หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 023

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 023
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 023
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของตัวเราเอง ให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ นั่งมานาน อดทนไปสักพักหนึ่ง อดทนต่อสู้กับทุกขเวทนาทางด้านร่างกาย แล้วก็สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของตัวเราเอง ด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้อง แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปเพ่ง ถ้าเพ่งสมองส่วนบนก็ตึง ถ้าเราเอาตัวจิตไปจดจ่อ หน้าอกก็จะแน่นขึ้นมาทันที

เพียงแค่เราสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจอยู่ที่ปลายจมูกของเรา เหมือนกับนายประตูทวาร นั่งอยู่ที่ตรงประตู ไอ้ตัวที่นั่งอยู่ตรงประตูนั่นแหละ เหมือนกับนายประตูทวาร เวลารถคันไหนวิ่งเข้าก็รู้ รถคันไหนวิ่งออกก็รู้ ไม่จำเป็นต้องตาม

เราสร้างความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา เวลาลมหายใจเข้าวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกก็มีความรู้สึกรับรู้ ออกก็มีความรู้สึกรับรู้ แล้วก็พยายามรู้ให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอไปเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ๆ อันนี้เขาเรียกว่า ‘การเจริญสติ’ แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’

รู้การหายใจเข้าออกก็เป็นส่วนหนึ่งของการรู้กาย ขนาดรู้การหายใจเข้าออกพวกเราก็ยังรู้กันไม่ค่อยชำนาญ บางคนบางท่านก็ชำนาญเพราะว่าฝึกมานาน พอฝึกรู้ลมหายใจแล้วก็รู้ความปกติของจิต ว่าจิตปกติ จิตที่สงบปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร จิตที่เริ่มก่อตัวปรุงแต่งเป็นอย่างไร ความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตของเราเป็นอย่างไร ทำไมจิตของเราถึงไปรวมกับความคิด นี่แหละอวิชชาอย่างลุ่มลึก เขาเรียกว่า ‘ความหลง’

เราต้องมาเจริญสติเพื่อคลายอวิชชา เพื่อคลายความหลง ด้วยการสังเกต สังเกตไม่ทันเราก็รู้จักดับ ซึ่งการดับนี้เรียกว่า ‘สมถะ’ ขณะที่ตื่น ตายังลืมดู หูยังฟังอยู่นี่แหละ ไม่จำเป็นต้องว่าเป็นนั่งหลับตาอย่างเดียว ทุกอิริยาบถ ถ้าเรามีสติคอยดู รู้การก่อตัว การเกิด การดับ ว่าเขาเกิดอย่างไรว่าเขาดับอย่างไร ทุกๆ วัน เราก็จะเห็นอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้า รอบรู้ในกองสังขารของตัวเราเอง แล้วรู้จักละกิเลส

จิตเกิดความทะเยอทะยานอยากเราก็ดับ เกิดความยินดียินร้ายเราก็ดับ ทำความเข้าใจกับทวารทั้งหก หูตาจมูกลิ้นกาย เขาทำหน้าที่อย่างไร ตาก็ทำหน้าที่ดูเราก็ห้ามไม่ได้ อย่าไปดูนะ เราห้ามไม่ได้ เราก็ปล่อยให้เขาดูเถอะ เราก็รู้จิตของเรา เราไม่อยากจะดูเราก็สำรวมตาของเรา สำรวมตาแล้วก็ควบคุมจิต

หูมีหน้าที่ฟังเราก็ให้ฟังไป แล้วก็รู้จิตของเราว่าเกิดความยินดีไหม หูมีหน้าที่ฟัง ฟังเสียงโน้นบ้างฟังเสียงนี้บ้าง บางทีก็ได้ยินเสียงคนด่าคนว่า เราก็รู้จิตของเรา ดูจิตของเรา เกิดความโกรธไหม เกิดความอาฆาตพยาบาทหรือไม่ บางทีก็ได้ยินเสียงไพเราะๆ ได้ยินเสียงดนตรี จิตของเราออกไปเต้นกับเขาไหม เราก็ต้องดู เราก็จะได้ฟังธรรมตลอดเวลา ถ้าคนรู้จักแสวงเอา รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสก็จะเป็นอาจารย์สอนธรรมะให้เรา

ถ้าเรามีคนคอยตรวจสอบ ยืนเดินนั่งนอนก็จะเป็นเพียงแค่อิริยาบถ จะเดินไปไหนเราก็ได้ฟังธรรม ได้ยินเสียงนกร้องเราก็ได้ฟังธรรม ได้ยินเสียงสุนัขมันเห่ามันร้องเราก็ได้ฟังธรรม เดินเข้าไป เห็นสิ่งต่างๆ ได้กลิ่นหอมๆ ใจของเราเป็นอย่างไร ได้กลิ่นเหม็นๆ ใจของเราเป็นอย่างไร ก็มีค่าเท่ากัน แต่มันมีค่าคนละทางคนละฝ่าย เหมือนกุศลกับอกุศล เราต้องพยายามศึกษาค้นคว้าให้ถึงจุดหมายปลายทาง

ในการดำเนินการฝึกหัดปฏิบัติ เราต้องรู้จุดหมายของการเดินที่ถูกต้อง เราก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลย แต่ละวันๆ การสร้างความรู้ตัวเป็นอย่างนี้ การรู้จิตเป็นอย่างนี้ การชำระสะสางกิเลสเป็นอย่างนี้ การเอาไปใช้ พรหมวิหารความเมตตาเป็นอย่างนี้

พรหมวิหารความเมตตาทุกคนมีกันหมดนั่นแหละ จะมีมากมีน้อย สำหรับบุคคลที่ฝึกหัดปฏิบัติแล้วต้องเป็นพรหมวิหารที่เกิดจากการเจริญภาวนา เกิดจากการแยกรูปแยกนาม ทำความเข้าใจ ให้รู้แจ้งเห็นจริง มีตั้งแต่ความเมตตาที่ไม่เจือปนด้วยกิเลส ความเมตตาด้วยสติ ด้วยปัญญา ด้วยจิตที่ไม่เกิด ถึงจะถูกต้อง

ตราบใด คนทั่วไปยังกิเลสหนากันอยู่ ก็ต้องฝึกฝนตนเองแก้ไขตัวเอง หมั่นสร้างบุญบารมี ทำบุญให้ทาน มีโอกาสก็รีบทำ เพราะว่าคนเราอายุขัยไม่มากหรอก ไม่ถึง 100 ทุกวันนี้หาร้อยนี้ยาก อย่างมากก็ 60-70 แม้ตั้งแต่อาตมาผู้พูดอยู่นี้จะไปได้สักกี่ปี สภาพร่างกายก็ทรุดโทรมเต็มที่ จะอยู่รอดหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ภายในปีสองปี ก็จะพยายามสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เท่าที่โอกาสเปิด

โอกาสก็เปิดตลอดเวลา แต่พวกเราจะรีบฉวยโอกาสหรือไม่เท่านั้นเอง ในการสร้างคุณงามความดี ฝากเอาไว้ให้กับโลกให้กับสมมติ ก็ต้องพยายามนะ

เรื่องการเจริญภาวนาก็ต้องทำกัน ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ทุกอิริยาบถ จะเข้าห้องส้วมเข้าห้องน้ำ ทำกับข้าวกับปลา อยู่ที่นี่จะไม่ค่อยจะทำเป็นรูปแบบ ถ้าทำกันเป็นรูปแบบอันนั้นเหมือนกับได้ถูกบังคับ ต้องให้สมัครใจทำ ให้มาด้วยแรงบุญ ให้มาด้วยแรงศรัทธา ทุกอิริยาบถเป็นการปฏิบัติธรรมกันหมด

สร้างความรู้สึกการรับรู้อยู่ที่การหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจน อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวก็ให้รู้ว่าขณะนี้มีลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างวางเอาไว้ ทำกายให้โล่ง สมองให้โปร่ง จิตให้ว่าง สร้างความรู้สึกรับรู้อยู่ที่การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง