หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 106

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 106
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 106
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 106
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 31 สิงหาคม 2556

เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ทำใจของเราให้สงบ ทำกายของเราให้สบาย ด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ซึ่งเรียกว่า อานาปานสติ นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ

ตามหลักของความเป็นจริง เราพยายามฝึกให้รู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ลักษณะของความรู้ตัวเป็นลักษณะอย่างนี้ การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างนี้ การสังเกต การวิเคราะห์ใจของเรา วิเคราะห์กายของเรา วิเคราะห์ความเป็นอยู่ของเรา หมั่นสนใจ หมั่นฝักใฝ่ หมั่นทำความเข้าใจ เราก็จะเข้าใจในชีวิตของเราว่าเราขาดตกบกพร่องอะไร อะไรควรแก้ไข อะไรควรเจริญ

ถ้าการฝึกฝนตนเอง ไม่รู้จักลักษณะของสติ ไม่รู้จักสร้างขึ้นมามันก็ยากที่จะรู้จักลักษณะของใจ รู้การเกิดของใจ มันรู้อยู่ในภาพรวมแต่ยังไม่เห็นอาการ ไม่เห็นตัวตนของใจที่แท้จริง ความว่าง ความว่างเหมือนกับว่าไม่มีอะไร แต่ในความว่างนั่นแหละคือมีใจอยู่ ซึ่งไม่มีตัวมีตน รับรู้ด้วยการสร้างความรู้ตัวซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม อันนี้คือรูปอันนี้คือนาม

ถ้าเราไม่รู้ใจ เราจะไปฝึกใจของเราได้อย่างไร ถ้าเราไม่รู้ต้นตอของกิเลส เราจะละกิเลสได้อย่างไร ถ้าไม่รู้จักลักษณะของการเจริญสติการทำให้ต่อเนื่อง กำลังสติจะมีได้อย่างไร ก็มีด้วย เห็นด้วยความหลง ปัญญาของโลกียะ ที่ยังเกิดๆ ดับๆ เราก็ต้องพยายามจำแนกแจกเจงให้ชัดเจนในกายของเรา เราอย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา

การได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้ก็เป็นบุญมากโขแล้ว ทีนี้เราก็พยายามทำความเข้าใจว่ากายของเรานี้มีอะไรบ้าง ซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครอง เพียงแค่การเกิด วิญญาณนั้นก็หลงแล้วนะ เขาหลงมาอยู่ในภพมนุษย์ เขามาสร้างกายเนื้อมาห่อหุ้มเอาไว้ ซึ่งเรียกว่าขันธ์ห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง แต่เรามองเห็นในภาพรวมว่าเป็นตัวเป็นตนของเรา

แต่ในหลักธรรม มีตั้งแต่ปัญญาของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบว่าในกายของเรานี้เป็นอย่างนี้ จำแนกแจกแจงออกเป็นอย่างนี้ เป็นกองเป็นขันธ์ อย่างที่เราเคยสวดเคยท่องในการทำวัตรสวดมนต์เช้าสวดมนต์เย็น ว่าเป็นกองอย่างไร เป็นขันธ์อย่างไร วิญญาณเป็นลักษณะอย่างไร ทำไมวิญญาณของเราถึงเป็นทาสของกิเลส ทำไมวิญญาณของเราถึงหลง ถึงเกิด เราก็มาเจริญสติเข้าไปอบรม เข้าไปหมั่นพร่ำสอน

ส่วนมากก็เพียงแค่สร้างความต่อเนื่องสืบต่อของการเจริญสตินี่ก็ไม่ค่อยจะทำกัน ก็เลยควบคุมจิตไม่ได้ อบรมจิตไม่ได้ มีตั้งแต่ตัวจิตส่งออกไป วิญญาณส่งออกไป ในหลักธรรมท่านเรียกว่าสมุทัย สาเหตุแห่งทุกข์ ส่งออกไปก็ยังไม่พอ ก็ยังไปหลงเอาขันธ์ห้าอีก แล้วก็แถมเติมด้วยอำนาจของความอยากอีก สารพัดอย่างจนล้นออกไปหลงโลกธรรมอีก มันมีหลายชั้นหลายขั้นหลายตอนมากทีเดียว

ท่านถึงให้พยายามสร้างตบะ สร้างบารมี หมั่นขัดเกลา หมั่นละกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ถ้าเราไม่ทำ ไม่มีใครจะทำให้เราได้หรอก นอกจากตัวของเราเอง เรื่องชีวิตของเรา เราต้องแก้ไขทั้งทางโลกทั้งทางนามธรรม เพราะว่าโลกธรรมก็อาศัยกันอยู่ ไม่มีใครจะช่วยเหลือเราได้ นอกจากตัวของเรา ครูบาอาจารย์ตำราก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ พยายามพากันทำ ไม่ว่าพระว่าโยมมาชี ขอให้พากันขยันหมั่นเพียร อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง อะไรที่จะเป็นประโยชน์ อะไรที่จะเป็นบุญเป็นกุศลเราก็รีบทำ

ถ้ากำลังสติปัญญาของเรามีเยอะ เราก็จะเห็น ไม่รู้เท่าทันวันหนึ่ง ก็ต้องรู้เท่าทันวันหนึ่ง รู้ลักษณะของวิญญาณที่แท้จริง วิญญาณเดิมนั้นเขาสะอาดเขาไม่มีอะไรหรอก เพราะว่าความหลงเท่านั้นที่ทำให้เขาวนเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่ แต่เวลานี้เขามาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ เราหมั่นเอาถือเอากายเนื้อของเรานี่แหละเป็นก้อนบุญ มาทำความเข้าใจให้กระจ่างเสียขณะที่ยังมีกำลังอยู่ ถ้าหมดกำลังหมดลมหายใจก็หมดโอกาส พระพุทธองค์ท่านถึงได้เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ แล้วก็มาทำความเข้าใจจนได้บรรลุธรรม

ธรรมะเป็นสัจจะความจริง สัจธรรม เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ ท่านถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์คือมีเหตุมีผล เหตุผลทางด้านนามธรรมทางด้านรูปธรรม เห็นการเกิด การดับ เห็นการตั้งอยู่ การดับไป ไอ้ที่เล่าให้กันฟัง สื่อความหมายให้กันฟัง เป็นแค่สื่อภาษาสมมติเท่านั้นเอง แต่ในหลักของความเป็นจริงแล้ว มันไม่มีอะไรเลย มีตั้งแต่มีความเกิดๆ ดับๆ เกิดๆ ดับๆ มีธาตุเข้ามาผสมโรงกัน มีหนังเข้ามาห่อหุ้ม มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง

ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ขณะที่ยังไม่ถึงเวลาตรงนี้แหละ เรามารีบฉวยโอกาสจัดแจงให้เข้าระบบระเบียบเสีย จัดระบบระเบียบของกาย ของวาจา ของใจ ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง สติปัญญาของเราสร้างขึ้นมาจนรู้เท่าทัน รู้จักควบคุมใจ อบรมใจจนปล่อยวางใจให้เป็นอิสระ จนกลายเป็นมหาสติ มหาปัญญา อยู่ด้วยสติ อยู่ด้วยปัญญา อยู่ด้วยเหตุ อยู่ด้วยผล มองเห็นความจริง มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม พยายามนะ พยายาม อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ตำหนิตัวเอง แก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง สักวันหนึ่งก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง