หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 027
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 027
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของตัวเรา ให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ นั่งตามสบาย ไม่ต้องพนมมือ นั่งตามสบาย วางกายของเราให้สบาย วางใจของเราให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้องสัก 2-3 เที่ยวดูสิ ฟังไปด้วยนะ ฟังไปด้วยแล้วก็มีความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนออกมายาวๆ สภาพร่างกายของเราก็จะคลายความตึงเครียดลงไป กายก็รู้สึกว่าสบายขึ้น สัมผัสของลมหายใจเวลาวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกเราก็จะมีความรู้สึกที่เด่นชัด นั่นแหละเราพยายามสร้างความรู้สึกตรงปลายจมูกของเราให้ชัดเจน เวลาลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ เวลาลมหายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ แล้วก็พยายามสร้างความรู้สึกให้ต่อเนื่อง ให้ต่อเนื่อง
ถ้าพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ๆ เขาเรียกว่า ‘สติสัมปชัญญะ’ แม้ตั้งแต่เรื่องการหายใจเข้าออกเราก็พยายามทำ ดู รู้ ให้เป็นธรรมชาติที่สุด แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง ถ้าเราจดจ่อจดจ้อง สมองก็จะตึงเครียด ถ้าเราเอาจิตไปจดจ่ออยู่ที่ปลายจมูก หน้าอกก็จะแน่น เพียงแค่เรามีความรู้สึกรับรู้ แล้วก็รับรู้ให้ต่อเนื่อง ถ้าพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ฝึกฝนตรงนี้ให้เกิดความเคยชิน
ถ้าเกิดความเคยชินแล้ว ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องแล้ว จิตจะก่อตัวจิตจะเกิดเราก็รู้เท่าทันจิต ความคิดจะผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตเราก็รู้เท่าทัน ต่อไปข้างหน้าเราก็จะรู้จิต รู้ความคิด รู้จักแยกจิตออกจากความคิด แยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจ รู้ชัดเจนว่าอะไรคือสติที่เราสร้างขึ้นมา
แล้วการควบคุมจิต เราควบคุมจิตอยู่ในระดับไหน การละกิเลส ละความโลภ ละความโกรธ การแยกรูปแยกนาม การคลายความหลง เขาก็จะตามมา ถ้าเรายังแยกรูปแยกนามไม่ได้ เราก็จะไม่รู้ว่าเราหลงเลยนะ ถ้าเราไม่ได้สร้างความรู้สึกให้ต่อเนื่อง เราก็จะไม่รู้ว่าเราไม่มีสติ สติในทางโลกนั้นมีกันเต็มเปี่ยม สติที่จะรู้จิตนั้นเราต้องสร้างขึ้นมา ก็ต้องพยายาม
ทุกคนก็มีใจที่เป็นบุญเป็นกุศล แล้วก็มีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ สร้างบุญมาดี บุญเก่าก็มีบุญใหม่ก็มาสร้าง สติปัญญาในทางโลกก็ได้ศึกษาเล่าเรียน ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลก แถมกลับมาได้ทำงานกับบุคคลที่มีใจเป็นบุญเป็นกุศล อยากจะให้บริวารอยากจะให้ลูกน้องได้มาศึกษามาทำความเข้าใจกับชีวิตของตัวเราเอง ถึงได้เสียสละเสียเวลาให้บริวารมา วันสองวันสามวันก็ยังดี อย่างน้อยๆ ก็ได้กายวิเวกจิตวิเวก กายวิเวกจากภาระหน้าที่การงานที่คร่ำเคร่งกันมา ใจก็สบายขึ้น
นั่นแหละได้ผู้นำที่ดีได้หัวหน้าที่ดี ท่านก็เสียสละเวลา ไม่เห็นแก่ตัวๆ อยากจะให้บริวารได้มีความสงบมีความสุข ทีนี้เราก็มาสำรวจตรวจตราดูตัวเรา ว่าเราขาดตกบกพร่องอะไรในภาระหน้าที่การงานของตัวเรา เราก็จะได้รีบแก้ไข อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเรามีความสมัครสมานสามัคคีกันหรือไม่ เราทำการทำงาน เรามีความขยันหมั่นเพียรถึงขนาดไหน มีความรับผิดชอบระดับใด เราต้องพยายามแก้ไขปรับปรุงตัวเรา
ขณะที่เราทำการทำงานนั้น จิตใจของเรามีความทุกข์ มีความกังวล มีความเศร้าหมองหรือไม่ เราก็จะได้แก้ไขจิตใจของเราไปด้วย มันก็จะได้ประโยชน์ ประโยชน์ทั้งภายใน ประโยชน์ทั้งภายนอก ประโยชน์ในส่วนรวม พวกเรามีโอกาสมาก มากที่สุด นั่นแหละ อันนี้อานุภาพแห่งบุญ พวกเราก็มีบุญ ได้ทำการทำงานกับบุคคลที่มีบุญ
หลวงพ่อก็ขอขอบใจ ขอบคุณทุกคน ทั้งขอบคุณทั้งหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ที่ส่งบริวารมา ทางโรงปูนทั้งหัวหน้าใหญ่หัวหน้ารองท่านก็มาช่วย ไม่ใช่ช่วยเฉพาะให้คนมาช่วยทำการทำงาน ทางด้านปูนท่านก็ส่งมาช่วย แม้ตั้งแต่ทรัพย์สินเงินทอง ท่านก็ยังส่งมาช่วย นี่แหละหลวงพ่อก็ขอขอบคุณ แล้วก็ขอบใจทุกคน แล้วก็ได้ผู้นำที่ดี แล้วก็คุณโยมทองหล่อ ก็ได้พาบริวารมาช่วยหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าหลวงพ่อจะไปอยู่ที่ไหนท่านก็พาบริวารไปช่วย ไม่ว่าอยู่เขื่อนอยู่ที่ทำการทำงานอยู่ที่หลายที่หลายจุด ที่หลวงพ่อไปสร้างไปทำให้เป็นแหล่งบุญแหล่งกุศลให้กับทุกคนก็ได้มาช่วยกัน
พวกเรามีบุญถึงได้มาอยู่ร่วมกันได้มาทำงานร่วมกัน ก็ขอให้ทำด้วยใจที่มีความสงบมีความสุข อย่าไปตึงเครียดอะไร มาที่นี่ก็มาบ้านของเรา หาเวลามา อยากจะมาเมื่อไหร่ก็มาได้ตลอดเวลา ทางวัดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มาได้ตลอดเวลา พาลูกพาหลานมา อย่าไปกังวล มีลูกพาลูกมา มีหลานพาหลานมา พาครอบครัวมา มาได้ตลอดเวลา มาสร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน อยากจะมาฝึกหัดเจริญสติเจริญสมาธิ หากายวิเวกหาจิตวิเวกก็มา
ตามความเป็นจริงแล้ว ก็ปฏิบัติธรรมทุกอย่างนั่นแหละ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ทำการทำงาน ก็เป็นการปฎิบัติธรรม ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ สมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี ทางด้านจิตทางด้านวิมุตติเราก็พยายามคลายความหลง หมั่นชำระสะสางกิเลสของเราออกจากจิตจากใจของเราให้หมดจด เพราะว่ากิเลสนี้ไม่มีหรอก กิเลสนี้มีมาทีหลัง เราต้องพยายามกำจัดออกให้มันหมด
จิตของทุกคน ทุกดวงนั้นเป็นจิตที่ประภัสสร ผ่องใสอยู่เดิม เพราะความไม่รู้ อวิชชา ความหลง เข้ามาครอบงำเอาไว้ ทำให้จิตของเราหลงวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่หลายกัปหลายกัลป์ ทีนี้เรามาคลายความหลงเสีย มาดับความเกิดเสีย มองหาหนทางที่จะเดิน เดินไปในกองกุศลในกองบุญ
ตราบใดที่จิตยังไม่หลุดพ้น ก็หมั่นสร้างบุญสร้างกุศล หรือว่าสร้างตบะบารมี การสร้างตบะบารมีเราสร้างได้ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาปุ๊บเราก็รีบสำรวจกายของเราเสีย สำรวจจิตของเราเสีย เรามีความเกียจคร้านไหม จิตของเราเกิดความกังวลเกิดความฟุ้งซ่านหรือไม่ เราก็รู้จักดับ กายของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน จิตของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีพรหมวิหารมีความเมตตา มีความเสียสละ ละความตระหนี่เหนียวแน่นออกจากใจของเราตลอดเวลา ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความอิจฉาริษยาออกจากใจของเรา ได้วันละเล็กวันละน้อยก็ค่อยเดินไปๆ เดี๋ยวก็ถึงจุดหมายปลายทางเอง ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้ของการหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องกันสักพักนะ อย่าไปบังคับ อย่าไปเพ่ง อย่าไปจดจ่อ เพียงแค่เรามีความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเรา ทำกายให้โล่ง สมองให้โปร่ง จิตให้ว่าง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ให้ต่อเนื่องกันสักพักนะ
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้องสัก 2-3 เที่ยวดูสิ ฟังไปด้วยนะ ฟังไปด้วยแล้วก็มีความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนออกมายาวๆ สภาพร่างกายของเราก็จะคลายความตึงเครียดลงไป กายก็รู้สึกว่าสบายขึ้น สัมผัสของลมหายใจเวลาวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกเราก็จะมีความรู้สึกที่เด่นชัด นั่นแหละเราพยายามสร้างความรู้สึกตรงปลายจมูกของเราให้ชัดเจน เวลาลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ เวลาลมหายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ แล้วก็พยายามสร้างความรู้สึกให้ต่อเนื่อง ให้ต่อเนื่อง
ถ้าพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ๆ เขาเรียกว่า ‘สติสัมปชัญญะ’ แม้ตั้งแต่เรื่องการหายใจเข้าออกเราก็พยายามทำ ดู รู้ ให้เป็นธรรมชาติที่สุด แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง ถ้าเราจดจ่อจดจ้อง สมองก็จะตึงเครียด ถ้าเราเอาจิตไปจดจ่ออยู่ที่ปลายจมูก หน้าอกก็จะแน่น เพียงแค่เรามีความรู้สึกรับรู้ แล้วก็รับรู้ให้ต่อเนื่อง ถ้าพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ฝึกฝนตรงนี้ให้เกิดความเคยชิน
ถ้าเกิดความเคยชินแล้ว ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องแล้ว จิตจะก่อตัวจิตจะเกิดเราก็รู้เท่าทันจิต ความคิดจะผุดขึ้นมาปรุงแต่งจิตเราก็รู้เท่าทัน ต่อไปข้างหน้าเราก็จะรู้จิต รู้ความคิด รู้จักแยกจิตออกจากความคิด แยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจ รู้ชัดเจนว่าอะไรคือสติที่เราสร้างขึ้นมา
แล้วการควบคุมจิต เราควบคุมจิตอยู่ในระดับไหน การละกิเลส ละความโลภ ละความโกรธ การแยกรูปแยกนาม การคลายความหลง เขาก็จะตามมา ถ้าเรายังแยกรูปแยกนามไม่ได้ เราก็จะไม่รู้ว่าเราหลงเลยนะ ถ้าเราไม่ได้สร้างความรู้สึกให้ต่อเนื่อง เราก็จะไม่รู้ว่าเราไม่มีสติ สติในทางโลกนั้นมีกันเต็มเปี่ยม สติที่จะรู้จิตนั้นเราต้องสร้างขึ้นมา ก็ต้องพยายาม
ทุกคนก็มีใจที่เป็นบุญเป็นกุศล แล้วก็มีโอกาสได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ สร้างบุญมาดี บุญเก่าก็มีบุญใหม่ก็มาสร้าง สติปัญญาในทางโลกก็ได้ศึกษาเล่าเรียน ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลก แถมกลับมาได้ทำงานกับบุคคลที่มีใจเป็นบุญเป็นกุศล อยากจะให้บริวารอยากจะให้ลูกน้องได้มาศึกษามาทำความเข้าใจกับชีวิตของตัวเราเอง ถึงได้เสียสละเสียเวลาให้บริวารมา วันสองวันสามวันก็ยังดี อย่างน้อยๆ ก็ได้กายวิเวกจิตวิเวก กายวิเวกจากภาระหน้าที่การงานที่คร่ำเคร่งกันมา ใจก็สบายขึ้น
นั่นแหละได้ผู้นำที่ดีได้หัวหน้าที่ดี ท่านก็เสียสละเวลา ไม่เห็นแก่ตัวๆ อยากจะให้บริวารได้มีความสงบมีความสุข ทีนี้เราก็มาสำรวจตรวจตราดูตัวเรา ว่าเราขาดตกบกพร่องอะไรในภาระหน้าที่การงานของตัวเรา เราก็จะได้รีบแก้ไข อยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเรามีความสมัครสมานสามัคคีกันหรือไม่ เราทำการทำงาน เรามีความขยันหมั่นเพียรถึงขนาดไหน มีความรับผิดชอบระดับใด เราต้องพยายามแก้ไขปรับปรุงตัวเรา
ขณะที่เราทำการทำงานนั้น จิตใจของเรามีความทุกข์ มีความกังวล มีความเศร้าหมองหรือไม่ เราก็จะได้แก้ไขจิตใจของเราไปด้วย มันก็จะได้ประโยชน์ ประโยชน์ทั้งภายใน ประโยชน์ทั้งภายนอก ประโยชน์ในส่วนรวม พวกเรามีโอกาสมาก มากที่สุด นั่นแหละ อันนี้อานุภาพแห่งบุญ พวกเราก็มีบุญ ได้ทำการทำงานกับบุคคลที่มีบุญ
หลวงพ่อก็ขอขอบใจ ขอบคุณทุกคน ทั้งขอบคุณทั้งหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ที่ส่งบริวารมา ทางโรงปูนทั้งหัวหน้าใหญ่หัวหน้ารองท่านก็มาช่วย ไม่ใช่ช่วยเฉพาะให้คนมาช่วยทำการทำงาน ทางด้านปูนท่านก็ส่งมาช่วย แม้ตั้งแต่ทรัพย์สินเงินทอง ท่านก็ยังส่งมาช่วย นี่แหละหลวงพ่อก็ขอขอบคุณ แล้วก็ขอบใจทุกคน แล้วก็ได้ผู้นำที่ดี แล้วก็คุณโยมทองหล่อ ก็ได้พาบริวารมาช่วยหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าหลวงพ่อจะไปอยู่ที่ไหนท่านก็พาบริวารไปช่วย ไม่ว่าอยู่เขื่อนอยู่ที่ทำการทำงานอยู่ที่หลายที่หลายจุด ที่หลวงพ่อไปสร้างไปทำให้เป็นแหล่งบุญแหล่งกุศลให้กับทุกคนก็ได้มาช่วยกัน
พวกเรามีบุญถึงได้มาอยู่ร่วมกันได้มาทำงานร่วมกัน ก็ขอให้ทำด้วยใจที่มีความสงบมีความสุข อย่าไปตึงเครียดอะไร มาที่นี่ก็มาบ้านของเรา หาเวลามา อยากจะมาเมื่อไหร่ก็มาได้ตลอดเวลา ทางวัดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มาได้ตลอดเวลา พาลูกพาหลานมา อย่าไปกังวล มีลูกพาลูกมา มีหลานพาหลานมา พาครอบครัวมา มาได้ตลอดเวลา มาสร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน อยากจะมาฝึกหัดเจริญสติเจริญสมาธิ หากายวิเวกหาจิตวิเวกก็มา
ตามความเป็นจริงแล้ว ก็ปฏิบัติธรรมทุกอย่างนั่นแหละ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ทำการทำงาน ก็เป็นการปฎิบัติธรรม ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ สมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี ทางด้านจิตทางด้านวิมุตติเราก็พยายามคลายความหลง หมั่นชำระสะสางกิเลสของเราออกจากจิตจากใจของเราให้หมดจด เพราะว่ากิเลสนี้ไม่มีหรอก กิเลสนี้มีมาทีหลัง เราต้องพยายามกำจัดออกให้มันหมด
จิตของทุกคน ทุกดวงนั้นเป็นจิตที่ประภัสสร ผ่องใสอยู่เดิม เพราะความไม่รู้ อวิชชา ความหลง เข้ามาครอบงำเอาไว้ ทำให้จิตของเราหลงวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่หลายกัปหลายกัลป์ ทีนี้เรามาคลายความหลงเสีย มาดับความเกิดเสีย มองหาหนทางที่จะเดิน เดินไปในกองกุศลในกองบุญ
ตราบใดที่จิตยังไม่หลุดพ้น ก็หมั่นสร้างบุญสร้างกุศล หรือว่าสร้างตบะบารมี การสร้างตบะบารมีเราสร้างได้ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมาปุ๊บเราก็รีบสำรวจกายของเราเสีย สำรวจจิตของเราเสีย เรามีความเกียจคร้านไหม จิตของเราเกิดความกังวลเกิดความฟุ้งซ่านหรือไม่ เราก็รู้จักดับ กายของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน จิตของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีพรหมวิหารมีความเมตตา มีความเสียสละ ละความตระหนี่เหนียวแน่นออกจากใจของเราตลอดเวลา ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความอิจฉาริษยาออกจากใจของเรา ได้วันละเล็กวันละน้อยก็ค่อยเดินไปๆ เดี๋ยวก็ถึงจุดหมายปลายทางเอง ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้ของการหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องกันสักพักนะ อย่าไปบังคับ อย่าไปเพ่ง อย่าไปจดจ่อ เพียงแค่เรามีความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเรา ทำกายให้โล่ง สมองให้โปร่ง จิตให้ว่าง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ให้ต่อเนื่องกันสักพักนะ