หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 051
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 051
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เราได้สำรวจกายของเรา เราได้สำรวจใจของเราแล้วหรือยังว่าอะไรขาดตกบกพร่อง เราก็พยายามรีบแก้ไขปรับปรุงเสียขณะที่เรายังมีกำลังยังมีลมหายใจอยู่
หยุดพักผ่อนกายวางกายให้สบาย แล้วก็หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราละไม่ได้เด็ดขาดหยุดไม่ได้เด็ดขาด เราก็หยุดเอาไว้ขณะที่กำลังนั่งฟังอยู่นี่แหละ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก รู้จักสร้าง รู้จักเจริญสติ รู้จักวิธีในการเจริญสติ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก อานาปานสติ ความรู้ตัว แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่องพวกเรายังสร้างขึ้นมายังไม่ชำนาญเลย หรือว่าไม่สนใจเลยหายใจทิ้งเขาเรียกว่า หายใจทิ้ง
ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ อยากจะได้บุญอยากจะรู้ธรรม ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ ปรารถนาที่จะให้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ก็ไม่ถึงสักทีเพราะว่าอะไร เพราะว่าอานิสงส์หรือว่าบารมีของเรายังไม่เพียงพอ ความขยันหมั่นเพียรในการเจริญสติ ความขยันหมั่นเพียรในการชำระสะสางกิเลส ความขยันหมั่นเพียรในการทำความเข้าใจ
อะไรคือลักษณะของวิญญาณ ลักษณะใจที่สงบเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ว่างจากความยึดมั่นถือมั่นเป็นอย่างไร ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างไร พวกเรายังทำความเข้าใจกันไม่ชัดเจนไม่แจ่มแจ้ง ก็ต้องพยายาม ชีวิตหนึ่งแต่ละชีวิตเกิดมาก็ต้องมีจุดหมายปลายทาง จะเดินถึงช้าหรือว่าเดินถึงเร็วเราก็ต้องพยายามเดิน
จะไปบังคับกันไม่ได้หรอกของพวกนี้ แล้วแต่อานิสงส์ผลบุญบารมีวิบากกรรมของแต่ละบุคคลสร้างมาไม่เหมือนกัน บางคนบางท่านก็สร้างมามาก บางคนบางท่านก็สร้างมาน้อย บางคนบางท่านก็กำลังสติปัญญาเฉียบแหลม บางคนบางท่านก็สติปัญญาปานกลาง บังคับกันไม่ได้ เราต้องพยายามฝึกฝนตัวเรา แก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา ครูบาอาจารย์สถานที่ต่างๆ ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้
แต่ละวัน ตื่นขึ้นมาเราวิเคราะห์กายของเราวิเคราะห์ใจของเรา ย้อนเข้าไปตั้งแต่อดีตตั้งแต่ยังเป็นเด็กขึ้นมา ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว จนกระทั่งอายุปูนนี้ เราก็ต้องพยายามศึกษาค้นคว้าพิจารณา ปัญญาที่เกิดจากการเจริญสติเป็นลักษณะอย่างไร ไม่ใช่ว่าสร้างตั้งแต่กิเลสต่างๆ เข้ามาห่อหุ้มดวงใจของเราเอาไว้ ปุถุชนคนทั่วไปมีตั้งแต่ความอยากกับความทะเยอทะยานอยากเขาปิดกั้นเอาไว้
‘อยาก’ ในที่นี้หมายถึง อยากทุกอย่าง อยากมีอยากเป็น ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ความอยากเดินหน้าความหวังความอยากตามมา ทุกอย่างก็เลยปิดกั้นตัวใจเอาไว้หมด ในหลักธรรมท่านให้ละความอยากละความหวัง แล้วก็เจริญสติเข้าวิเคราะห์หาเหตุหาผล จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญา เพียงแค่อยากคิด อยากมีอยากเป็นท่านก็ให้ละให้ดับ จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของสติเรื่องปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา
แต่เวลานี้ปัญญาของสมมติเขาครอบงำอยู่ ถ้ากำลังสติไม่แหลมคมจริงๆ หาเหตุผลไม่ได้จริงๆ ก็ยากที่จะใจเขาจะคลายออกจากขันธ์ห้าของเรา หรือว่าวิญญาณในขันธ์ห้าของเรา ถ้าอานิสงส์ของเราเพียงพอมันก็คลายง่าย ทำความเข้าใจได้ง่าย ถ้าเรารู้จักละกิเลส เพียงแค่ความคิดซึ่งเป็นนามธรรม เราก็หัด เราก็ไม่ได้หัดสังเกตดูรู้ให้ตลอดว่าเขาเกิดอย่างไร เขาก่อตัวอย่างไร ไปอย่างไร มาอย่างไร ทำไมใจของเราถึงเกิด
บางครั้งบางคราวใจของเราก็เป็นบุญ บางครั้งบางคราวใจของเราก็มีความสุข บางครั้งบางคราวใจของเราก็ว่าง แต่เราขาดสติเข้าไปดูแลเข้าไปรักษา เข้าไปหาเหตุหาผล หมั่นพร่ำสอนใจตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ระดับสมมติโลกธรรม ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในความคิดอารมณ์ ให้รอบรู้ในโลกธรรมแปดที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว มีทั้งสุขทุกข์ นินทา ลาภยศสรรเสริญต่างๆ เราต้องทำความเข้าใจหมด
ความเป็นอยู่ของสมมติของเราเป็นอย่างไร ปัจจัยสี่ของเราเป็นอย่างไร ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ยารักษาโรคต่างๆ เครื่องนุ่งห่มต่างๆ มีเพียบพร้อมไม่ให้สมมติของเราได้ลำบาก แต่คนทั่วไปก็ยาก บางครั้งบางคราวอันโน้นก็ขาดอันนี้ก็ขาด มีสิ่งหนึ่งขาดสิ่งหนึ่ง มีสิ่งหนึ่งขาดสิ่งหนึ่งไม่ได้เพียบพร้อมกันหมดทุกอย่าง เพราะว่าอะไร เพราะว่าอานิสงส์การสร้างบุญสร้างบารมีของเรา เราเคยทำเอาไว้ก่อนหรือไม่ ในชาติก่อนบางทีเราเคยทำเอาไว้ เราขยันหมั่นเพียรในชาติปัจจุบันหรือไม่ เราทำความเข้าใจให้ถูกต้องอีกหรือไม่
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนเกื้อหนุนกันหมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะพิจารณาให้รู้เห็นตามความเป็นจริงหรือไม่ ทำไมเราถึงลำบาก ความขยันหมั่นเพียรของเรามีหรือเปล่า ความรับผิดชอบการกระทำของเราในการดำเนินชีวิต รู้จักหารู้จักใช้ รู้จักเก็บแบ่งกินแบ่งใช้แบ่งเก็บแบ่งทาน รู้จักดำเนินชีวิตของเราให้ถูกต้องถูกทางหรือไม่
ไม่ใช่ว่าจะไปเอาตั้งแต่อ้อนวอน เอาตั้งแต่การทำเพียงแค่เรื่องการทำบุญก็ยังไม่เข้าใจว่าทำบุญเพื่ออะไร ทำบุญเพื่อที่จะขัดเกลากิเลส เพื่อความอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อที่จะขัดเกลา ละความโลภ ละความโกรธ การละกิเลสเป็นอย่างไร ก็เคยละให้ตลอดให้ต่อเนื่องหรือไม่ จะไปแสวงหาตั้งแต่ธรรม อะไรคือธรรม อะไรคือตัวแสวงหา สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาเป็นลักษณะอย่างไร
บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์มีวาสนา เพียงแค่ได้ยินได้ฟังก็เข้าใจแล้ว การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างนี้ ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น ใจที่สงบ ใจที่สะอาด ใจที่บริสุทธิ์ เป็นลักษณะอย่างนี้ จะรีบแก้ไขตัวเองอยู่ตลอดเวลาปรับปรุงตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ มองโลกในทางที่ดี รู้จักสำรวจสำรวมกายอินทรีย์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา บริหารกายอย่างไร บริหารใจอย่างไร ความคิดอารมณ์
อะไรที่จะเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ อะไรควรละอะไรควรเจริญ เราก็พยายามรีบดูรีบแก้ไขเสียขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ยังมีลมหายใจอยู่ ไม่ใช่ว่าแต่ละวันตื่นขึ้นมามีแต่เรื่องคนโน้นมีแต่เรื่องคนนี้ คนโน้นเป็นอย่างนั้นคนนั้นเป็นอย่างนี้ สารพัดอย่าง มีแต่เรื่องของคนอื่นไม่มีเรื่องไม่ใช่เรื่องของตัวเราเองเลย ตื่นขึ้นมาเราก็รีบแก้ไขตัวเราแก้ไขปรับปรุงใจเรา เรื่องของเรา ภาระหน้าที่การงานของเรา ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อะไรผิดพลาดก็รีบแก้ไขทำให้ดีเสีย
ยิ่งมาอยู่ร่วมกันหลายคนหลายหมู่หลายคณะ ทั้งพระทั้งชีทั้งโยม เรื่องความสมัครสมานสามัคคี ความเสียสละ เราก็ต้องเต็มเปี่ยม อย่าเห็นแก่กินแก่นอน อย่าเห็นแก่ความเกียจคร้าน พยายามสร้างความรับผิดชอบให้มากๆ กว่าจะได้มาเป็นที่พักที่อาศัยที่อยู่ที่อะไรบริบูรณ์ต่างๆ ให้พวกท่านได้อยู่ดีมีความสุข ก็อาศัยอานิสงส์ผลบุญของทุกคนหล่อหลอมร่วมกันช่วยกันมา
ตั้งแต่ความไม่มีจนทำให้มีให้เกิดขึ้น เราต้องพยายามช่วยกันดูแลรักษา ก็พวกเรานั่นแหละได้รับความสะดวกได้รับความสบาย ไม่ใช่ว่าขอให้ฉันได้อยู่ความสะดวกสบาย ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง อย่างนั้นเพียงแค่เรื่องความเสียสละ ความรับผิดชอบเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังไม่มี จะไปเอาธรรมอันใหญ่ได้อย่างไร ก็ต้องพยายามกันนะ
เรื่องความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยนี่ต้องเป็น ต้องเป็นหนึ่งต้องก่อนเพื่อนอย่าไปทิ้งระเกะระกะ คนเราถ้าไม่ได้ฝึกหัดปฏิบัติแล้วทิ้งระเกะระกะในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาแล้ว เห็นแล้วก็ขยะนี่เยอะมากเลยทีเดียวทิ้งกันไปทั่ว มาแล้วก็ถือขนมนมเนยมากระดาษมาก็ทิ้งลงบ่อน้ำก็ทิ้ง ทิ้งลงในน้ำ คนเราไม่ได้ฝึกฝนตนเองแล้วมันก็ลำบาก
เพียงแค่จะเอาธรรมจะรู้ธรรมก็ยิ่งห่างไกลไปอีก ความรับผิดชอบความเสียสละไม่มี เพียงแต่เรื่องความสะอาดเล็กๆ น้อยๆ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน กุฏิวิหารก็เหมือนกัน ของพระเราก็เหมือนกัน ในห้องต่างๆ ก็ช่วยกันดูแลรักษา ที่รอบข้างกุฏิวิหารต่างๆ ก็ช่วยกันดูแลรักษา
ถึงจะมีมากมีน้อยเราก็ต้องเก็บให้เป็นระเบียบอย่าไปปล่อยปละละเลย ไม่ใช่ว่าเก็บหรือไม่เก็บฉันก็ไม่สนใจ ฉันไม่ทุกข์ขอให้ฉันอยู่ดีมีความสุข ไม่ใช่ ตั้งแต่ปากทางขึ้นมานั่น พอทำได้เราก็ทำไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ช่วยกันเก็บช่วยกันดูแลตั้งแต่ปากทางต้นทางถึงก้นครัวน่ะ มองซ้ายมองขวา มองบนมองล่าง มองที่กลางใจของเราว่ามันสะอาดหรือเปล่า ห้องส้วมห้องน้ำก็ช่วยกันดูแล ทั้งภายนอกทั้งภายใน
เราต้องแก้ไขตัวเรา สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้นที่ตัวเรา ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยววิ่งหาที่โน่นเที่ยววิ่งหาที่นี่ อยากจะอยู่กับธรรมชาติ อยากจะอยู่ในที่ดีๆ อยากจะอยู่ในที่มีความสุข ถ้าเราไม่ทำขึ้นมามันจะมีได้อย่างไร เราต้องพยายามทำพยายามช่วยกัน อานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำเราไม่อยากจะได้เราก็ได้ คนอื่นมาก็พลอยได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ ก็ต้องพยายามกันนะ ทั้งพระทั้งชีทั้งโยมของเรา
เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา
หยุดพักผ่อนกายวางกายให้สบาย แล้วก็หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราละไม่ได้เด็ดขาดหยุดไม่ได้เด็ดขาด เราก็หยุดเอาไว้ขณะที่กำลังนั่งฟังอยู่นี่แหละ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก รู้จักสร้าง รู้จักเจริญสติ รู้จักวิธีในการเจริญสติ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก อานาปานสติ ความรู้ตัว แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่องพวกเรายังสร้างขึ้นมายังไม่ชำนาญเลย หรือว่าไม่สนใจเลยหายใจทิ้งเขาเรียกว่า หายใจทิ้ง
ทั้งที่ใจก็เป็นบุญ อยากจะได้บุญอยากจะรู้ธรรม ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ ปรารถนาที่จะให้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ก็ไม่ถึงสักทีเพราะว่าอะไร เพราะว่าอานิสงส์หรือว่าบารมีของเรายังไม่เพียงพอ ความขยันหมั่นเพียรในการเจริญสติ ความขยันหมั่นเพียรในการชำระสะสางกิเลส ความขยันหมั่นเพียรในการทำความเข้าใจ
อะไรคือลักษณะของวิญญาณ ลักษณะใจที่สงบเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ว่างจากความยึดมั่นถือมั่นเป็นอย่างไร ความรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างไร พวกเรายังทำความเข้าใจกันไม่ชัดเจนไม่แจ่มแจ้ง ก็ต้องพยายาม ชีวิตหนึ่งแต่ละชีวิตเกิดมาก็ต้องมีจุดหมายปลายทาง จะเดินถึงช้าหรือว่าเดินถึงเร็วเราก็ต้องพยายามเดิน
จะไปบังคับกันไม่ได้หรอกของพวกนี้ แล้วแต่อานิสงส์ผลบุญบารมีวิบากกรรมของแต่ละบุคคลสร้างมาไม่เหมือนกัน บางคนบางท่านก็สร้างมามาก บางคนบางท่านก็สร้างมาน้อย บางคนบางท่านก็กำลังสติปัญญาเฉียบแหลม บางคนบางท่านก็สติปัญญาปานกลาง บังคับกันไม่ได้ เราต้องพยายามฝึกฝนตัวเรา แก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา ครูบาอาจารย์สถานที่ต่างๆ ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้
แต่ละวัน ตื่นขึ้นมาเราวิเคราะห์กายของเราวิเคราะห์ใจของเรา ย้อนเข้าไปตั้งแต่อดีตตั้งแต่ยังเป็นเด็กขึ้นมา ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว จนกระทั่งอายุปูนนี้ เราก็ต้องพยายามศึกษาค้นคว้าพิจารณา ปัญญาที่เกิดจากการเจริญสติเป็นลักษณะอย่างไร ไม่ใช่ว่าสร้างตั้งแต่กิเลสต่างๆ เข้ามาห่อหุ้มดวงใจของเราเอาไว้ ปุถุชนคนทั่วไปมีตั้งแต่ความอยากกับความทะเยอทะยานอยากเขาปิดกั้นเอาไว้
‘อยาก’ ในที่นี้หมายถึง อยากทุกอย่าง อยากมีอยากเป็น ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ความอยากเดินหน้าความหวังความอยากตามมา ทุกอย่างก็เลยปิดกั้นตัวใจเอาไว้หมด ในหลักธรรมท่านให้ละความอยากละความหวัง แล้วก็เจริญสติเข้าวิเคราะห์หาเหตุหาผล จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญา เพียงแค่อยากคิด อยากมีอยากเป็นท่านก็ให้ละให้ดับ จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของสติเรื่องปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา
แต่เวลานี้ปัญญาของสมมติเขาครอบงำอยู่ ถ้ากำลังสติไม่แหลมคมจริงๆ หาเหตุผลไม่ได้จริงๆ ก็ยากที่จะใจเขาจะคลายออกจากขันธ์ห้าของเรา หรือว่าวิญญาณในขันธ์ห้าของเรา ถ้าอานิสงส์ของเราเพียงพอมันก็คลายง่าย ทำความเข้าใจได้ง่าย ถ้าเรารู้จักละกิเลส เพียงแค่ความคิดซึ่งเป็นนามธรรม เราก็หัด เราก็ไม่ได้หัดสังเกตดูรู้ให้ตลอดว่าเขาเกิดอย่างไร เขาก่อตัวอย่างไร ไปอย่างไร มาอย่างไร ทำไมใจของเราถึงเกิด
บางครั้งบางคราวใจของเราก็เป็นบุญ บางครั้งบางคราวใจของเราก็มีความสุข บางครั้งบางคราวใจของเราก็ว่าง แต่เราขาดสติเข้าไปดูแลเข้าไปรักษา เข้าไปหาเหตุหาผล หมั่นพร่ำสอนใจตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ระดับสมมติโลกธรรม ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในความคิดอารมณ์ ให้รอบรู้ในโลกธรรมแปดที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว มีทั้งสุขทุกข์ นินทา ลาภยศสรรเสริญต่างๆ เราต้องทำความเข้าใจหมด
ความเป็นอยู่ของสมมติของเราเป็นอย่างไร ปัจจัยสี่ของเราเป็นอย่างไร ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ยารักษาโรคต่างๆ เครื่องนุ่งห่มต่างๆ มีเพียบพร้อมไม่ให้สมมติของเราได้ลำบาก แต่คนทั่วไปก็ยาก บางครั้งบางคราวอันโน้นก็ขาดอันนี้ก็ขาด มีสิ่งหนึ่งขาดสิ่งหนึ่ง มีสิ่งหนึ่งขาดสิ่งหนึ่งไม่ได้เพียบพร้อมกันหมดทุกอย่าง เพราะว่าอะไร เพราะว่าอานิสงส์การสร้างบุญสร้างบารมีของเรา เราเคยทำเอาไว้ก่อนหรือไม่ ในชาติก่อนบางทีเราเคยทำเอาไว้ เราขยันหมั่นเพียรในชาติปัจจุบันหรือไม่ เราทำความเข้าใจให้ถูกต้องอีกหรือไม่
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนเกื้อหนุนกันหมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะพิจารณาให้รู้เห็นตามความเป็นจริงหรือไม่ ทำไมเราถึงลำบาก ความขยันหมั่นเพียรของเรามีหรือเปล่า ความรับผิดชอบการกระทำของเราในการดำเนินชีวิต รู้จักหารู้จักใช้ รู้จักเก็บแบ่งกินแบ่งใช้แบ่งเก็บแบ่งทาน รู้จักดำเนินชีวิตของเราให้ถูกต้องถูกทางหรือไม่
ไม่ใช่ว่าจะไปเอาตั้งแต่อ้อนวอน เอาตั้งแต่การทำเพียงแค่เรื่องการทำบุญก็ยังไม่เข้าใจว่าทำบุญเพื่ออะไร ทำบุญเพื่อที่จะขัดเกลากิเลส เพื่อความอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อที่จะขัดเกลา ละความโลภ ละความโกรธ การละกิเลสเป็นอย่างไร ก็เคยละให้ตลอดให้ต่อเนื่องหรือไม่ จะไปแสวงหาตั้งแต่ธรรม อะไรคือธรรม อะไรคือตัวแสวงหา สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาเป็นลักษณะอย่างไร
บุคคลที่มีบุญมีอานิสงส์มีวาสนา เพียงแค่ได้ยินได้ฟังก็เข้าใจแล้ว การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างนี้ ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น ใจที่สงบ ใจที่สะอาด ใจที่บริสุทธิ์ เป็นลักษณะอย่างนี้ จะรีบแก้ไขตัวเองอยู่ตลอดเวลาปรับปรุงตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ มองโลกในทางที่ดี รู้จักสำรวจสำรวมกายอินทรีย์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา บริหารกายอย่างไร บริหารใจอย่างไร ความคิดอารมณ์
อะไรที่จะเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ อะไรควรละอะไรควรเจริญ เราก็พยายามรีบดูรีบแก้ไขเสียขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ยังมีลมหายใจอยู่ ไม่ใช่ว่าแต่ละวันตื่นขึ้นมามีแต่เรื่องคนโน้นมีแต่เรื่องคนนี้ คนโน้นเป็นอย่างนั้นคนนั้นเป็นอย่างนี้ สารพัดอย่าง มีแต่เรื่องของคนอื่นไม่มีเรื่องไม่ใช่เรื่องของตัวเราเองเลย ตื่นขึ้นมาเราก็รีบแก้ไขตัวเราแก้ไขปรับปรุงใจเรา เรื่องของเรา ภาระหน้าที่การงานของเรา ในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อะไรผิดพลาดก็รีบแก้ไขทำให้ดีเสีย
ยิ่งมาอยู่ร่วมกันหลายคนหลายหมู่หลายคณะ ทั้งพระทั้งชีทั้งโยม เรื่องความสมัครสมานสามัคคี ความเสียสละ เราก็ต้องเต็มเปี่ยม อย่าเห็นแก่กินแก่นอน อย่าเห็นแก่ความเกียจคร้าน พยายามสร้างความรับผิดชอบให้มากๆ กว่าจะได้มาเป็นที่พักที่อาศัยที่อยู่ที่อะไรบริบูรณ์ต่างๆ ให้พวกท่านได้อยู่ดีมีความสุข ก็อาศัยอานิสงส์ผลบุญของทุกคนหล่อหลอมร่วมกันช่วยกันมา
ตั้งแต่ความไม่มีจนทำให้มีให้เกิดขึ้น เราต้องพยายามช่วยกันดูแลรักษา ก็พวกเรานั่นแหละได้รับความสะดวกได้รับความสบาย ไม่ใช่ว่าขอให้ฉันได้อยู่ความสะดวกสบาย ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง อย่างนั้นเพียงแค่เรื่องความเสียสละ ความรับผิดชอบเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังไม่มี จะไปเอาธรรมอันใหญ่ได้อย่างไร ก็ต้องพยายามกันนะ
เรื่องความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยนี่ต้องเป็น ต้องเป็นหนึ่งต้องก่อนเพื่อนอย่าไปทิ้งระเกะระกะ คนเราถ้าไม่ได้ฝึกหัดปฏิบัติแล้วทิ้งระเกะระกะในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาแล้ว เห็นแล้วก็ขยะนี่เยอะมากเลยทีเดียวทิ้งกันไปทั่ว มาแล้วก็ถือขนมนมเนยมากระดาษมาก็ทิ้งลงบ่อน้ำก็ทิ้ง ทิ้งลงในน้ำ คนเราไม่ได้ฝึกฝนตนเองแล้วมันก็ลำบาก
เพียงแค่จะเอาธรรมจะรู้ธรรมก็ยิ่งห่างไกลไปอีก ความรับผิดชอบความเสียสละไม่มี เพียงแต่เรื่องความสะอาดเล็กๆ น้อยๆ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน กุฏิวิหารก็เหมือนกัน ของพระเราก็เหมือนกัน ในห้องต่างๆ ก็ช่วยกันดูแลรักษา ที่รอบข้างกุฏิวิหารต่างๆ ก็ช่วยกันดูแลรักษา
ถึงจะมีมากมีน้อยเราก็ต้องเก็บให้เป็นระเบียบอย่าไปปล่อยปละละเลย ไม่ใช่ว่าเก็บหรือไม่เก็บฉันก็ไม่สนใจ ฉันไม่ทุกข์ขอให้ฉันอยู่ดีมีความสุข ไม่ใช่ ตั้งแต่ปากทางขึ้นมานั่น พอทำได้เราก็ทำไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ช่วยกันเก็บช่วยกันดูแลตั้งแต่ปากทางต้นทางถึงก้นครัวน่ะ มองซ้ายมองขวา มองบนมองล่าง มองที่กลางใจของเราว่ามันสะอาดหรือเปล่า ห้องส้วมห้องน้ำก็ช่วยกันดูแล ทั้งภายนอกทั้งภายใน
เราต้องแก้ไขตัวเรา สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้นที่ตัวเรา ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยววิ่งหาที่โน่นเที่ยววิ่งหาที่นี่ อยากจะอยู่กับธรรมชาติ อยากจะอยู่ในที่ดีๆ อยากจะอยู่ในที่มีความสุข ถ้าเราไม่ทำขึ้นมามันจะมีได้อย่างไร เราต้องพยายามทำพยายามช่วยกัน อานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำเราไม่อยากจะได้เราก็ได้ คนอื่นมาก็พลอยได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ ก็ต้องพยายามกันนะ ทั้งพระทั้งชีทั้งโยมของเรา
เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา