หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 045

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 045
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 045
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ การเจริญสติการสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง แล้วก็รู้จักเอาไปวิเคราะห์ใจของเรา ทำความเข้าใจกับชีวิตของเรา แต่ละวันตื่นขึ้นมาใจของเราสงบปกติ หรือว่าใจของเราเกิดความกังวล เกิดความฟุ้งซ่าน หรือว่าใจของเราเกิดความเครียด เราก็พยายามหาเหตุหาผล วิเคราะห์ทั้งภายนอกทั้งภายใน

ตื่นขึ้นมาเรามีความขยันหมั่นเพียรหรือไม่ หรือว่าเรามีความเกียจคร้าน หรือว่าเรามีความรับผิดชอบ มีความเสียสละอย่างเต็มเปี่ยมหรือเปล่า เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา ขวนขวายสร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละ มองโลกในทางที่ดี คิดดี อย่าเอาตั้งแต่งอมืองอเท้าเกียจคร้าน แบกอัตตาตัวตน หนักก็หนัก หนักตัวเราแล้วก็ไปหนักสถานที่ หนักคนอื่นไปที่ไหนก็หนัก ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรวิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเรา แทนที่จะเข้าใจในธรรมกลับมีตั้งแต่ความหลง หลงเกิด หลงยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ

การเจริญสติ ถ้าเราไม่รู้ฐานของใจก็อยากที่จะดับทุกข์ได้คลายทุกข์ได้ รู้ฐานของใจ ใจก็ต้องคลายออก ออกจากอารมณ์ต่างๆ ออกจากความนึกคิดปรุงแต่งๆ ที่เกิดจากอาการของขันธ์ห้า ซึ่งเราสวดเราท่องกันอยู่ทุกวัน ก็ต้องพยายามทำความเพียรให้ทุกอิริยาบถ ทำในใจ ยืนเดินนั่งนอนมีสติรู้กายรู้ใจของเราตลอดเวลา

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ หลับตื่นขึ้นเอาใหม่ ถ้าเรามีความขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันทั้งกลางคืน เราดูรู้ได้ตลอดเวลานั่นแหละเพราะว่าใจมันตื่นตลอดเวลา เพียงแค่เราขาดสติเข้าไปทำความเข้าใจให้ต่อเนื่องเท่านั้นเอง ก็ต้องพยายามกันนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ขยันหมั่นเพียรกัน การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนพากันแสวงหามากันเต็มที่ แต่การเริ่มลงมือให้ต่อเนื่องกันจริงๆ จังๆ นี่ก็ต้องทำเอา ไม่ใช่ว่าไปอยู่ที่นั่นฉันจะเข้าใจไปอยู่ที่นี่ฉันจะเข้าใจ ถ้าการทำความเข้าใจไม่มีมันก็ยากที่จะเข้าใจ การเจริญสติไม่มีก็อยากที่จะเข้าใจ

ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างไร คำว่าปัจจุบันธรรม คือทุกขณะลมหายใจเข้าออก รู้อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของการรู้กาย ลึกลงไปก็รู้ความว่าง รู้ความปกติ การเกิดของใจ เพียงแค่การเกิด เขาก็ปิดบังตัวตนของเขาเอาไว้แล้วในใจ ถ้าเราดับ เราสังเกตจนใจของเราคลายออกจากอาการของใจได้นั่นแหละ อาการของใจถึงเรียกว่าอาการของขันธ์ห้า เขาเกิดๆ ดับๆ

ถ้ากำลังสติไม่เพียงพอไม่แหลมคม ไม่หมั่นเพียรจริงๆ ยาก ก็ได้แค่เพียงควบคุมก็ได้แค่เพียงควบคุมกับความสงบเขาเรียกว่า ‘สมถะ’ ก็ยังปิดบังอำพรางอยู่ กายเนื้อก็ปิดบังดวงจิตเอาไว้ อาการของตัวตนของตัวจิตก็ปิดบังตัวตนของมันจริงๆ เราแยกได้ตามดูได้ทำความเข้าใจได้ ไม่ให้คลาดสายของสติปัญญาได้นั่นแหละถึงจะมองทะลุปรุโปร่ง

ทีนี้การหยุด การดับ การระงับตัวจิต ตั้งแต่ก่อนจิตของเราไปไกลไปยาวไปเป็นเรื่องเป็นราว บางทีก็ไปเราก็ไม่รู้ เราก็พยายามดึงเข้ามา ดึงเข้ามาๆ ดับบ่อยๆ ก็สั้นลงๆๆ จนกว่าเพียงแค่แสดงอาการนิดเดียวเราดับเลย มันก็ถึงตัวตนของตัวใจที่แท้จริง คือความว่าง เราคลายใจของเราคลายออกจากความคิดให้ได้เสียก่อน ใจของเราถึงจะแยกรูปแยกนามได้ ใจของเราถึงจะไม่หลงเข้าไปร่วม เขาเรียกว่าความรู้แจ้งเห็นจริงถึงจะปรากฏเปิดทางให้ เพียงแค่เริ่มต้นสัมมาทิฏฐิ

แต่จิตทุกดวงก็อยู่ในกองบุญกองกุศล อยู่ในคลองศีลคลองธรรม อยู่ในกองบุญของกุศล แต่ถ้ายังแยกไม่ได้ก็ไม่ใช่ความรู้แจ้งที่แท้จริง แต่ก็ยังอยู่ในแนวทาง ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี อย่าพากันเกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบต่อตัวเราต่อคนอื่นต่อสถานที่ อย่าเอาตั้งแต่ความเกียจคร้าน

ปฏิบัติธรรมก็ให้รู้ธรรม อะไรคือธรรม อะไรคือใจ อะไรคือสมมติคือวิมุตติ ปฏิบัติธรรมไม่รู้ธรรม ปฏิบัติจิตไม่รู้จิต ทำงานไม่รู้งานมันจะไปได้อะไร มันก็ทำด้วยความหลง เราก็ต้องพยายามจำแนกแจกแจงให้ชัดเจน อันนี้ลักษณะของสติหรือว่าปัญญา สติที่เราสร้างขึ้นมาจนกลายเป็นปัญญาเป็นมหาปัญญา จนไม่ได้สร้างจนเป็นเองในการดูในการรู้ในการชำระสะสางกิเลส ในการดูแลใจหมั่นพร่ำสอนใจ

ใหม่ๆ นี่ใจมันสอนยาก มันเกิด มันวิ่งมันเที่ยวมาตั้งนานหลายภพหลายกัปหลายกัลป์แล้ว เราจะมาจำแนกแจกแจงมาแยกแยะมาคลายได้ กว่าจะคลายได้ก็ต้องสร้างตบะสร้างบารมี สร้างขันติความเพียรให้เต็มที่ ทุกอย่าง ตบะความเพียร ความอดทนอดกลั้น การให้อภัยทานอโหสิกรรม ละกิเลส การละกิเลสภายนอกภายในให้มันจบ

คนเราเกิดมาก็มีบุญอยู่แล้วที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาอีกด้วย มีโอกาสแล้วอย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้งเสียดายเวลา อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง พยายามเพิ่มความขยันหมั่นเพียร แนวทางนั้นก็พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผย เป็นบรมครูของโลกอยู่แล้ว เราพยายามเดินตามให้มีให้ปรากฏขึ้นที่ใจ ให้ใจของเราคลายออกได้จนหมดความสงสัย หมดความลังเล มีตั้งแต่จะมีความเพียรให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว ตราบใดที่เรายังเดินอยู่ก็ต้องถึง ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว แต่การทำบุญให้ทานพวกเรามีโอกาสได้ทำอยู่ตลอดเวลา

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง