หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 054

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 054
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 054
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทางลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสีย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ วางภาระหน้าที่การงานทางสมมติ พวกเราก็วางกันมาแล้ว ทีนี้เราก็มาหยุดความนึกคิด แล้วก็มาสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทางลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน

ทุกวันหลวงพ่อก็จะย้ำของเก่า เตือนของเก่า แล้วพวกท่านจงไปทำให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้ตัวต่อเนื่อง เราก็จะได้รู้อะไรดีๆ อีกเยอะในกายของเรา รู้ความปกติของใจ รู้ฐานของใจ รู้ลักษณะของใจ รู้ลักษณะอาการความคิด อารมณ์ รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในความจริงซึ่งอยู่ในกายของเรา ความจริงก็คือธรรมชาติของใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น ใจที่ปราศจากการเกิด ใจไม่เกิด ใจไม่หลง มีสติคอยดูรู้อยู่

ในเวลานี้ ความรู้ตัวของเรามีบ้างนิดหน่อย ไม่ได้ต่อเนื่อง แล้วก็ไม่ได้เอาไปใช้ กำลังมีไม่เพียงพอ เพียงแค่การสร้าง การเจริญก็ยังทำกันไม่ค่อยจะต่อเนื่อง เตาะแตะๆ แต่ศรัทธานั้นมีเต็มเปี่ยม การแสวงหาก็มีเต็มเปี่ยม แต่การเจริญสติตัวนี้แหละตัวสำคัญ เข้าไปสำรวจ เข้าไปทำความเข้าใจ หมั่นพร่ำสอนใจของเรา หมั่นวิเคราะห์ใจของเรา ทุกอิริยาบถตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ใจของเราเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่ปราศจากความเกิด ใจที่คลายออกจากอารมณ์ ใจที่ไม่มีกิเลส เราก็ต้องพยายามพร่ำสอนตัวเรา แก้ไขตัวเรา เป็นเรื่องของเราทุกคน เป็นเรื่องของตัวเราเองทั้งนั้น

พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องตัวเรา ถ้าเราทำความเข้าใจกับใจกับสมมติของเราแล้ว ก็จะทำความเข้าใจกับโลกภายนอก โลกสมมติ โลกธรรมแปดในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่คนเราคลายใจออกไม่ได้ ใจก็ยังเกิด ทั้งเกิดด้วย ทั้งวิ่งด้วย นั่นแหละเขาเรียก ‘วิบากกรรม’ การกระทำ ทั้งหลงด้วย อาจจะหลงอยู่ในการสร้างคุณงามความดี สร้างบุญสร้างกุศล อันนี้ก็เป็นฝ่ายดี ในหลักธรรมแล้วท่านก็ให้ละหมดนั่นแหละ สร้างดี แต่ไม่ยึดติดในดี
ก่อนที่จะละได้ เราก็ต้องรู้ฐาน สมมติฐานต้นเหตุเสียก่อน ว่าเขาเกิดตรงไหน เรื่องอะไรที่เกิด ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันที่ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ ความขยันหมั่นเพียร การสร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมี ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเต็มที่หรือไม่ การสังเกต การวิเคราะห์ การพร่ำสอนใจ ลักษณะของสติที่ชัดเจนเป็นลักษณะอย่างนี้ ลักษณะของใจเรา ต้องรู้ให้ชัดเจน สติกับใจต้องรู้ให้ชัดเจน ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา

ส่วนใจนั้นอยู่กลางใจ ลึกลงไปอีก ใจก็จะคลายออกจากความคิด ออกจากอารมณ์ มันก็จะซอยละเอียดลึกลงไปเรื่อยๆ เป็นเรื่องกุศลเรื่องอกุศล เรื่องอดีตเรื่องอนาคต สารพัดเรื่องที่เขาเข้ามาปรุงแต่งใจของเรา ใจของเราก็ทะเยอทะยานเข้าไป วมด้วย ทั้งเกิดจากความทะเยอทะยานอยาก เกิดจากตัวใจด้วย เกิดจากตัววิญญาณนั่นแหละ

บางทีก็เรียกวิญญาณ บางทีก็เรียกใจ เขาทะเยอทะยาน สารพัดอย่าง อันโน้นก็ยังไม่พร้อม อันนี้ก็ยังไม่พร้อม อันนั้นก็ขาด สารพัดอย่าง เขาปิดบังอำพรางตัวเองเอาไว้ในตัวเรียบร้อย ทีนี้ก็ความคิด อารมณ์ นิวรณธรรมต่างๆ มลทินต่างๆ ก็มาปิดกั้นเอาไว้ทีละชั้นๆ กว่าจะคลายออก กว่าจะงัดแงะออกทีละชั้นได้ ก็ต้องอยู่ที่ความเพียรอย่างยิ่งยวด มีกำลังสติอย่างต่อเนื่อง ถ้ายังสังเกตใจคลายออกจากความคิดไม่ได้ ความรู้ตัวนี่จะพลั้งเผลอ แม้แต่ใจมันคลายออก ถ้าขาดการตามทำความเข้าใจให้เข้มข้นอีก มันก็มีโอกาสที่จะหลุดพลั้งเผลอ

เราต้องฝึกให้เกิดความเคยชิน ฝึกให้เกิดจนเป็นอัตโนมัติ จนกลายเป็นมหาสติ มหาปัญญา ทุกอิริยาบถ ทำในใจ ดูใจเป็นพื้นฐาน ดูลักษณะของใจ การได้ยินได้ฟังได้อ่าน ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ การพูดจา การพูดคุยกัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่สื่อความหมายของภาษาสมมติ เพื่อที่จะดำเนินให้เข้าถึงตัวใจ การทำวัตรสวดมนต์ต่างๆ ก็เพื่อที่จะให้รู้ลักษณะอาการ ถ้าเรารู้ลักษณะของใจแล้ว เราก็ดูที่ใจของเราเป็นหลัก ดูที่ฐานของใจเป็นหลัก

ความสมัครสมานสามัคคี อยู่กันให้กลมเกลียว อยู่กับหมู่ อยู่กับคณะ อยู่กับสังคม เราก็ต้องศึกษาให้รู้ละเอียด เราอยู่ด้วยกันเยอะๆ มากๆ เราก็มีพรหมวิหาร มีความอนุเคราะห์เมตตา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีอะไรก็ช่วยกัน ยังประโยชน์สมมติ ประโยชน์วิมุตติ วิมุตติกับสมมติเขาก็อยู่ร่วมกัน ธรรมกับโลกก็อยู่ร่วมกัน ภาษาธรรมภาษาโลก สมมติวิมุตติ อัตตาอนัตตา ถ้าคนที่ใจคลายแล้วก็จะเข้าใจในความหมายของพวกนี้ แล้วรู้ด้วย เห็นด้วย ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร ใจถึงจะมีความสุข กายถึงจะมีความสุข

แต่กายนั้นเป็นก้อนทุกข์ ถึงวาระเวลาก็ไป ถึงวาระเวลาก็ตาย มันก็ทุกข์มาตั้งแต่เกิดนั่นแหละ ต้องหาเลี้ยงหาดูให้เขาอยู่ตลอดเวลา กินอยู่ขับถ่าย อยู่กับสังคม อยู่กับสมมติ ยังสมมติให้บริบูรณ์เพื่อที่ยังอัตภาพของเราให้อยู่ดีมีความสุขในระดับหนึ่ง แต่ในหลักธรรมแล้ว มันก็เป็นความทุกข์อยู่ดี เมื่อถึงเวลาก็ต้องกลับสภาพเดิมคือดินน้ำลมไฟ จนหมดลมหายใจ คนเราจะอยู่เนื่องด้วยลมหายใจ ลมปัสสาสะ ลมเข้าลมออก แต่ขาดการสังเกต ขาดการวิเคราะห์ให้ต่อเนื่อง เราก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง แล้วก็ให้เกิดความเคยชิน ไม่เข้าใจเท่าไ รเราก็เพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ

อันนี้ก็ใกล้จะออกพรรษา วันนี้เป็นวันอะไร วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ วันจันทร์ก็จะเป็นวันพระ ก็จะได้มีการไถ่ชีวิตโคอีก 2 – 3 คู่ ก็ขอเชิญชวนทุกคน มีโอกาสก็มาร่วมบุญกัน หลวงพ่อก็พาทำพาสร้าง ยังสถานที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งบุญของทุกคน เป็นแหล่งบุญจากน้อยๆ ไปหากองบุญอันยิ่งใหญ่มหาศาลในวันข้างหน้า เพราะว่าความเป็นสิริมงคลได้อัญเชิญมา ทุกสิ่งทุอย่างก็ได้ทำ ร่วมแรง ร่วมกาย ร่วมใจ

ทำกันมาไม่ใช่ปีหนึ่งเลยทีเดียว ทำกันมาตั้งร่วม 30 ปีแล้วแหละ ตั้งแต่วางพื้นฐานให้น่าอยู่น่าอาศัย ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ปลูกต้นไม้ ต้นอะไรก็ปลูกมันให้เป็นป่าให้ร่มรื่นร่มเย็น ส่วนมากก็มา มองเห็นตั้งแต่บุญ ต้นไม่ค่อยจะเห็น ช่วยกันทำมา ดูแลรักษามา จากป่าที่ไม่ได้น่าอยู่จนเป็นป่าน่าอาศัย น่ารื่นรมย์

หนักเอาเบาสู้ ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน พวกมาที่หลังก็มาสร้างมาสานต่อ มาช่วยกัน อย่าพากันเกียจคร้าน อย่าพากันงอเท้า มีอะไรพอช่วยกันได้ก็ช่วยกันทำ ทำได้ก็ทำ เพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์ ในเมื่อพวกเราจากไป คนรุ่นใหม่ก็มาสร้างสานต่อ ยิ่งเป็นอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ฝากเอาไว้ในแผ่นดิน ฝากเอาไว้ในใจของเราทุกคน

พวกเรามีโอกาสได้มาร่วมกัน ได้มาช่วยกัน ได้มาอยู่ร่วมกัน สร้างบุญสร้างอานิสงส์มาร่วมกันถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ได้มาอยู่ร่วมกันแล้วก็พยายามดูแลรักษากาย รักษาใจ รักษาวาจา รักษาสมมติของเราให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ให้มีอานิสงส์มากมายขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ไปอยู่ที่โน่น ที่นั่นก็ไม่ดี ที่นี่ก็ไม่ดี ใจของเราไม่ดี เราก็มองเห็นภายนอกไม่ดี เราก็มาแก้ไขที่ใจของเรา ไปอยู่ที่โน่น ก็ไปตำหนิที่โน่นตำหนิที่นี่ มันไม่ดีเราก็รีบทำให้ดีเสีย แก้ไขให้มันดี

มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบจากภายในส่งออกไปภายนอก ระเบียบทั้งภายนอกส่งเข้าไปทั้งภายใน ระงับทั้งทางด้านรูปธรรม ทางด้านนามธรรม ดับตั้งแต่การก่อตัวทางใจของเรา ไม่แสดงออกทางกาย ทางวาจา ถ้าแสดงออกทางกาย ทางวาจา เราก็ควบคุม ควบคุมไม่ได้ เราก็ใช้ปัญญาแก้ไขให้ได้ทุกอย่าง

แต่ละวันตื่นขึ้นมา เราต้องเอาใจ ฐานของใจเป็นหลัก ดูว่าใจของเราไปอย่างไรมาอย่างไร การกระทำสมมติของเราอะไรที่เป็นประโยชน์ ทุกเรื่องในชีวิต ไม่ใช่ว่าเราจะจะเอาตั้งแต่ธรรม แต่ไม่รู้จักธรรม ทุกเรื่องเลยตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่เรื่องการหายใจเข้าออก ความเป็นอยู่ของเรา จะบริหารอย่างไร จะไปอย่างไรมาอย่างไร เราอยู่ในเพศสภาวะอย่างไร เราต้องแก้ไข ต้องสำรวจตัวเรา

มีความสุข พอใจยินดีในสิ่งที่เรามี เราเป็น ไล่ลงไปเรื่อยๆ จนถึงตัวใจ กิเลสหยาบกิเลสละเอียด กายเนื้อ ใจซึ่งเป็นนามมันเป็นอย่างไร ถ้าคนนั้นมีความเพียรที่ต่อเนื่องจริงๆ ยาก แต่เราอย่าปล่อยโอกาสทิ้ง เราพยายาม เราดำเนิน เราแสวงหาสิ่งใด เราย่อมจะเข้าใจ เราย่อมจะได้ในสิ่งนั้น ไม่รู้ในวันนี้ วันพรุ่งนี้ก็ต้องรู้ ไม่รู้ในวันนี้ เดือนนี้ เดือนหน้า

แม้แต่การเจริญสติ ทำความเข้าใจกับการสร้างสติให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง เพื่อที่จะเอาไปใช้กับชีวิตประจำวันของเรา เมื่อเราออกไปสู่สมมติภายนอก เราก็จะรู้คุณค่าในการมาฝึก ความขยันหมั่นเพียรที่ตามตัวเราไป เราละความเกียจคร้าน สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ มองเห็นอะไรเป็นกุศล หรือว่าอกุศล อะไรควรเจริญ อะไรควรละ ถึงรู้ไม่มากก็จะเป็นพื้นฐานในการเดินปัญญาในวันข้างหน้า ก็ต้องพยายามกัน

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กันพากันไปสร้างสานต่อเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง