หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 18
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 18
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ดับความคิด ดับความกังวล ดับความฟุ้งซ่านต่างๆ เอาไว้ให้หมด ถึงเราหยุดไม่ได้ เราก็พยายามหยุดขณะที่เรากำลังนั่งอยู่นี่แหละ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก สร้างความรู้สึกรับรู้ลมหายใจเข้าออกที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2 - 3 เที่ยว สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา เราก็จะมีความรู้สึกที่ชัดเจน
ถ้ามีความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ จิตของเราก็จะสงบระงับตั้งมั่นขึ้น กายของเราก็สบายขึ้น ความรู้สึกรับรู้ที่ต่อเนื่องนั่นแหละ เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ สติรู้ตัว สัมปชัญญะ รู้ตัวรู้กาย ถ้าความรู้ตัวต่อเนื่องเราก็จะรู้จิต รู้ลักษณะของจิต รู้การเกิดการดับของจิต รู้การเกิดการดับของความคิด หรือว่าอาการของขันธ์ห้าที่เขาเกิดๆ ดับๆ สำรวจ สำรวมกายอินทรีย์ของเรา อะไรถูก อะไรผิด อะไรควรเจริญ อะไรควรละ
แต่ละวันๆ ตื่นขึ้นมา เราก็จะได้แก้ไขปรับปรุงตัวเราตลอดเวลา จิตของเราเป็นกุศล เราก็พยายามละอกุศลเสีย เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้น จิตของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่นออกจากจิตจากใจของเรา จิตของเรามีความโกรธ เราก็พยายามละความโกรธด้วยการเจริญพรหมวิหาร มองโลกในทางที่ดี ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน ทุกคนก็มีบารมีกัน ได้สร้างอานิสงส์สร้างบารมีกันมาพอสมควร อย่าไปปิดกั้นตัวเองว่าเราไม่ได้สร้าง เราปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่ภพก่อนๆ เสียด้วย ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว จากเด็กเป็นผู้ใหญ่ ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน มีความขยันหมั่นเพียรสร้างฐานะครอบครัวของตัวเองอยู่ในระดับของสมมติจนเจริญรุ่งเรือง
ทางด้านจิตใจ เราก็พยายามหมั่นวิเคราะห์ดู จิตใจของเรามีความโกรธ มีความเครียด มีความกังวล มีความฟุ้งซ่านเรื่องอะไรบ้าง แต่ละวันๆ ก็จะได้แก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง การเจริญสติ ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุมีผล
เหตุผลทางด้านการประพฤติการปฏิบัติ ก็เพื่อที่จะแก้ไขปรับปรุงให้จิตของเรามีความสุข กายของเรามีความสุข สมมติของเราอยู่ดีมีความสุข จะอยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ถ้าคิดผิด มองผิด อยู่คนเดียวก็มีความทุกข์ อยู่หลายคนก็มีความทุกข์ ถ้าเราไม่เข้าใจในชีวิตของเรา บางครั้งจิตของเราก็เป็นบุญอยู่ แต่เราขาดการวิเคราะห์พิจารณาจิตของเราเท่านั้นเอง
ตื่นขึ้นมาแต่ละวันๆ เราได้สร้างประโยชน์อะไรบ้าง เราได้สร้างคุณงามความดีอะไรบ้างให้กับตัวเรา รู้จักสำรวมกายอินทรีย์ของเราแล้วหรือยัง กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร ตาทำหน้าที่ดู หูทำหน้าที่ฟัง ซึ่งเป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียง ส่งเข้าไปถึงดวงจิต หรือวิญญาณของเรา ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม ร่างกายของเรานี้ก็เป็นส่วนรูปธรรม ส่วนจิตของเรานั้นก็เป็นนามธรรม เขาเกิดอย่างไร ทำอย่างไรจิตของเราถึงจะสงบ ทำอย่างไรจิตของเราถึงจะเป็นเอก เป็นหนึ่ง เป็นบริสุทธิ์ ถึงความบริสุทธิ์
ตามสภาวะเดิมแท้ของจิตนั้นเขาสะอาดบริสุทธิ์ ความไม่รู้ ความหลงทำให้จิตของเราเป็นทาสของอารมณ์ ทำให้จิตของเราเป็นทาสของกิเลส เกิดทิฐิ เกิดมานะ เกิดอัตตาตัวตน อาจจะถูกอยู่ในระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้ว เราต้องวางต้องคลายออกให้หมดจด จนเหลือแต่ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น มองโลกในทางที่ดี มองเห็นหนทางว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิด ก็ต้องพยายามกันนะ พยายามกัน เท่าที่เรามีความสามารถทำได้
แต่ละวันๆ เราได้สร้างอานิสงส์อะไรบ้าง หลวงพ่อก็พาทำพาสร้างอยู่ตลอดเวลาเท่าที่โอกาสอำนวย เวลาอำนวย ทำอยู่ตลอด ทั้งเรื่องการเจริญสติ การเจริญสมาธิ ทั้งทางด้านวัตถุทานก็พาทำ หลวงพ่อก็ได้พาทำหลายสิ่งหลายอย่าง และนี่ก็ได้พาทำจัดสร้างองค์พระพุทธรูปใหญ่ที่อยู่ฝั่งตะวันออกสูง 19 เมตร ปางลีลา ญาติโยมก็มาช่วยกัน ตอนนี้กำลังปรับที่ถมที่
ส่วนทางด้านฝั่งโรงครัวก็ได้จัดทำปางประสูติหลังองค์หลวงปู่ใหญ่ ทางด้านตะวันตก ก็จะได้จัดทำปางปรินิพพานให้ครบ จะได้เป็นแหล่งบุญใหญ่ของทุกคน แล้วก็ได้ตัดถนนจากทางวัดเข้าไปถึงในหมู่บ้าน เพื่อที่จะให้ทุกคนได้ไปมาสะดวกสบาย ข้ามทุ่งนาไป เห็นความลำบากของชาวบ้านเวลาฝนฟ้าตก หรือว่าเวลาน้ำหลากมา หรือว่าเวลามีการมีงานก็จะลำบาก มีโอกาสพอช่วยกันได้ก็ช่วย ก็ญาติโยมมาทำบุญให้ทานหลวงพ่อก็เก็บเอาไว้ พอสร้างสะสมประโยชน์อะไรได้ก็ทำ แม้แต่การเรื่องการไถ่ชีวิตโคกระบือ หลวงพ่อก็พาทำ ซึ่งทำมาแล้วก็สองปีกว่า ก็ได้ไปตั้ง 800 รวม 900 กว่าตัว ที่ไถ่ชีวิตให้กับญาติโยมไปเลี้ยง
มีโอกาสก็ได้พาญาติโยมเราทุกคนมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนต่างๆ เป็นอานิสงส์ทั้งโรงเรียน 30 - 40 กว่าโรง อำนวยความสะดวกให้ทั้งโรงเรียน ทั้งอนามัย ทั้งอนุบาล ไม่ว่าใกล้ว่าไกล อยู่ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ มีโอกาสก็พาทำ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ญาติโยมบางคนบางท่านไม่ได้มา ก็น้อมใจเข้ามาอนุโมทนาสาธุ ก็เป็นอานิสงส์เป็นบุญ เรามีโอกาสให้รีบทำเถอะ ทำน้อยทำมากก็เป็นของเรา ระลึกนึกถึงเมื่อไหร่ จิตใจของเราก็อิ่มปิติเบิกบาน ถ้าถึงกาลถึงเวลาแล้ว จิตใจของเราก็มีแต่ความสุข สุขด้วยการให้ สุขด้วยการเอาออก สุขด้วยการคลาย ด้วยความบริสุทธิ์ ด้วยความหลุดพ้น
เราไม่เข้าใจแนวทาง ถึงได้แสวงหาแนวทาง แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็มาเปิดเผย เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะทำตามหรือไม่เท่านั้นเอง ทุกคนก็เดินอยู่ บางคนบางท่านก็เดินช้า บางคนบางท่านก็เดินเร็ว เดินทางด้านสติ เดินทางด้านปัญญา เดินทางด้านจิตใจ ทางด้านสมมติเราก็ทำตามหน้าที่ของเราให้ดีเท่าที่เราจะทำได้ ก็พยายามอย่าไปทิ้งบุญ อย่าไปทิ้งวัด อย่าไปทิ้งพระ พระอยู่ที่ไหน ทำกายของเรานี่แหละให้เป็นวัด ทำกายของเราให้เป็นบ้าน ทำจิตของเราให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ เราก็จะได้เป็นบุคคลที่เข้าวัด เข้าพบพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา
ใครเห็นธรรมคนนั้นก็เห็นเรา ใครเห็นเราคนนั้นก็เห็นตถาคต ใครเห็นจิตคนนั้นก็เห็นธรรม ใครเห็นธรรมคนนั้นก็เห็นเราตถาคต พระพุทธเจ้าก็จะมาอยู่กับเรา อยู่ที่ไหนก็เป็นวัด เราก็จะได้ฟังธรรมะของพระพุทธองค์ตลอดเวลา รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ ก็จะเป็นอาจารย์สอนธรรมะให้เรา ตื่นขึ้นมาเราก็พยายามแก้ไขตัวเอง ไม่มีใครที่จะแก้ไขให้เราได้ นอกจากตัวของเราเอง เราต้องพยายามแก้ไข เรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามละความเกียจคร้าน เราไม่มีความรับผิดชอบ เราต้องเพิ่มความรับผิดชอบ เราไม่มีความขยันหมั่นเพียร เราต้องสร้างความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น
สติ สมาธิไม่มี เราก็ต้องสร้างต้องทำให้มีให้เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆ จะเป็นเอง เราต้องพยายามทำ พยายามศึกษา ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไหร่ เรายิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไหร่ ยิ่งไม่สนใจ ยิ่งห่างไกล ถ้าเราเข้าใจแล้ว อยู่ที่ไหนจะอยู่กับธรรม ธรรมะจะรักษาเรา สติปัญญา สมาธิ ความว่าง ความบริสุทธิ์ก็จะรักษาเรา ใหม่ๆ สติไม่มีเราต้องสร้างให้มี จิตไม่เป็นสมาธิเราก็ต้องทำให้เป็นสมาธิ จิตคลายความหลงไม่ได้ เราต้องหัดวิเคราะห์จนจิตของเราคลายความหลง แยกรูปแยกนาม เดินปัญญาละกิเลสให้หมดจด เราละไม่ได้หมดวันนี้ วันพรุ่งนี้เราต้องละให้หมด ละไม่ได้หมดจดก็เดือนหน้าปีหน้า ถ้าไม่หมดจริงๆ ก็ไปต่อเอาภพหน้า อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เราก็ต้องพยายามนะ ทุกคนก็มีบุญแล้วแหละ ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันนะ
ถ้ามีความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ จิตของเราก็จะสงบระงับตั้งมั่นขึ้น กายของเราก็สบายขึ้น ความรู้สึกรับรู้ที่ต่อเนื่องนั่นแหละ เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ สติรู้ตัว สัมปชัญญะ รู้ตัวรู้กาย ถ้าความรู้ตัวต่อเนื่องเราก็จะรู้จิต รู้ลักษณะของจิต รู้การเกิดการดับของจิต รู้การเกิดการดับของความคิด หรือว่าอาการของขันธ์ห้าที่เขาเกิดๆ ดับๆ สำรวจ สำรวมกายอินทรีย์ของเรา อะไรถูก อะไรผิด อะไรควรเจริญ อะไรควรละ
แต่ละวันๆ ตื่นขึ้นมา เราก็จะได้แก้ไขปรับปรุงตัวเราตลอดเวลา จิตของเราเป็นกุศล เราก็พยายามละอกุศลเสีย เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้น จิตของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่นออกจากจิตจากใจของเรา จิตของเรามีความโกรธ เราก็พยายามละความโกรธด้วยการเจริญพรหมวิหาร มองโลกในทางที่ดี ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน ทุกคนก็มีบารมีกัน ได้สร้างอานิสงส์สร้างบารมีกันมาพอสมควร อย่าไปปิดกั้นตัวเองว่าเราไม่ได้สร้าง เราปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่ภพก่อนๆ เสียด้วย ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว จากเด็กเป็นผู้ใหญ่ ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน มีความขยันหมั่นเพียรสร้างฐานะครอบครัวของตัวเองอยู่ในระดับของสมมติจนเจริญรุ่งเรือง
ทางด้านจิตใจ เราก็พยายามหมั่นวิเคราะห์ดู จิตใจของเรามีความโกรธ มีความเครียด มีความกังวล มีความฟุ้งซ่านเรื่องอะไรบ้าง แต่ละวันๆ ก็จะได้แก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง การเจริญสติ ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุมีผล
เหตุผลทางด้านการประพฤติการปฏิบัติ ก็เพื่อที่จะแก้ไขปรับปรุงให้จิตของเรามีความสุข กายของเรามีความสุข สมมติของเราอยู่ดีมีความสุข จะอยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ถ้าคิดผิด มองผิด อยู่คนเดียวก็มีความทุกข์ อยู่หลายคนก็มีความทุกข์ ถ้าเราไม่เข้าใจในชีวิตของเรา บางครั้งจิตของเราก็เป็นบุญอยู่ แต่เราขาดการวิเคราะห์พิจารณาจิตของเราเท่านั้นเอง
ตื่นขึ้นมาแต่ละวันๆ เราได้สร้างประโยชน์อะไรบ้าง เราได้สร้างคุณงามความดีอะไรบ้างให้กับตัวเรา รู้จักสำรวมกายอินทรีย์ของเราแล้วหรือยัง กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร ตาทำหน้าที่ดู หูทำหน้าที่ฟัง ซึ่งเป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียง ส่งเข้าไปถึงดวงจิต หรือวิญญาณของเรา ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม ร่างกายของเรานี้ก็เป็นส่วนรูปธรรม ส่วนจิตของเรานั้นก็เป็นนามธรรม เขาเกิดอย่างไร ทำอย่างไรจิตของเราถึงจะสงบ ทำอย่างไรจิตของเราถึงจะเป็นเอก เป็นหนึ่ง เป็นบริสุทธิ์ ถึงความบริสุทธิ์
ตามสภาวะเดิมแท้ของจิตนั้นเขาสะอาดบริสุทธิ์ ความไม่รู้ ความหลงทำให้จิตของเราเป็นทาสของอารมณ์ ทำให้จิตของเราเป็นทาสของกิเลส เกิดทิฐิ เกิดมานะ เกิดอัตตาตัวตน อาจจะถูกอยู่ในระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้ว เราต้องวางต้องคลายออกให้หมดจด จนเหลือแต่ความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น มองโลกในทางที่ดี มองเห็นหนทางว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิด ก็ต้องพยายามกันนะ พยายามกัน เท่าที่เรามีความสามารถทำได้
แต่ละวันๆ เราได้สร้างอานิสงส์อะไรบ้าง หลวงพ่อก็พาทำพาสร้างอยู่ตลอดเวลาเท่าที่โอกาสอำนวย เวลาอำนวย ทำอยู่ตลอด ทั้งเรื่องการเจริญสติ การเจริญสมาธิ ทั้งทางด้านวัตถุทานก็พาทำ หลวงพ่อก็ได้พาทำหลายสิ่งหลายอย่าง และนี่ก็ได้พาทำจัดสร้างองค์พระพุทธรูปใหญ่ที่อยู่ฝั่งตะวันออกสูง 19 เมตร ปางลีลา ญาติโยมก็มาช่วยกัน ตอนนี้กำลังปรับที่ถมที่
ส่วนทางด้านฝั่งโรงครัวก็ได้จัดทำปางประสูติหลังองค์หลวงปู่ใหญ่ ทางด้านตะวันตก ก็จะได้จัดทำปางปรินิพพานให้ครบ จะได้เป็นแหล่งบุญใหญ่ของทุกคน แล้วก็ได้ตัดถนนจากทางวัดเข้าไปถึงในหมู่บ้าน เพื่อที่จะให้ทุกคนได้ไปมาสะดวกสบาย ข้ามทุ่งนาไป เห็นความลำบากของชาวบ้านเวลาฝนฟ้าตก หรือว่าเวลาน้ำหลากมา หรือว่าเวลามีการมีงานก็จะลำบาก มีโอกาสพอช่วยกันได้ก็ช่วย ก็ญาติโยมมาทำบุญให้ทานหลวงพ่อก็เก็บเอาไว้ พอสร้างสะสมประโยชน์อะไรได้ก็ทำ แม้แต่การเรื่องการไถ่ชีวิตโคกระบือ หลวงพ่อก็พาทำ ซึ่งทำมาแล้วก็สองปีกว่า ก็ได้ไปตั้ง 800 รวม 900 กว่าตัว ที่ไถ่ชีวิตให้กับญาติโยมไปเลี้ยง
มีโอกาสก็ได้พาญาติโยมเราทุกคนมอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนต่างๆ เป็นอานิสงส์ทั้งโรงเรียน 30 - 40 กว่าโรง อำนวยความสะดวกให้ทั้งโรงเรียน ทั้งอนามัย ทั้งอนุบาล ไม่ว่าใกล้ว่าไกล อยู่ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ มีโอกาสก็พาทำ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ญาติโยมบางคนบางท่านไม่ได้มา ก็น้อมใจเข้ามาอนุโมทนาสาธุ ก็เป็นอานิสงส์เป็นบุญ เรามีโอกาสให้รีบทำเถอะ ทำน้อยทำมากก็เป็นของเรา ระลึกนึกถึงเมื่อไหร่ จิตใจของเราก็อิ่มปิติเบิกบาน ถ้าถึงกาลถึงเวลาแล้ว จิตใจของเราก็มีแต่ความสุข สุขด้วยการให้ สุขด้วยการเอาออก สุขด้วยการคลาย ด้วยความบริสุทธิ์ ด้วยความหลุดพ้น
เราไม่เข้าใจแนวทาง ถึงได้แสวงหาแนวทาง แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็มาเปิดเผย เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะทำตามหรือไม่เท่านั้นเอง ทุกคนก็เดินอยู่ บางคนบางท่านก็เดินช้า บางคนบางท่านก็เดินเร็ว เดินทางด้านสติ เดินทางด้านปัญญา เดินทางด้านจิตใจ ทางด้านสมมติเราก็ทำตามหน้าที่ของเราให้ดีเท่าที่เราจะทำได้ ก็พยายามอย่าไปทิ้งบุญ อย่าไปทิ้งวัด อย่าไปทิ้งพระ พระอยู่ที่ไหน ทำกายของเรานี่แหละให้เป็นวัด ทำกายของเราให้เป็นบ้าน ทำจิตของเราให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ เราก็จะได้เป็นบุคคลที่เข้าวัด เข้าพบพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา
ใครเห็นธรรมคนนั้นก็เห็นเรา ใครเห็นเราคนนั้นก็เห็นตถาคต ใครเห็นจิตคนนั้นก็เห็นธรรม ใครเห็นธรรมคนนั้นก็เห็นเราตถาคต พระพุทธเจ้าก็จะมาอยู่กับเรา อยู่ที่ไหนก็เป็นวัด เราก็จะได้ฟังธรรมะของพระพุทธองค์ตลอดเวลา รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ ก็จะเป็นอาจารย์สอนธรรมะให้เรา ตื่นขึ้นมาเราก็พยายามแก้ไขตัวเอง ไม่มีใครที่จะแก้ไขให้เราได้ นอกจากตัวของเราเอง เราต้องพยายามแก้ไข เรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามละความเกียจคร้าน เราไม่มีความรับผิดชอบ เราต้องเพิ่มความรับผิดชอบ เราไม่มีความขยันหมั่นเพียร เราต้องสร้างความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น
สติ สมาธิไม่มี เราก็ต้องสร้างต้องทำให้มีให้เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าอยู่เฉยๆ จะเป็นเอง เราต้องพยายามทำ พยายามศึกษา ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไหร่ เรายิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไหร่ ยิ่งไม่สนใจ ยิ่งห่างไกล ถ้าเราเข้าใจแล้ว อยู่ที่ไหนจะอยู่กับธรรม ธรรมะจะรักษาเรา สติปัญญา สมาธิ ความว่าง ความบริสุทธิ์ก็จะรักษาเรา ใหม่ๆ สติไม่มีเราต้องสร้างให้มี จิตไม่เป็นสมาธิเราก็ต้องทำให้เป็นสมาธิ จิตคลายความหลงไม่ได้ เราต้องหัดวิเคราะห์จนจิตของเราคลายความหลง แยกรูปแยกนาม เดินปัญญาละกิเลสให้หมดจด เราละไม่ได้หมดวันนี้ วันพรุ่งนี้เราต้องละให้หมด ละไม่ได้หมดจดก็เดือนหน้าปีหน้า ถ้าไม่หมดจริงๆ ก็ไปต่อเอาภพหน้า อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เราก็ต้องพยายามนะ ทุกคนก็มีบุญแล้วแหละ ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันนะ