หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 004
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 004
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบายวางกายให้สบายวางใจให้สบาย ดับความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราดับไม่ได้หยุดไม่ได้ เราก็พยายามอพยายามข่มพยายามฝืน สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็ขาดการสนใจมากเลยทีเดียว ทั้งที่ใจก็เป็นบุญใจก็อยากจะได้บุญศรัทธาก็มีเต็มเปี่ยม น้อมกายเข้ามา เข้ามาศึกษาเข้ามาค้นคว้าเข้ามาทำบุญ แต่ความรู้ตัวเราต้องพยายามสร้างขึ้นมา แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้สึกรับรู้พลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ช่วงใหม่ๆ นี่แหละ ช่วงใหม่ๆ นี่แหละจะเผลอ แม้แต่ฝึกแม้แต่สร้างอยู่ก็เผลอถ้าเราไม่ขยันจริงๆ ส่วนการเกิดของใจ การเกิดของขันธ์ห้านั้นมีอยู่แล้ว มีอยู่มาตั้งนานไม่รู้กี่กัปกี่กัลป์กี่ภพกี่ชาติจนได้เกิดมา จนหลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์นี่แหละ
เกิดอยู่ในภพมนุษย์ซึ่งมีกายเนื้อเข้ามาครอบคลุมดวงใจอยู่ตรงนี้ ทีนี้การเกิดของใจอีกตรงนั้นแหละสำคัญ เกิดของใจยังไม่พอใจยังไปหลงเอาความคิดหลงอารมณ์ไปรวมเป็นตัวเดียวกันอีก มันหลงหลายชั้น เอากายเนื้อมาห่อหุ้มเอาไว้ ทีนี้ความคิด อารมณ์ความคิด กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ก็มาห่อหุ้มเอาไว้ซึ่งเรียกว่า ‘ความหลง’
ทำอย่างไรถึงจะคลายความหลงตรงนี้ได้ เราก็มาเจริญสติ มาเจริญพรหมวิหาร มาชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเรา ใจของเราเกิดความโลภเราพยายามละความโลภด้วยการให้ด้วยการเอาออก ใจของเรามีความโกรธเราก็พยายามละความโกรธแล้วก็ให้อภัยทานอโหสิกรรม มีความเสียสละ มีความอดทนมีความอดกลั้น มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความจริงใจต่อตัวเราต่อคนอื่น ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ไม่เอารัดเอาเปรียบต่อตัวเราเอง
เราก็ต้องพยายามเจริญสติเข้าไปศึกษา เข้าไปค้นคว้าเข้าไปทำความเข้าใจให้รู้ทุกเรื่อง อันนี้เรื่องของรูป อันนี้เรื่องของนาม กายของเรานี่เป็นก้อนรูป เขาทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว ทวารทั้งหกก็ทำหน้าที่ของเขา ซึ่งเป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียงส่งเข้าไปถึงวิญญาณของเรา เราต้องรู้วิญญาณหรือรู้ใจของเรา เราถึงจะสอนใจของเราได้
ไม่ใช่ว่าใจวิ่ง ทั้งหลงทั้งเกิดทั้งวิ่ง อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ หลักธรรมมีความจริงมีสัจจะมี วันนี้มีพรุ่งนี้มี ทุกสิ่งทุกอย่างมี ขอให้เราทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริงในหลักธรรมของพระพุทธองค์
ถ้าเรามาศึกษาค้นคว้าให้ละเอียดลงอยู่ที่กายที่ใจของเรา เราก็จะเห็น เห็นการเกิดเห็นการดับของจิตของวิญญาณ เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า ทำความเข้าใจกับภาษาโลก ทำความเข้าใจกับภาษาธรรม ตราบใดที่ใจของเรายังไม่คลายออกจากความคิด ออกจากอารมณ์ ออกจากความหลง เราก็จะไม่เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์
ไม่เข้าใจในคำว่าอัตตาเป็นลักษณะอย่างไร อนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร หลักของอริยสัจสี่เป็นลักษณะอย่างไร ขันธ์ห้ามีกี่กองกี่ขันธ์ ที่มันเกิดขึ้นในกายในวิญญาณของเราเป็นลักษณะอย่างไร ซึ่งเราก็พากันสวดพากันท่องอยู่ทุกวันทุกเช้าทุกเย็น ถ้าเราแยกแยะได้ตามดูได้ ยิ่งสวดยิ่งท่องไปเท่าไรก็น้อมดูใจของเรา มันเห็นชัดเจนมากเลยทีเดียว ยิ่งมีความสุข
กิเลสตัวไหนเราละได้หรือเราละยังไม่ได้เราก็พยายามละ พยายามละพยายามขัดเกลา กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เขาก็หาเหตุหาผล แม้แต่ตัวจิตตัววิญญาณเขาก็หาเหตุหาผลมาปิดบังอำพรางตัวของเขาไม่ให้เข้าถึงความสงบ ไม่ให้เข้าถึงความบริสุทธิ์เหมือนกัน เพราะว่าเขาชอบคิดชอบเที่ยว เขาคิดเที่ยวส่งไปภายนอก เขาหลงมานาน
กำลังสติปัญญาของเราต้องค้นคว้าหาเหตุหาผล ตามทำความเข้าใจหมั่นพร่ำสอนใจจนรู้เห็นตามความเป็นจริงได้นั่นแหละ จนละกิเลสได้หมด จนหมดงานหมดจดนั่นแหละเขาถึงจะได้หยุดพัก
แต่เวลานี้สติความรู้ตัวเราสร้างขึ้นมาแล้วหรือยัง สร้างขึ้นมาได้ต่อเนื่องแล้วก็รู้จักเอาไปใช้ รู้จักเอาไปสังเกตเอาไปวิเคราะห์ ไปหมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา เราจงเป็นผู้บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา ไปอยู่ที่ไหนก็จะไม่ได้เป็นบุคคลที่เก้อเขิน เป็นบุคคลที่ฉลาดปราดเปรื่องในการชำระสะสางกิเลสภายในของเรา ทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์
ก็ต้องพยายามกันนะไม่ว่าพระว่าชีว่าโยม พยายามสร้างบุญสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเราตลอดเวลา จัดระบบระเบียบของความคิดของอารมณ์ ของรูปของนาม ของสมมติให้ถูกต้อง เราก็จะอยู่กับสมมติอย่างมีความสงบความสุข ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข ทำวันนี้ให้ดีวันพรุ่งนี้ก็จะออกมาดีเอง วันพรุ่งนี้มะรืนนี้ เดือนหน้าปีหน้า มันไม่หลุดจริงๆ ก็ไปต่อเอาภพหน้า
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็ขาดการสนใจมากเลยทีเดียว ทั้งที่ใจก็เป็นบุญใจก็อยากจะได้บุญศรัทธาก็มีเต็มเปี่ยม น้อมกายเข้ามา เข้ามาศึกษาเข้ามาค้นคว้าเข้ามาทำบุญ แต่ความรู้ตัวเราต้องพยายามสร้างขึ้นมา แล้วก็พยายามสร้างให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้สึกรับรู้พลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ช่วงใหม่ๆ นี่แหละ ช่วงใหม่ๆ นี่แหละจะเผลอ แม้แต่ฝึกแม้แต่สร้างอยู่ก็เผลอถ้าเราไม่ขยันจริงๆ ส่วนการเกิดของใจ การเกิดของขันธ์ห้านั้นมีอยู่แล้ว มีอยู่มาตั้งนานไม่รู้กี่กัปกี่กัลป์กี่ภพกี่ชาติจนได้เกิดมา จนหลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์นี่แหละ
เกิดอยู่ในภพมนุษย์ซึ่งมีกายเนื้อเข้ามาครอบคลุมดวงใจอยู่ตรงนี้ ทีนี้การเกิดของใจอีกตรงนั้นแหละสำคัญ เกิดของใจยังไม่พอใจยังไปหลงเอาความคิดหลงอารมณ์ไปรวมเป็นตัวเดียวกันอีก มันหลงหลายชั้น เอากายเนื้อมาห่อหุ้มเอาไว้ ทีนี้ความคิด อารมณ์ความคิด กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ก็มาห่อหุ้มเอาไว้ซึ่งเรียกว่า ‘ความหลง’
ทำอย่างไรถึงจะคลายความหลงตรงนี้ได้ เราก็มาเจริญสติ มาเจริญพรหมวิหาร มาชำระสะสางกิเลสออกจากใจของเรา ใจของเราเกิดความโลภเราพยายามละความโลภด้วยการให้ด้วยการเอาออก ใจของเรามีความโกรธเราก็พยายามละความโกรธแล้วก็ให้อภัยทานอโหสิกรรม มีความเสียสละ มีความอดทนมีความอดกลั้น มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความจริงใจต่อตัวเราต่อคนอื่น ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ไม่เอารัดเอาเปรียบต่อตัวเราเอง
เราก็ต้องพยายามเจริญสติเข้าไปศึกษา เข้าไปค้นคว้าเข้าไปทำความเข้าใจให้รู้ทุกเรื่อง อันนี้เรื่องของรูป อันนี้เรื่องของนาม กายของเรานี่เป็นก้อนรูป เขาทำหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว ทวารทั้งหกก็ทำหน้าที่ของเขา ซึ่งเป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียงส่งเข้าไปถึงวิญญาณของเรา เราต้องรู้วิญญาณหรือรู้ใจของเรา เราถึงจะสอนใจของเราได้
ไม่ใช่ว่าใจวิ่ง ทั้งหลงทั้งเกิดทั้งวิ่ง อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ หลักธรรมมีความจริงมีสัจจะมี วันนี้มีพรุ่งนี้มี ทุกสิ่งทุกอย่างมี ขอให้เราทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริงในหลักธรรมของพระพุทธองค์
ถ้าเรามาศึกษาค้นคว้าให้ละเอียดลงอยู่ที่กายที่ใจของเรา เราก็จะเห็น เห็นการเกิดเห็นการดับของจิตของวิญญาณ เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า ทำความเข้าใจกับภาษาโลก ทำความเข้าใจกับภาษาธรรม ตราบใดที่ใจของเรายังไม่คลายออกจากความคิด ออกจากอารมณ์ ออกจากความหลง เราก็จะไม่เข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์
ไม่เข้าใจในคำว่าอัตตาเป็นลักษณะอย่างไร อนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร หลักของอริยสัจสี่เป็นลักษณะอย่างไร ขันธ์ห้ามีกี่กองกี่ขันธ์ ที่มันเกิดขึ้นในกายในวิญญาณของเราเป็นลักษณะอย่างไร ซึ่งเราก็พากันสวดพากันท่องอยู่ทุกวันทุกเช้าทุกเย็น ถ้าเราแยกแยะได้ตามดูได้ ยิ่งสวดยิ่งท่องไปเท่าไรก็น้อมดูใจของเรา มันเห็นชัดเจนมากเลยทีเดียว ยิ่งมีความสุข
กิเลสตัวไหนเราละได้หรือเราละยังไม่ได้เราก็พยายามละ พยายามละพยายามขัดเกลา กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน เขาก็หาเหตุหาผล แม้แต่ตัวจิตตัววิญญาณเขาก็หาเหตุหาผลมาปิดบังอำพรางตัวของเขาไม่ให้เข้าถึงความสงบ ไม่ให้เข้าถึงความบริสุทธิ์เหมือนกัน เพราะว่าเขาชอบคิดชอบเที่ยว เขาคิดเที่ยวส่งไปภายนอก เขาหลงมานาน
กำลังสติปัญญาของเราต้องค้นคว้าหาเหตุหาผล ตามทำความเข้าใจหมั่นพร่ำสอนใจจนรู้เห็นตามความเป็นจริงได้นั่นแหละ จนละกิเลสได้หมด จนหมดงานหมดจดนั่นแหละเขาถึงจะได้หยุดพัก
แต่เวลานี้สติความรู้ตัวเราสร้างขึ้นมาแล้วหรือยัง สร้างขึ้นมาได้ต่อเนื่องแล้วก็รู้จักเอาไปใช้ รู้จักเอาไปสังเกตเอาไปวิเคราะห์ ไปหมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา เราจงเป็นผู้บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา ไปอยู่ที่ไหนก็จะไม่ได้เป็นบุคคลที่เก้อเขิน เป็นบุคคลที่ฉลาดปราดเปรื่องในการชำระสะสางกิเลสภายในของเรา ทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์
ก็ต้องพยายามกันนะไม่ว่าพระว่าชีว่าโยม พยายามสร้างบุญสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเราตลอดเวลา จัดระบบระเบียบของความคิดของอารมณ์ ของรูปของนาม ของสมมติให้ถูกต้อง เราก็จะอยู่กับสมมติอย่างมีความสงบความสุข ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข ทำวันนี้ให้ดีวันพรุ่งนี้ก็จะออกมาดีเอง วันพรุ่งนี้มะรืนนี้ เดือนหน้าปีหน้า มันไม่หลุดจริงๆ ก็ไปต่อเอาภพหน้า
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ