หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 89
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 89
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 89
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบายวางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากตัวใจเอาไว้เสียก่อน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ช่วงใหม่ๆ กายก็สบายขึ้นเยอะ ใจก็สงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึก ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกก็จะชัดเจน
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ เราพยายามสร้างความรู้ตัวให้เกิดความเคยชิน รู้ตัวรู้กายลึกลงไปก็รู้ใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้การเกิดการดับของขันธ์ห้า ของความคิดของอารมณ์ อะไรคือสติปัญญาระลึกรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเราก็ต้องสร้างขึ้นมา ลักษณะของใจ การควบคุมใจ การแยกแยะ การทำความเข้าใจหาเหตุหาผล ถ้าเราไม่สอนเรา ไม่มีใครจะสอนเราได้เลยนอกจากตัวของเราเอง แก้ไขตัวของเราเอง ในชีวิตของเรา เราจะดำเนินอย่างไร ไปอย่างไร เราจะบริหารกายบริหารใจของเราอย่างไร ให้ไปสู่ที่สูง จนกว่าจะไม่ได้กลับมาเกิดกัน จนกว่าจะกลับสู่สภาวะเดิมคือความบริสุทธิ์
ความหลง ทำให้จิตวิญญาณของเราเกิดมาหลายภพหลายชาติไม่รู้กี่กัปกี่กัลป์ จนหลงมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์นี่แหละ ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านก็ได้ค้นพบเอามาเปิดเผยแนวทาง ในการทำความจริงให้ปรากฏ แต่พวกเราไม่ค่อยจะสนใจกันเท่าไร สนใจกันเพียงแค่การทำบุญการให้ทาน แต่การเจริญสติที่ต่อเนื่อง การแยกรูปแยกนาม การตามทำความเข้าใจการละกิเลสหยาบกิเลสละเอียด
คำว่าต่อเนื่อง ปัจจุบันธรรมเป็นลักษณะอย่างไร การทำความเข้าใจก็ไม่ค่อยกระจ่าง แต่ไปปฏิบัติธรรมที่โน่นที่นี่ เน้นลงอยู่ที่กายที่ใจให้ต่อเนื่องจนหมดความสงสัย อันนี้คือลักษณะของการเจริญสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ เรารู้ต้นเหตุไม่ทัน เราก็รู้จักควบคุม รู้จักดับ ความกังวล ความฟุ้งซ่านเป็นลักษณะอย่างนี้ ความทะเยอทะยานอยากเป็นลักษณะอย่างนี้ ความไม่อยากเป็นอย่างนี้ลักษณะอย่างนี้ การดึงเข้ามา การผลักไส เป็นเรื่องของเราทุกคนนั่นแหละที่จะต้องทำความเข้าใจ อย่าไปเบื่อหน่าย ให้มีความสุขในการวิเคราะห์ในการสำรวจ ในการทำบุญ ในการให้ทาน ในการเอาออก ไปอยู่ที่ไหนถ้าเราไม่แก้ไขเราไม่ปรับปรุงตัวเรา อย่าไปหวังให้คนอื่นเขาที่จะทำให้เราได้เลย
การทำบุญให้ทานทางด้านวัตถุทานนั้นพวกเรามีโอกาสได้ทำร่วมกัน แต่การชำระสะสางกิเลส การเจริญสติ ต้องให้รู้ทุกอิริยาบถ เพียงแค่การทำให้ต่อเนื่องมันก็ยากแสนยาก ปัญญาสมมติ ปัญญาโลกีย์อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ ความเห็นถูกต้อง การสร้างตบะ สร้างอานิสงส์ สร้างบารมี มีกันอยู่ตลอด แต่เราไม่ได้ถอนรากลึกถึงโคนการเกิดการดับ หยุดเกิดหยุดดับตัววิญญาณที่แท้จริงเป็นยังไง ก็เพียงแค่ได้ตามหยุด ตามดับ ตามควบคุมระหว่างกลางปลายเหตุ กลางเหตุ บางทีก็ปล่อยปละละเลย บางทีก็ส่งเสริม มันก็ยากที่จิตวิญญาณจะตกกระแสธรรมได้
จิตวิญญาณแยกรูปแยกนาม คลายออกจากขันธ์ห้านั่นแหละถึงจะตกกระแสธรรม เพียงแค่แยกได้เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้นเองนะ การทำความเข้าใจ การละการดับของเกิดอีกจะหมดจดอีกหรือไม่ ก็ต้องใช้ความเพียรอย่างต่อเนื่องอย่างแรงกล้า ใช้ตบะบารมีขับเคี่ยวกับกิเลส กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้แต่ตัวจิตตัววิญญาณเองเขาก็ไม่อยากจะสงบนิ่ง เพราะเขาเกิดมานาน เขาก็หาหนทางหลอกล่อ เขาถึงเรียกว่าจิตหลอกจิต สารพัดอย่าง ถ้าไม่เอาจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าถึง แต่ก็อย่าไปทิ้งบุญ ในการทำบุญ ในการให้ทาน
ตื่นขึ้นมาเราก็ทำบุญให้กับตัวเราละความเกียจคร้าน อย่าเพิ่มความเกียจคร้าน ถ้าเราเพิ่มความเกียจคร้านครั้งหนึ่งสองครั้งก็สะสมไปเรื่อยๆ หมักหมมไปเรื่อยๆ จนมิด ถ้าเราสร้างความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบจากน้อยๆ ไปหามากขึ้นๆ ๆ จนเป็นอัตโนมัติ เป็นความเคยชิน ในการดู ในการรู้ ในการละ จะเป็นอิสระทุกสิ่งทุกอย่าง มองเห็นความเป็นจริงของชีวิต ก็พยายามกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี อย่าพากันเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านแล้วก็ช่วยเหลือไม่ได้ เราก็อนุเคราะห์กันให้ได้อยู่ในระดับของสมมติความเป็นอยู่ ถ้าเกียจคร้านในการขัดเกลากิเลส ในการทำความเข้าใจกับชีวิตของเราแล้วก็ ไปที่ไหนก็มันก็จะไม่เจริญก้าวหน้า ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อออกทำความเข้าใจกันเอา
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 กรกฎาคม 2556
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบายวางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากตัวใจเอาไว้เสียก่อน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ช่วงใหม่ๆ กายก็สบายขึ้นเยอะ ใจก็สงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึก ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกก็จะชัดเจน
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ เราพยายามสร้างความรู้ตัวให้เกิดความเคยชิน รู้ตัวรู้กายลึกลงไปก็รู้ใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้การเกิดการดับของขันธ์ห้า ของความคิดของอารมณ์ อะไรคือสติปัญญาระลึกรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเราก็ต้องสร้างขึ้นมา ลักษณะของใจ การควบคุมใจ การแยกแยะ การทำความเข้าใจหาเหตุหาผล ถ้าเราไม่สอนเรา ไม่มีใครจะสอนเราได้เลยนอกจากตัวของเราเอง แก้ไขตัวของเราเอง ในชีวิตของเรา เราจะดำเนินอย่างไร ไปอย่างไร เราจะบริหารกายบริหารใจของเราอย่างไร ให้ไปสู่ที่สูง จนกว่าจะไม่ได้กลับมาเกิดกัน จนกว่าจะกลับสู่สภาวะเดิมคือความบริสุทธิ์
ความหลง ทำให้จิตวิญญาณของเราเกิดมาหลายภพหลายชาติไม่รู้กี่กัปกี่กัลป์ จนหลงมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์นี่แหละ ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านก็ได้ค้นพบเอามาเปิดเผยแนวทาง ในการทำความจริงให้ปรากฏ แต่พวกเราไม่ค่อยจะสนใจกันเท่าไร สนใจกันเพียงแค่การทำบุญการให้ทาน แต่การเจริญสติที่ต่อเนื่อง การแยกรูปแยกนาม การตามทำความเข้าใจการละกิเลสหยาบกิเลสละเอียด
คำว่าต่อเนื่อง ปัจจุบันธรรมเป็นลักษณะอย่างไร การทำความเข้าใจก็ไม่ค่อยกระจ่าง แต่ไปปฏิบัติธรรมที่โน่นที่นี่ เน้นลงอยู่ที่กายที่ใจให้ต่อเนื่องจนหมดความสงสัย อันนี้คือลักษณะของการเจริญสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ เรารู้ต้นเหตุไม่ทัน เราก็รู้จักควบคุม รู้จักดับ ความกังวล ความฟุ้งซ่านเป็นลักษณะอย่างนี้ ความทะเยอทะยานอยากเป็นลักษณะอย่างนี้ ความไม่อยากเป็นอย่างนี้ลักษณะอย่างนี้ การดึงเข้ามา การผลักไส เป็นเรื่องของเราทุกคนนั่นแหละที่จะต้องทำความเข้าใจ อย่าไปเบื่อหน่าย ให้มีความสุขในการวิเคราะห์ในการสำรวจ ในการทำบุญ ในการให้ทาน ในการเอาออก ไปอยู่ที่ไหนถ้าเราไม่แก้ไขเราไม่ปรับปรุงตัวเรา อย่าไปหวังให้คนอื่นเขาที่จะทำให้เราได้เลย
การทำบุญให้ทานทางด้านวัตถุทานนั้นพวกเรามีโอกาสได้ทำร่วมกัน แต่การชำระสะสางกิเลส การเจริญสติ ต้องให้รู้ทุกอิริยาบถ เพียงแค่การทำให้ต่อเนื่องมันก็ยากแสนยาก ปัญญาสมมติ ปัญญาโลกีย์อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ ความเห็นถูกต้อง การสร้างตบะ สร้างอานิสงส์ สร้างบารมี มีกันอยู่ตลอด แต่เราไม่ได้ถอนรากลึกถึงโคนการเกิดการดับ หยุดเกิดหยุดดับตัววิญญาณที่แท้จริงเป็นยังไง ก็เพียงแค่ได้ตามหยุด ตามดับ ตามควบคุมระหว่างกลางปลายเหตุ กลางเหตุ บางทีก็ปล่อยปละละเลย บางทีก็ส่งเสริม มันก็ยากที่จิตวิญญาณจะตกกระแสธรรมได้
จิตวิญญาณแยกรูปแยกนาม คลายออกจากขันธ์ห้านั่นแหละถึงจะตกกระแสธรรม เพียงแค่แยกได้เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้นเองนะ การทำความเข้าใจ การละการดับของเกิดอีกจะหมดจดอีกหรือไม่ ก็ต้องใช้ความเพียรอย่างต่อเนื่องอย่างแรงกล้า ใช้ตบะบารมีขับเคี่ยวกับกิเลส กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้แต่ตัวจิตตัววิญญาณเองเขาก็ไม่อยากจะสงบนิ่ง เพราะเขาเกิดมานาน เขาก็หาหนทางหลอกล่อ เขาถึงเรียกว่าจิตหลอกจิต สารพัดอย่าง ถ้าไม่เอาจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าถึง แต่ก็อย่าไปทิ้งบุญ ในการทำบุญ ในการให้ทาน
ตื่นขึ้นมาเราก็ทำบุญให้กับตัวเราละความเกียจคร้าน อย่าเพิ่มความเกียจคร้าน ถ้าเราเพิ่มความเกียจคร้านครั้งหนึ่งสองครั้งก็สะสมไปเรื่อยๆ หมักหมมไปเรื่อยๆ จนมิด ถ้าเราสร้างความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบจากน้อยๆ ไปหามากขึ้นๆ ๆ จนเป็นอัตโนมัติ เป็นความเคยชิน ในการดู ในการรู้ ในการละ จะเป็นอิสระทุกสิ่งทุกอย่าง มองเห็นความเป็นจริงของชีวิต ก็พยายามกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี อย่าพากันเกียจคร้าน ถ้าเกียจคร้านแล้วก็ช่วยเหลือไม่ได้ เราก็อนุเคราะห์กันให้ได้อยู่ในระดับของสมมติความเป็นอยู่ ถ้าเกียจคร้านในการขัดเกลากิเลส ในการทำความเข้าใจกับชีวิตของเราแล้วก็ ไปที่ไหนก็มันก็จะไม่เจริญก้าวหน้า ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อออกทำความเข้าใจกันเอา