หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 013

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 013
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 013
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง เป็นการย้ำเป็นการเตือนให้ทุกคนรู้จักการสร้างความรู้ตัว รับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’

มีความเพียร มีความเพียร​หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์หมั่นสำรวจหมั่นตรวจตรากัน ลักษณะของใจของเรา ลักษณะความเกิดความดับ อาการของความคิด อาการของอารมณ์ ตัววิญญาณของเราซึ่งมาอาศัยขันธ์ห้าของเราอยู่ มาสร้างภพสร้างชาติตรงนี้ ทั้งที่ก็รู้อยู่แต่เราขาดการใส่ใจทำให้ต่อเนื่องก็เลยยากที่จะรู้ในรายละเอียดให้ลึกลงไป

เราพยายามหมั่นแก้ไขหมั่นปรับปรุง ใจของเราเกิดกิเลสเราก็ละกิเลส ถ้าเราไม่วิเคราะห์เราไม่มีใครจะวิเคราะห์ให้เราได้เลย เราต้องสร้างสติเข้ามาวิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของเราตามคำสอนของพระพุทธองค์ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกของเราเป็นอย่างไร หายใจธรรมชาติหรือไม่ ภาระหน้าที่การงานของเราเป็นกุศลหรือว่าอกุศล ใจของเรามีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักดับรู้จักแก้ไข บุคคลที่มีสติมีปัญญามีบุญอยู่คนเดียวก็วิเคราะห์ใจของตัวเราเอง อยู่หลายคนก็วิเคราะห์ใจของเราเอง จนล้นออกไปสู่ภาระหน้าที่การงาน

ทำงานไปด้วยใจรับรู้ไปด้วย ได้พักผ่อนไปในตัว ประโยชน์ภายนอกเราก็ไม่ทิ้งประโยชน์ภายในเราก็ไม่ทิ้ง ได้ทั้งสองอย่างประโยชน์ทั้งภายนอกทั้งภายใน ธรรมกับโลก ธรรมภายใน ในใจของเรานั่นแหละ ใจของเรามีความสะอาดความบริสุทธิ์ การขัดเกลากิเลสของเรา จะไปอยู่ที่โน่นที่นี่ถ้าเราไม่รู้ใจของเรา เราจะไปสอนใจของเราได้อย่างไร

ช่วงใหม่ๆ ก็ต้องทั้งดับทั้งละทั้งอดทั้งข่มทั้งฝืน เพราะว่าใจธรรมชาติของใจในระดับของโลกิยะนั้นเขาชอบคิดชอบเที่ยวเพราะว่าเขาหลง หลงมาไม่รู้กี่กัปแล้วกี่ชาติแล้ว เขาหลงมาจนหลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์นี่แหละ มีกายเนื้อเข้ามาหุ้มห่อปิดบังเอาไว้ ลึกลงไปก็เกิดทางด้านวิญญาณ ตัวใจหรือว่าตัววิญญาณมันจะเกิดปรุงแต่ง แล้วยังเป็นทาสของอารมณ์ทาสของกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมาปิดบังตัวมันเอาไว้อีก แม้แต่ตัววิญญาณแท้ๆ เขาก็หาเหตุหาผลมาปิดบังตัวเขาเพราะว่าเขาชอบคิดชอบเที่ยว

ทีนี้เรามาสร้างความรู้ตัวเข้าไปค้นคว้าหาเหตุหาผลให้ใจของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง เรารู้ต้นเหตุของใจการเกิดของใจไม่ทันเราก็ดับเขาเรียกว่า ‘สมถะ’ เขาเรียกว่า ‘ดับ’ ‘หยุด’ หยุดให้นิ่งอยู่กับการหายใจเข้าออก หรือว่าอยู่กับคำบริกรรม จนกว่ากำลังสติของเราจะเข้มแข็งต่อเนื่อง จนกว่าจะรู้เท่าทันตัววิญญาณ ตัวใจคลายออกจากอาการของใจได้เขาก็พลิกเขาก็หงาย เขาก็ว่างเขาก็โปร่ง

ตามดูรู้เห็นการเกิดการดับของความคิด ทุกเรื่องก็จะลงไตรลักษณ์ ลงอนัตตาลงความว่างหมด ใจของเรารู้เห็นว่าความไม่เที่ยงตรงนั้น ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง เขาจะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่ใช่ว่าเขาจะเบื่อหน่ายง่ายๆ​ ​นะ เราต้องตามค้นคว้าตามละตามหาเหตุหาผลจนไม่มีที่จะสงสัยอะไรได้โน่นแหละ ทีนี้เราก็มาดับการเกิดของใจของเราอีก ก็ต้องพยายามกัน

การพูดการได้ยินได้ฟังนี้ง่ายอยู่ การลงมือจริงๆ ก็ลงมือทุกขณะนั่นแหละ มันเกิดเมื่อไรเราก็ดับ เข้ามาเมื่อไรก็ตามทำความเข้าใจจนไม่เหลือนั่นแหละ ถึงจะอยู่เฉยๆ ได้ การพูดนี่รู้สึกว่าง่าย การลงมือจริงๆ ก็ยากอยู่ มีหลายชั้นหลายขั้นหลายตอนจริงๆ แต่ก็อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง

พยายามหมั่นสร้างคุณงามความดี สร้างบุญสร้างกุศลสร้างอานิสงส์ ทำกายให้เป็นบุญทำวาจาให้เป็นบุญทำใจให้เป็นบุญเราก็จะอยู่กับบุญ รู้จักควบคุมกายแล้วก็ควบคุมวาจาแล้วก็ควบคุมใจ จนกว่าใจของเราจะคลายออก ทำความเข้าใจละการเกิดจนเขาปล่อยให้เป็นอิสระได้นั่นแหละ ต้องอาศัยความเพียรที่ต่อเนื่อง อาศัยความเพียรที่ถูกต้อง อาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ จนหมดความสงสัยนั่นแหละ ท่านถึงบอกให้เชื่อ

ตราบใดที่เราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่องเราก็ว่าเรามีสติอยู่ ตราบใดที่จิตยังไม่ได้คลายเราก็รู้ว่าเราเห็นจิตรู้จิตทั้งที่เขาก็หลงอยู่ ถ้าเขาคลายได้แยกได้เมื่อไร ถ้าขาดตามทำความเข้าใจให้ต่อเนื่องให้ได้ทุกเรื่องอีกเขาก็ซึมเข้าสู่สภาพเดิม มันปิดกั้นเอาไว้เยอะเลยทีเดียว เพียงแค่การไปการมา ความอยากไปอยากมา ความไม่อยากไปไม่อยากมา มันก็ปิดกันเอาไว้ เพราะว่าใจไม่นิ่งใจไม่เป็นกลาง ต้องละเอียด ต้องพยายามเอา อย่าไปโทษใคร โทษตัวเราเองแก้ไขตัวเราเอง

เรามาอยู่ร่วมกันเป็นหมู่เป็นคณะให้มีความรักความสมัครสมานสามัคคี มีอะไรก็คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น แก้ไขตัวเราแก้ไขใจเราอยู่ตลอดเวลา ไม่เป็นภาระให้ตัวเองไม่เป็นภาระให้คนอื่น เราทำบุญ สร้างบุญสร้างอานิสงส์มาร่วมกันนั่นแหละถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ถ้าไม่เคยสร้างบุญมาไม่เคยสร้างอานิสงส์มาร่วมกันก็ยากที่จะได้มาอยู่ร่วมกัน เราสร้างอานิสงส์สร้างบุญมาร่วมกันอาจจะหลายภพหลายชาติแต่ก่อนโน้น

อีกสักวาระเวลาเราก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของความเป็นจริง กฎของไตรลักษณ์ กายเนื้อแตกดับเหลือตั้งแต่วิญญาณ จะไปที่ไหนตรงนี้แหละ เรามาจัดการกับวิญญาณของเราให้ได้เสียขณะที่ยังมีกำลังกายที่แข็งแรงอยู่ ว่าเขาเกิดอย่างไร เขาหลงอะไร เราจะดำเนินไปในทางทิศไหน เราก็มาแก้ไขปรับปรุงเอา

ใจของเราอยู่ในกองบุญกองกุศล ใจของเราน้อมเข้ามาในการสร้างประโยชน์ สร้างอานิสงส์สร้างบุญให้เกิด บุญระดับของสมมติบุญระดับของโลกิยะ จนกระทั่งบุญของโลกุตระคือการปล่อยการวาง ทำใจให้ว่างให้สะอาดให้บริสุทธิ์ได้นั่นแหละ ดับความเกิดได้นั่นแหละ เราถึงจะสบายใจได้ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะเดินอย่างไร จะไปอย่างไรมาอย่างไร แต่เวลานี้เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็ขาดการสังเกต ขาดการสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ ก็ต้องพยายามนะ

เอาล่ะ​วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง