควบคุมจิตควบคุมอารมณ์ได้ระดับหนึ่ง

แต่การแยกตรงนี้ ถ้ากำลังสติไม่เพียงพอจริงๆ ก็ยากอยู่ ถ้ายังไม่ถึงวาระถึงเวลาก็ยากอยู่ เราต้องพยายามสร้างบารมีของเราไปเรื่อยๆ ถ้าถึงวาระถึงเวลา กำลังสติกำลังสมาธิของเรามีเพียงพอ เราก็คงจะสังเกตเห็นสักวันหนึ่งจนได้นั่นแหละ วันนี้เรารู้ไม่ทันเราก็เริ่มอยู่เรื่อยๆ เพียงแค่การสร้างความรู้สึกตัว ตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมาพวกเรายังไม่ได้ทำกันเลย ถึงทำก็ทำกระปริบกระปรอย เล็กๆน้อยๆ มันก็เลยไม่รู้ไม่เห็นตรงนี้ ก็ต้องพยายามกัน

ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ทุกคน ดวงจิตดวงวิญญาณแต่ละดวงเกิดมาก็เพื่อที่จะเดินทางให้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ก็พากันมาหลง วนเวียนในสิ่งโน้นบางสิ่งนี้บ้าง หลงเกิด เกิดในภพมนุษย์ก็เกิดมาแล้ว ทีนี้เกิด การเกิดของจิตก็เกิดๆ ดับๆ เกิดยังไม่พอก็ยังไปหลงเอาขันธ์ห้าอีก หลงขันธ์ห้าก็ยังไม่พอ ก็ไปหลงเอาอันโน้นอันนี้อีก บางทีก็ไปหลงอยู่ที่ลูกที่หลาน ที่ข้าวของเงินทองในทางสมมติ ไม่รอบรู้ในกองสังขาร ไม่รอบรู้ในโลกธรรมแปด ก็เลยต้องวนเวียนว่่ายตายเกิดอยู่

ถ้าจะเกิดจริงๆ ถ้ายังปล่อยวางไม่ได้ ก็ขอให้เกิดในกล่องกุศลนะ ก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญ พยายามหมั่นสร้างบุญเอาไว้ หมั่นทำบุญเอาไว้ ระลึกนึกถึงเมื่อไหร่ อานิสงส์ผลบุญที่เราสร้างเราทำนี่แหละ จะเป็นกองทุน เป็นเสบียง เป็นกองหนุน ให้เราได้เดินทางในวันข้างหน้า การเดินทางของเรา ตราบใดที่จิตยังเกิดอยู่ก็ต้องมีการเดิน เดินทางกายเนื้อก็เดินเข้าไปถึงความชราคร่ำคร่า ถึงวาระถึงเวลาเขาก็ต้องแตกต้องดับ เพราะว่าทุกคนเกิดมาก็เพื่อที่จะถึงจุดนั้น จะถึงช้าหรือถึงเร็วเท่านั้นเอง เราก็ต้องทำความเข้าใจ

ถ้าพูดเรื่องความตายแล้วทุกคนก็ไม่อยากจะฟัง ก็เป็นเรื่องจริง เราต้องมาเตรียมตัวมาทำความเข้าใจ กายแตกดับแต่จิตของเราจะไปอย่างไรมาอย่างไร ตรงนี้แหละ เราต้องพยายามแก้ไขปรับปรุงก่อน อย่างน้อยๆ ก็ให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ก็ยังดี เป็นที่พึ่ง ถ้าสูงขึ้นไปก็สร้างคุณงามความดีแต่ไม่ให้ยึด อยู่เหนือเหนือบุญเหนือบาปเหนือกรรม ก็เลยเป็นความหลุดพ้น แล้วก็ดับความเกิด ไม่อยากจะเกิดก็ต้องดับความเกิดให้ได้ ทุกเรื่องในชีวิตเราต้องศึกษาให้ละเอียด ตั้งแต่ความเป็นอยู่ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย กายไม่อยู่ในอำนาจของจิต ทำไมจิตของเราถึงมาหลง

กายของเราก็เป็นกายของเราในทางสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้วก็คือสภาวะที่ประชุมรวมกันเข้า มีหนังหุ้มห่อมีวิญญาณเข้ามาครอบครอง ถึงเวลาแล้วเขาก็ต้องแตกต้องดับ ก็เหมือนกับรถ ใช้เก่าแล้วเขาก็ต้องเสื่อมโทรมลงไป กายของเราก็ต้องเสื่อมโทรม เพราะว่าทุกวันๆ เขาเสื่อมอยู่ตลอดเวลา เราต้องพิจารณาดูให้ดีๆ แม้ตั้งแต่การทำความสงบเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องพยายามพากันทำ ไม่ให้เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์

หลวงพ่อมีโอกาสก็จะพาเป็นสะพานบุญให้ทุกคน แล้วก็สร้างกองบุญไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานต่อๆ ไป เท่าที่โอกาสอำนวยให้กำลังกายอำนวยให้ เพราะสภาพร่างกายก็เสื่อมโทรมลงทุกวันๆ ลงไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะอยู่ได้สักกี่วันกี่เดือนกี่ปี เพราะว่าสภาพร่างกายนั้นหมดแล้ว หมดกำลังแล้ว เหลือตั้งแต่กำลังสติปัญญาเล็กน้อย ที่พาหมู่พาคณะทำกองบุญกองกุศลเอาไว้ ให้กับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายเท่านั้นเอง

ให้พยายามพากัน ไม่ว่าพระว่าชีก็ขยันหมั่นเพียร บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น พากันอย่าเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านแล้วไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เจริญ ให้เป็นคนขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบให้สูง มีอะไรก็ให้ช่วยกันทำ อย่าไปคิดว่าไม่ใช่ของเรา เป็นของทุกคน เป็นสมบัติของแผ่นดิน เรามาอาศัยสถานที่ตรงนี้อยู่ ทำอย่างไรถึงจะทำให้สถานที่ของเราน่าอยู่ น่ารื่นรมย์ น่าอาศัย เราก็ต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ ตั้งแต่ปากทางเข้ามานั่นแหละ อะไรไม่เป็นระเบียบ เราก็ช่วยกัน เศษไม้กิ่งไม้ต่างๆ เราก็เก็บออกไปเผาเสีย เศษขยะเศษกระดาษต่างๆ ห้องส้วมห้องน้ำ ที่พักที่อาศัย

ทุกวันนี้ก็มีเพียบพร้อมหมดแล้วแหละ ไม่เหมือนกับสมัยก่อน สมัยก่อนนี้หาที่พักที่อาศัยก็ยาก เดินเข้ามาป่านี้ก็ยากลำบาก มีตั้งแต่ป่ารกป่าเพ็ก ป่าหนามป่าหญ้าคา เดินเข้ามานี้แข้งขานี่บาดเป็นแผลหมดนั่นแหละ กว่าจะเดินทะลุป่าได้ ทุกวันนี้เป็นสวนน่ารื่นรมย์น่าอยู่น่าอาศัย เพราะว่าเกิดจากกำลังกายกำลังใจของคนรุ่นก่อนๆ สร้างสรรค์เอาไว้ ก็สืบทอดต่อกันมา หลวงพ่อก็เป็นหลักชัย เป็นทางผ่านให้ทุกคนได้มาสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกัน ทุกกระเบียดนิ้วในสถานที่ตรงนี้เราพยายามทำให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด

หลวงพ่อก็ขอขอบคุณทุกคน ขอขอบใจทุกคน ที่ได้ช่วยกันสร้างบุญสร้างกุศลกัน เอาให้เต็มที่เลยเท่าที่กำลังของเรามี

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง