หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 36
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 36
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 36
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 23 มีนาคม 2556
ว่าอย่างไรสามเณร ดูดีๆ นะ ก่อนที่จะขบจะฉันกะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ทั้งพระทั้งเณรทั้งชีนั่นแหละ ทุกคนนั่นแหละทุกเรื่อง เรื่องความอยาก เรื่องความอยากในอาหารนี้จะชัดเจน เพราะว่ากายของคนเราอยู่เนื่องด้วยอาหาร ตัววิญญาณในกายของเรานี่จะเป็นตัวบงการ อันนั้นก็อยากอันก็นี้อยาก ยิ่งกายหิวๆ ยิ่งมาฝึกใหม่ๆ แต่ก่อนเราเป็นฆราวาส เราอาจจะไม่เคยสังเกต เคยวิเคราะห์ ถ้าเรามาสังเกตกายของเราหิว ใจจะปรุงแต่งได้เร็วได้ไว อันโน้นก็อร่อยอันนี้ก็อร่อย อันโน้นก็จะเอาอันนี้ก็จะเอา กิเลสมันบงการ ความอยากมันบงการเอามาให้กาย ให้ควบคุมให้รู้จักระงับยับยั้ง แล้วก็กะประมาณพิจารณาด้วยสติด้วยปัญญา หัดสังเกต
คนเราขาดการสังเกต ไปสังเกตตั้งแต่ภายนอกกันเสียส่วนมาก ไม่เคยสังเกตวิญญาณของตัวเองว่าเกิดอย่างไร ความอยากนั่นแหละคือต้นตอของความทุกข์ ความอยากแล้วก็อยากเกิด การเกิด การเกิดของวิญญาณ การปรุงการแต่ง ในหลักธรรมทั้งกุศลทั้งอกุศลท่านให้ละออกให้หมดเลย แล้วก็ให้เจริญกุศลด้วยปัญญาล้วนๆ ดูดีๆนะสามเณร กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง สามเณรนี่กะประมาณในการขบฉันได้เกือบหมดทุกองค์ทุกรูป แต่พระเรานี่แย่กว่าสามเณร เหลือเยอะกว่าเด็ก ตัวโตๆ กิเลสมันเยอะกว่ามันใหญ่กว่าก็ไม่รู้นะ พยายามอดเรื่องอาหารเรื่องเดียวนี่แหละ ความอยากเรื่องอาหารเรื่องเดียวนี่แหละ เราจะเห็นเยอะอีกมากมาย
ความเกิดก็เกิดอยู่ตรงความอยากนั่นแหละ อยากคิด อยากมี อยากเป็น อยากโน่นอยากนี่ มันเริ่มก่อตัวตรงไหนขอให้เรามีสติเข้าไปสังเกต สังเกตไม่ทันก็รู้จักควบคุม รู้จักดับ รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ เพียงแค่สติกับใจควบคุมกันแค่นั้น เพียงแค่สองจุดสองส่วน ถ้าใจวิญญาณคลายออกจากขันธ์ห้าได้อีกก็แจงออกไปอีกว่าเป็นเรื่องอะไรอีก ก็จะเห็นที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ขันธ์ห้าเป็นกองเป็นขันธ์ กองใครกองมัน กองวิญญาณ กองความคิด กองกิเลส กองรูป ส่วนรูป ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไรอีก หู ตา จมูก ลิ้น กาย เป็นทางผ่านส่งเรื่องวิญญาณซึ่งอยู่กลางหทัย กลางดวงใจของตัวเรา
ส่วนมากก็ทำบุญอยู่ในภาพรวม ได้บุญอยู่ในภาพรวม แต่ก็ยังหลงบุญ ในหลักธรรมนี้แหละ บุญก็ยังหลงอยู่ แต่ก็เป็น เป็นสิ่งที่ดี ในหลักธรรมท่านให้ละ แต่ให้สร้างบุญสร้างกุศล แต่ไม่ให้ยึด สร้างเพื่อให้เกิดประโยชน์ ก่อนที่จะ สร้างบุญสร้างกุศลให้เกิดประโยชน์ได้ เราต้องแจงภายในของเราให้ละเอียด ตัววิญญาณให้รับรู้ ถ้าไม่ถึงเวลาก็มันก็แยกยากคลายยาก ถ้าถึงเวลา การสร้างตบะบารมีให้เต็มเปี่ยม ความเสียสละเต็มเปี่ยม ความอดทนอดกลั้นเต็มเปี่ยม การให้อภัย การเอาให้อโหสิกรรม จนกว่ารู้จักลักษณะของการเจริญสติให้ชัดเจน การควบคุมใจให้ชัดเจน จนกว่าใจของเราจะแยกคลายได้ แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเราให้รู้เห็นตามความเป็นจริงได้ เขาถึงจะเป็นอิสรภาพจากความคิด จากกิเลส จากการเกิด มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
ดูดีๆ นะ สามเณร วันนี้ วันนี้ทางโยมทางเจ้าภาพของท่านได้นำรูปหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อขึ้นมา หล่อเสร็จตั้งแต่ปีกลายนี้แหละ ทางโยมโก๋กับหมู่คณะก็จะได้พากันมามอบถวายให้ ก็ขอนิมนต์พระสงฆ์ทุกรูป พระคุณเจ้าทุกรูป แล้วก็แม่ชีหรือว่าฆราวาสญาติโยมอยากจะไปร่วมพิธีมอบถวายองค์หลวงพ่อ ก็อยู่ที่ศาลาธรรมจักรสวนมะลิวัลย์นะ อยู่ที่สวนมะลิวัลย์ วันนี้แหละ หลังจากฉันเข้าเสร็จก็ขอเชิญทุกคนทุกท่าน มีโอกาสก็ไปร่วมกัน ท่านได้ทำรูปเหมือน หล่อรูปเหมือนมาไว้ให้ประดิษฐานที่ศาลาธรรมจักรหรือว่าสวนมะลิวัลย์ กลางค่ำกลางคืนนี่เดินไปในสวนนี่หอมกรุ่นไปหมด เพราะว่าต้นชมนาถ ต้นการะเวก ต้นเล็บมือนาง มีตั้งแต่ไม้ดอกไม้ไม้ประดับ หอมเย็น ต่อไปจะได้เป็นแหล่งบุญใหญ่ของทุกคน ในเมื่อต้นไม้ให้ความร่มรื่นปกคลุมไปหมด เดี๋ยวนี้ก็ต้นกัลปพฤกษ์ก็ออกดอกเต็มไปหลายต้น ออกดอกเต็มส่วนนั้นจะสวยมากทีเดียว นี่แหละแรงกายแรงใจทุ่มเทของทุกคน มาช่วยกันหล่อหลอมสถานที่ให้เป็นแหล่งบุญใหญ่
ความเป็นสิริมงคลอยู่ที่ไหนเหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาย่อมจะหลั่งไหลมาเป็นธรรมดา หลั่งไหลมาในกองบุญกองกุศล แต่อยากจะดับทุกข์ได้ หลุดพ้นได้ก็ต้องเจริญสติเจริญปัญญา ทำความเข้าใจ ทำความเห็นให้ถูกต้องอีก แล้วก็ละกิเลสให้หมดจดอีก ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล ตรงนี้บังคับกันไม่ได้ แต่การทำบุญให้ทาน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยมมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย มีแรงบุญแรงศรัทธาตรงนี้อยู่
แต่การเจริญสติ เรารู้จักวิธีรู้จักแนวทาง รู้จักทำความเข้าใจ หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์อยู่บ่อยๆ สักวันหนึ่งก็คงจะเข้าใจ สักวันหนึ่งก็คงจะเห็น เห็นจิต เห็นวิญญาณ เห็นความบริสุทธิ์ของใจของเรา เห็นการเกิดการดับ ถ้าเราตามดู ตามรู้ ตามเห็นทุกเรื่อง ใจของเรารู้เห็นความเป็นจริง แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจด้วยสติด้วยปัญญาของเรา ใจของเราก็จะสะอาดบริสุทธิ์ได้เร็วได้ไว ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย ก็จะเป็นแค่เพียงอิริยาบถ ทุกเรื่องเลยนะในชีวิตของเรา
ตาของเราทำหน้าที่ดูเราก็ห้ามไม่ได้ หูทำหน้าที่ฟังเราก็ห้ามไม่ได้ ภาษาธรรมที่ท่านเรียกว่าสักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟัง อันนี้เพียงแค่ในระดับของสมมติ ของรูปธรรม แต่ส่วนนามธรรมการเกิดการดับของวิญญาณ การเกิดการดับของขันธ์ห้าอันนี้มีกันทุกคน กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมีกันทุกคน จะมีมากมีน้อย ถ้าเราหมั่นสังเกตหมั่นทำความเข้าใจบ่อยๆ เราก็จะรู้จักอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรทรงเอาไว้
การดำเนินชีวิตอยู่กับโลกธรรม เราจะบริหารอย่างไรถึงจะมีความสุข อยู่กับสมมติ เคารพสมมติ โน่นแหละหมดลมหายใจนั่นแหละเราถึงจะทิ้งสมมติ เพราะว่ากายของเราเป็นก้อนสมมติ ปฏิบัติธรรม ผลักไสสมมติจะไม่เข้าใจในธรรม วิ่งหนีสมมติก็จะไม่เข้าใจในธรรม ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ใจของเราต้องสะอาดสงบ อยู่กลางโรงหนังกลางตลาด แม้แต่กายจะแตกจะดับก็ต้องให้สงบ สงบจากการเกิด สงบจากกิเลส สงบจากความยึดมั่นถือมั่น สงบด้วยสติด้วยปัญญา
เป็นบุคคลที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ทุกเรื่องในชีวิตเลยทีเดียว คนทั่วไปขาดการสังเกตการวิเคราะห์ แม้แต่เรื่องการหายใจเข้าออกก็รู้กันนิดๆ หน่อยๆ เพียงแค่สติรู้กาย ใจเขาเกิดๆ ดับๆ ความคิดเขาเกิดๆ ดับๆ อยู่ เขาเกิดอย่างไรไปอย่างไรเรารู้เมื่อเขาเกิดแล้ว มันหลงอยู่ในความรู้ตรงนั้นอยู่ ที่มาฝึกหัดปฏิบัติก็ต้องขัดต้องเกลา ต้องฝืน ฝืน ฝืนจนใจของเราคลายออก ตกกระแสธรรมชาติถึงจะไม่ได้ฝืน ฝืนพลิก จากสมมติไปหาวิมุตติ ฝืนทำความเข้าใจ
ช่วงใหม่ๆ กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็หาเหตุหาผลมาโต้แย้ง ทั้งตัววิญญาณก็หลอกตัวเอง ทั้งขันธ์ห้าก็หลอกใจ เราต้องเจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล ตามดูต้นเหตุ เหตุผลให้ชัดเจนทุกเรื่อง จนกว่าวิญญาณของเราจะยอมรับความเป็นจริงได้นั่นแหละ เขาถึงจะคลาย ความอยากแม้แต่นิดเดียว แม้แต่อยากในเรื่องอาหารที่กายต้องการอยู่ทุกวันนี้แหละ จะทานมากทานน้อย ก็อย่าให้ใจของเราเกิดกิเลส ใจของเราเกิดความอยาก ดับความอยากเสียก่อนค่อยทานด้วยสติด้วยปัญญา ทานด้วยเหตุด้วยผล
เรื่องความอยากนี่แหละต้องจัดการ ยิ่งอายุน้อยๆ กายก็ต้องการอาหารมาหล่อเลี้ยงร่างกาย ความอยากก็เพิ่มเป็นทวีคูณ เพราะว่าธรรมชาติของกายก็อาศัยอาหารอาศัยคำข้าวอาศัยอาหารมาหล่อเลี้ยงร่างกายเพื่อความเจริญเติบโต ในหลักธรรมท่านให้ละความอยาก ละความหวัง แต่เปลี่ยนจากความอยากความหวังเป็นความต้องการสติปัญญา ไม่ให้ใจของเราเกิดความอยาก เราจะเอาอะไรทำอะไรก็ให้ใจรับรู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ไม่เป็นประโยชน์
ถ้าคนเรารู้จักวิเคราะห์รู้จักสังเกต เราจะเห็นตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน อย่าไปเลือกกาลเลือกเวลา ท่านถึงได้ว่าอะกาลิโก ดูตัวเราได้ตลอดเวลา ไม่ใช่เอาเฉพาะเวลาไปนั่งไปเดิน ไปทำอันนั้นเป็นแค่เพียงเสี้ยว เป็นแค่เพียงนิดเดียว รากฐานก็ตั้งตื่นขึ้นมาทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย อย่าไปผลักไสสมมติ อยู่กับสมมติ เคารพสมมติ แต่ไม่ยึดติดสมมติ ถ้าคนมีปัญญาก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสงบความสุข นอกนั้นก็เป็นหน้าที่เป็นความรับผิดชอบ เราจัดการภายในของเราเสร็จ เราก็รับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญา ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ใช้กาลเวลาที่ยังเหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล เราต้องพยายามทำ
อย่าทำเพื่อความเห็นแก่ตัว จงทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ในสิ่งที่เราทำเราก็พลอยได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่เราทำด้วย มหาชนก็พลอยได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำด้วย แล้วก็จัดการเรื่องของเราให้จบเสียก่อน แล้วก็บุญอานิสงส์ก็จะล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคม จะเป็นธรรมชาติของเขาเอง ทุกเรื่องในชีวิตของเรา ความขยันหมั่นเพียรมีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเสียสละมีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความอ่อนน้อมถ่อมตน พวกนี้เป็นบารมีกันทั้งนั้น เป็นการสร้างสะสมบุญบารมี ถ้าถึงเวลาแล้วเขาก็จะเต็มก็จะอิ่ม ถ้าคนเราไม่เคยให้ เคยเอาออก ใจของเราก็ยากที่จะคลาย ถ้าเราให้ เอาออก คลายออกๆๆ เพราะว่าสภาพเดิมนั้นใจไม่มีอะไร เขาหลง เขาเกิดมา หลงเป็นทาสของอารมณ์ทาสของกิเลส เขาก่อร่างสร้างตัวปิดกั้นตัวของเขาเอาไว้หมดเลยทีเดียว
เราถึงได้มาเจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล หาเหตุหาผล ตามดูเหตุดูผล ทั้งรูปทั้งนาม ทั้งการชำระสะสาง ท่านถึงบัญญัติเอาไว้ แนวทางนี้ไปอย่างนี้มาอย่างนี้ จะเกิดสิ่งนี้ๆ ก็จะเห็นชัดเจนหมดทุกเรื่อง ไม่ต้องไปถามไปแสวงหาที่ไหนเลย อยู่ที่กายกับใจของเรานอกนั้นก็เป็นการสร้างบุญสร้างอานิสงส์ร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ ยังประโยชน์ของสมมติให้อยู่ในกองบุญกองกุศลไม่ให้ตกไปสู่ที่ชั่วหรือตกไปสู่ที่ต่ำ อะไรที่เป็นอกุศลเราก็ละเสีย อะไรที่เป็นกุศลเราก็เจริญ นั่นแหละเขาเรียกว่าจัดระบบระเบียบของธรรมชาติ ของกาย ของวาจา ของใจ แล้วก็จัดระบบระเบียบของธรรมชาติภายนอกให้น่าอยู่ น่าอาศัย น่ารื่นรมย์ บุญระดับสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม บุญภายในเราก็รู้จักตัวบุญ อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
ทั้งพระทั้งชีก็ต้องพยายามเคี่ยวเข็ญตัวเราเอง อย่าไปเกียจคร้าน หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังอยู่ทุกวัน เล่าของเก่า เรื่องเก่า ของเก่าซึ่งมีอยู่ในกายของเรา หลวงพ่อจะพยายามชี้ให้เห็นเหตุเสียก่อน แล้วก็ให้รู้จักสร้างความรู้ตัว และเจริญสติให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน อย่าไปนึกไปคิดเอาเลยเด็ดขาด ถ้าเรารู้ด้วย เห็นด้วย ตามดูได้ด้วย หมดความสงสัย มีตั้งแต่จะละกิเลสให้มันหมดจด ดับความเกิดให้มันจบ เอาเรื่องของเราให้จบ ก็จะล้นออกไปช่วยสังคมได้เอง เรื่องของเราก็ไม่จบ มีตั้งแต่ทับถมเข้ามา ภายนอกก็ทับถมเข้ามา มันก็วุ่นวายกัน ก็ต้องพยายาม
นับว่าโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ การที่ได้อัตภาพร่างกายของมนุษย์นี่ก็ยาก มีมนุษย์เท่านั้นแหละที่รับธรรมะหรือหมั่นพร่ำสอนได้ พระพุทธองค์ท่านถึงได้เลือกเกิดมาเป็นมนุษย์ในภพของมนุษย์ มาตรัสรู้ แนวทางมีอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่ ถ้าเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยาก ยากที่จะเข้าใจ บางทีสัตว์เดรัจฉานยังมีใจเป็นบุญมากกว่ามนุษย์ แต่การทำความเข้าใจ การเดินปัญญาของเขาทำไม่ได้ เพราะว่าวิญญาณในโลกมนุษย์นี่มีมากมายมหาศาลกัน การทำบุญ การน้อมกายน้อมใจเข้ามาในกองบุญในกองกุศลก็เป็นสิ่งที่ดี อะไรที่เป็นอกุศลเราก็พยายามละเสีย คนทั่วไปนั้นเพียงแค่ควบคุมกายก็ได้ยาก ควบคุมใจก็ยาก ในส่วนลึกอีก ขันธ์ห้าอีก มาปรุงแต่งใจอีก อวิชชาความไม่รู้ ความหลง สมมติภายนอกเราอาจจะว่าเราไม่หลง
นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติให้ต่อเนื่อง รู้ลักษณะของคำว่าปัจจุบัน สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันให้ชัดเจน แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง รู้ลักษณะของใจ รู้การแยกการคลายนั่นแหละ เพียงแค่สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อนถึงจะรู้ว่าแต่ก่อนสติเรามีอยู่ แต่เป็นสติของสมมติของโลกียะ รู้จักผิดชอบชั่วดีระดับของสมมติ แต่สติในหลักธรรมแล้วต้องสร้าง ต้องทำความเข้าใจ ชี้เหตุชี้ผลให้ใจออกคลายออก รับรู้ ตามทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง แล้วการละการดับของเราต้องตามมาอีก การเจริญพรหมวิหารของเราด้วยสติด้วยปัญญาอีกต้องเต็มเปี่ยม ถึงจะรู้จักวิธีดำเนินชีวิตให้ถูกต้องได้ ไม่อยากจะทุกข์ก็ต้องไม่ต้องเกิด ดับความเกิด ในเมื่อเกิดมาแล้ว เขาเกิดมาด้วยความหลง หลงเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ เราต้องมาคลายมาแจงอยู่ในร่างกายของเราให้ชัดเจนเสียก่อน ถึงจะอยู่ด้วยปัญญา มีความสุข วันเดือนปีผ่านไปๆ มีประโยชน์มากมาย ก็ต้องพยายามกัน
ว่าไงสามเณรจำได้ไหม ระลึกได้ไหม พากันไปฝึกไปเดิน ไปฝึกที่สะพานสติเห็นว่าขาร่วงกันถลอกปอกเปิก ระวังตาเนื้อก็มองไปที่อื่นก็ไม่ได้ ใจก็คิดวอกแวกไปที่อื่นก็ไม่ได้ ขาเลยร่วง ต้องระวังอยู่กับสถานที่ ระวังใจ เด็กนี้มีโอกาสมีบุญ ได้มาฝึกมาสร้างสะสมบุญเอาไว้ โตขึ้นไปเขาก็จะเดินปัญญาเข้าใจในการแยกรูปแยกนามเดินปัญญาได้โดยปริยาย เพราะว่าฐานบุญมาจากพ่อจากแม่ จากพี่จากน้องมาก่อน แต่อุปสรรคต่างๆ ต้องผ่านพ้นไปจนกว่าจะเจริญเติบโต ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน ทำความเข้าใจกับความหมายในกายของตัวเรา ความหมายของความคิดของอารมณ์ ต่อไปก็จะเข้าใจอานิสงส์ผลบุญในสิ่งที่มาทำตรงนี้แหละ จะส่งผลให้
ช่วงนี้เดินปัญญาไม่ได้ แต่เป็นการสร้างตบะสร้างบารมี ความขยันหมั่นเพียร ความเสียสละ ความอดทน วางภาระหน้าที่ทางบ้าน ทางพ่อทางแม่ ทางอะไรไม่ ตัดความกังวลตรงจุดนั้นออกไปได้ ถึงจะได้ไม่หมดก็เป็นการวางการคลาย มารู้จักวิเคราะห์พิจารณาอยู่กับหมู่อยู่กับคณะ นี่แหละเขาเรียกว่าฝากทรัพย์ภายในไว้ให้เด็ก ไว้ให้ลูกให้หลาน แล้วก็มารู้จักแบ่งสันปันส่วน รู้จักกะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ไม่ให้ฉันด้วยความอยาก ถ้าอยากแล้วไม่ให้ฉัน ให้นั่งดู ไม่ให้ฉันด้วยความอยาก แต่วันสึกต้องให้น้ำหนักเพิ่มอีก 3 กิโล ถึงจะได้สึก จำเอาไว้นะ ถ้าน้ำหนักไม่เพิ่มนี่อยู่กับเจ้าคุณไปอีกออกพรรษานะ สามเณรตัวน้อยๆ ไม่ให้อยาก แต่น้ำหนักต้องเพิ่ม มีอะไรเราก็ช่วยกัน ให้เป็นอานิสงส์ใหญ่เป็นแหล่งบุญใหญ่ หลังจากทำทุกสิ่งทุกอย่างราบรื่นเรียบร้อย หลวงพ่อก็คงจะพาสมโภชตั้งโรงทานใหญ่ให้ทุกคนได้มีโอกาสได้มา มีความสุขกัน สมโภชพระบรมสารีริกธาตุ สมโภชฉลองใหญ่
ตั้งใจรับพรกัน
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 23 มีนาคม 2556
ว่าอย่างไรสามเณร ดูดีๆ นะ ก่อนที่จะขบจะฉันกะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ทั้งพระทั้งเณรทั้งชีนั่นแหละ ทุกคนนั่นแหละทุกเรื่อง เรื่องความอยาก เรื่องความอยากในอาหารนี้จะชัดเจน เพราะว่ากายของคนเราอยู่เนื่องด้วยอาหาร ตัววิญญาณในกายของเรานี่จะเป็นตัวบงการ อันนั้นก็อยากอันก็นี้อยาก ยิ่งกายหิวๆ ยิ่งมาฝึกใหม่ๆ แต่ก่อนเราเป็นฆราวาส เราอาจจะไม่เคยสังเกต เคยวิเคราะห์ ถ้าเรามาสังเกตกายของเราหิว ใจจะปรุงแต่งได้เร็วได้ไว อันโน้นก็อร่อยอันนี้ก็อร่อย อันโน้นก็จะเอาอันนี้ก็จะเอา กิเลสมันบงการ ความอยากมันบงการเอามาให้กาย ให้ควบคุมให้รู้จักระงับยับยั้ง แล้วก็กะประมาณพิจารณาด้วยสติด้วยปัญญา หัดสังเกต
คนเราขาดการสังเกต ไปสังเกตตั้งแต่ภายนอกกันเสียส่วนมาก ไม่เคยสังเกตวิญญาณของตัวเองว่าเกิดอย่างไร ความอยากนั่นแหละคือต้นตอของความทุกข์ ความอยากแล้วก็อยากเกิด การเกิด การเกิดของวิญญาณ การปรุงการแต่ง ในหลักธรรมทั้งกุศลทั้งอกุศลท่านให้ละออกให้หมดเลย แล้วก็ให้เจริญกุศลด้วยปัญญาล้วนๆ ดูดีๆนะสามเณร กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง สามเณรนี่กะประมาณในการขบฉันได้เกือบหมดทุกองค์ทุกรูป แต่พระเรานี่แย่กว่าสามเณร เหลือเยอะกว่าเด็ก ตัวโตๆ กิเลสมันเยอะกว่ามันใหญ่กว่าก็ไม่รู้นะ พยายามอดเรื่องอาหารเรื่องเดียวนี่แหละ ความอยากเรื่องอาหารเรื่องเดียวนี่แหละ เราจะเห็นเยอะอีกมากมาย
ความเกิดก็เกิดอยู่ตรงความอยากนั่นแหละ อยากคิด อยากมี อยากเป็น อยากโน่นอยากนี่ มันเริ่มก่อตัวตรงไหนขอให้เรามีสติเข้าไปสังเกต สังเกตไม่ทันก็รู้จักควบคุม รู้จักดับ รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ เพียงแค่สติกับใจควบคุมกันแค่นั้น เพียงแค่สองจุดสองส่วน ถ้าใจวิญญาณคลายออกจากขันธ์ห้าได้อีกก็แจงออกไปอีกว่าเป็นเรื่องอะไรอีก ก็จะเห็นที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ขันธ์ห้าเป็นกองเป็นขันธ์ กองใครกองมัน กองวิญญาณ กองความคิด กองกิเลส กองรูป ส่วนรูป ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไรอีก หู ตา จมูก ลิ้น กาย เป็นทางผ่านส่งเรื่องวิญญาณซึ่งอยู่กลางหทัย กลางดวงใจของตัวเรา
ส่วนมากก็ทำบุญอยู่ในภาพรวม ได้บุญอยู่ในภาพรวม แต่ก็ยังหลงบุญ ในหลักธรรมนี้แหละ บุญก็ยังหลงอยู่ แต่ก็เป็น เป็นสิ่งที่ดี ในหลักธรรมท่านให้ละ แต่ให้สร้างบุญสร้างกุศล แต่ไม่ให้ยึด สร้างเพื่อให้เกิดประโยชน์ ก่อนที่จะ สร้างบุญสร้างกุศลให้เกิดประโยชน์ได้ เราต้องแจงภายในของเราให้ละเอียด ตัววิญญาณให้รับรู้ ถ้าไม่ถึงเวลาก็มันก็แยกยากคลายยาก ถ้าถึงเวลา การสร้างตบะบารมีให้เต็มเปี่ยม ความเสียสละเต็มเปี่ยม ความอดทนอดกลั้นเต็มเปี่ยม การให้อภัย การเอาให้อโหสิกรรม จนกว่ารู้จักลักษณะของการเจริญสติให้ชัดเจน การควบคุมใจให้ชัดเจน จนกว่าใจของเราจะแยกคลายได้ แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเราให้รู้เห็นตามความเป็นจริงได้ เขาถึงจะเป็นอิสรภาพจากความคิด จากกิเลส จากการเกิด มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
ดูดีๆ นะ สามเณร วันนี้ วันนี้ทางโยมทางเจ้าภาพของท่านได้นำรูปหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อขึ้นมา หล่อเสร็จตั้งแต่ปีกลายนี้แหละ ทางโยมโก๋กับหมู่คณะก็จะได้พากันมามอบถวายให้ ก็ขอนิมนต์พระสงฆ์ทุกรูป พระคุณเจ้าทุกรูป แล้วก็แม่ชีหรือว่าฆราวาสญาติโยมอยากจะไปร่วมพิธีมอบถวายองค์หลวงพ่อ ก็อยู่ที่ศาลาธรรมจักรสวนมะลิวัลย์นะ อยู่ที่สวนมะลิวัลย์ วันนี้แหละ หลังจากฉันเข้าเสร็จก็ขอเชิญทุกคนทุกท่าน มีโอกาสก็ไปร่วมกัน ท่านได้ทำรูปเหมือน หล่อรูปเหมือนมาไว้ให้ประดิษฐานที่ศาลาธรรมจักรหรือว่าสวนมะลิวัลย์ กลางค่ำกลางคืนนี่เดินไปในสวนนี่หอมกรุ่นไปหมด เพราะว่าต้นชมนาถ ต้นการะเวก ต้นเล็บมือนาง มีตั้งแต่ไม้ดอกไม้ไม้ประดับ หอมเย็น ต่อไปจะได้เป็นแหล่งบุญใหญ่ของทุกคน ในเมื่อต้นไม้ให้ความร่มรื่นปกคลุมไปหมด เดี๋ยวนี้ก็ต้นกัลปพฤกษ์ก็ออกดอกเต็มไปหลายต้น ออกดอกเต็มส่วนนั้นจะสวยมากทีเดียว นี่แหละแรงกายแรงใจทุ่มเทของทุกคน มาช่วยกันหล่อหลอมสถานที่ให้เป็นแหล่งบุญใหญ่
ความเป็นสิริมงคลอยู่ที่ไหนเหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาย่อมจะหลั่งไหลมาเป็นธรรมดา หลั่งไหลมาในกองบุญกองกุศล แต่อยากจะดับทุกข์ได้ หลุดพ้นได้ก็ต้องเจริญสติเจริญปัญญา ทำความเข้าใจ ทำความเห็นให้ถูกต้องอีก แล้วก็ละกิเลสให้หมดจดอีก ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล ตรงนี้บังคับกันไม่ได้ แต่การทำบุญให้ทาน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยมมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย มีแรงบุญแรงศรัทธาตรงนี้อยู่
แต่การเจริญสติ เรารู้จักวิธีรู้จักแนวทาง รู้จักทำความเข้าใจ หมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์อยู่บ่อยๆ สักวันหนึ่งก็คงจะเข้าใจ สักวันหนึ่งก็คงจะเห็น เห็นจิต เห็นวิญญาณ เห็นความบริสุทธิ์ของใจของเรา เห็นการเกิดการดับ ถ้าเราตามดู ตามรู้ ตามเห็นทุกเรื่อง ใจของเรารู้เห็นความเป็นจริง แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจด้วยสติด้วยปัญญาของเรา ใจของเราก็จะสะอาดบริสุทธิ์ได้เร็วได้ไว ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย ก็จะเป็นแค่เพียงอิริยาบถ ทุกเรื่องเลยนะในชีวิตของเรา
ตาของเราทำหน้าที่ดูเราก็ห้ามไม่ได้ หูทำหน้าที่ฟังเราก็ห้ามไม่ได้ ภาษาธรรมที่ท่านเรียกว่าสักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟัง อันนี้เพียงแค่ในระดับของสมมติ ของรูปธรรม แต่ส่วนนามธรรมการเกิดการดับของวิญญาณ การเกิดการดับของขันธ์ห้าอันนี้มีกันทุกคน กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมีกันทุกคน จะมีมากมีน้อย ถ้าเราหมั่นสังเกตหมั่นทำความเข้าใจบ่อยๆ เราก็จะรู้จักอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรทรงเอาไว้
การดำเนินชีวิตอยู่กับโลกธรรม เราจะบริหารอย่างไรถึงจะมีความสุข อยู่กับสมมติ เคารพสมมติ โน่นแหละหมดลมหายใจนั่นแหละเราถึงจะทิ้งสมมติ เพราะว่ากายของเราเป็นก้อนสมมติ ปฏิบัติธรรม ผลักไสสมมติจะไม่เข้าใจในธรรม วิ่งหนีสมมติก็จะไม่เข้าใจในธรรม ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ใจของเราต้องสะอาดสงบ อยู่กลางโรงหนังกลางตลาด แม้แต่กายจะแตกจะดับก็ต้องให้สงบ สงบจากการเกิด สงบจากกิเลส สงบจากความยึดมั่นถือมั่น สงบด้วยสติด้วยปัญญา
เป็นบุคคลที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ทุกเรื่องในชีวิตเลยทีเดียว คนทั่วไปขาดการสังเกตการวิเคราะห์ แม้แต่เรื่องการหายใจเข้าออกก็รู้กันนิดๆ หน่อยๆ เพียงแค่สติรู้กาย ใจเขาเกิดๆ ดับๆ ความคิดเขาเกิดๆ ดับๆ อยู่ เขาเกิดอย่างไรไปอย่างไรเรารู้เมื่อเขาเกิดแล้ว มันหลงอยู่ในความรู้ตรงนั้นอยู่ ที่มาฝึกหัดปฏิบัติก็ต้องขัดต้องเกลา ต้องฝืน ฝืน ฝืนจนใจของเราคลายออก ตกกระแสธรรมชาติถึงจะไม่ได้ฝืน ฝืนพลิก จากสมมติไปหาวิมุตติ ฝืนทำความเข้าใจ
ช่วงใหม่ๆ กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็หาเหตุหาผลมาโต้แย้ง ทั้งตัววิญญาณก็หลอกตัวเอง ทั้งขันธ์ห้าก็หลอกใจ เราต้องเจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล ตามดูต้นเหตุ เหตุผลให้ชัดเจนทุกเรื่อง จนกว่าวิญญาณของเราจะยอมรับความเป็นจริงได้นั่นแหละ เขาถึงจะคลาย ความอยากแม้แต่นิดเดียว แม้แต่อยากในเรื่องอาหารที่กายต้องการอยู่ทุกวันนี้แหละ จะทานมากทานน้อย ก็อย่าให้ใจของเราเกิดกิเลส ใจของเราเกิดความอยาก ดับความอยากเสียก่อนค่อยทานด้วยสติด้วยปัญญา ทานด้วยเหตุด้วยผล
เรื่องความอยากนี่แหละต้องจัดการ ยิ่งอายุน้อยๆ กายก็ต้องการอาหารมาหล่อเลี้ยงร่างกาย ความอยากก็เพิ่มเป็นทวีคูณ เพราะว่าธรรมชาติของกายก็อาศัยอาหารอาศัยคำข้าวอาศัยอาหารมาหล่อเลี้ยงร่างกายเพื่อความเจริญเติบโต ในหลักธรรมท่านให้ละความอยาก ละความหวัง แต่เปลี่ยนจากความอยากความหวังเป็นความต้องการสติปัญญา ไม่ให้ใจของเราเกิดความอยาก เราจะเอาอะไรทำอะไรก็ให้ใจรับรู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ไม่เป็นประโยชน์
ถ้าคนเรารู้จักวิเคราะห์รู้จักสังเกต เราจะเห็นตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน อย่าไปเลือกกาลเลือกเวลา ท่านถึงได้ว่าอะกาลิโก ดูตัวเราได้ตลอดเวลา ไม่ใช่เอาเฉพาะเวลาไปนั่งไปเดิน ไปทำอันนั้นเป็นแค่เพียงเสี้ยว เป็นแค่เพียงนิดเดียว รากฐานก็ตั้งตื่นขึ้นมาทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย อย่าไปผลักไสสมมติ อยู่กับสมมติ เคารพสมมติ แต่ไม่ยึดติดสมมติ ถ้าคนมีปัญญาก็จะใช้ชีวิตอย่างมีความสงบความสุข นอกนั้นก็เป็นหน้าที่เป็นความรับผิดชอบ เราจัดการภายในของเราเสร็จ เราก็รับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญา ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ใช้กาลเวลาที่ยังเหลืออยู่ให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล เราต้องพยายามทำ
อย่าทำเพื่อความเห็นแก่ตัว จงทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ในสิ่งที่เราทำเราก็พลอยได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่เราทำด้วย มหาชนก็พลอยได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำด้วย แล้วก็จัดการเรื่องของเราให้จบเสียก่อน แล้วก็บุญอานิสงส์ก็จะล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคม จะเป็นธรรมชาติของเขาเอง ทุกเรื่องในชีวิตของเรา ความขยันหมั่นเพียรมีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเสียสละมีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความอ่อนน้อมถ่อมตน พวกนี้เป็นบารมีกันทั้งนั้น เป็นการสร้างสะสมบุญบารมี ถ้าถึงเวลาแล้วเขาก็จะเต็มก็จะอิ่ม ถ้าคนเราไม่เคยให้ เคยเอาออก ใจของเราก็ยากที่จะคลาย ถ้าเราให้ เอาออก คลายออกๆๆ เพราะว่าสภาพเดิมนั้นใจไม่มีอะไร เขาหลง เขาเกิดมา หลงเป็นทาสของอารมณ์ทาสของกิเลส เขาก่อร่างสร้างตัวปิดกั้นตัวของเขาเอาไว้หมดเลยทีเดียว
เราถึงได้มาเจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล หาเหตุหาผล ตามดูเหตุดูผล ทั้งรูปทั้งนาม ทั้งการชำระสะสาง ท่านถึงบัญญัติเอาไว้ แนวทางนี้ไปอย่างนี้มาอย่างนี้ จะเกิดสิ่งนี้ๆ ก็จะเห็นชัดเจนหมดทุกเรื่อง ไม่ต้องไปถามไปแสวงหาที่ไหนเลย อยู่ที่กายกับใจของเรานอกนั้นก็เป็นการสร้างบุญสร้างอานิสงส์ร่วมกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ ยังประโยชน์ของสมมติให้อยู่ในกองบุญกองกุศลไม่ให้ตกไปสู่ที่ชั่วหรือตกไปสู่ที่ต่ำ อะไรที่เป็นอกุศลเราก็ละเสีย อะไรที่เป็นกุศลเราก็เจริญ นั่นแหละเขาเรียกว่าจัดระบบระเบียบของธรรมชาติ ของกาย ของวาจา ของใจ แล้วก็จัดระบบระเบียบของธรรมชาติภายนอกให้น่าอยู่ น่าอาศัย น่ารื่นรมย์ บุญระดับสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม บุญภายในเราก็รู้จักตัวบุญ อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา
ทั้งพระทั้งชีก็ต้องพยายามเคี่ยวเข็ญตัวเราเอง อย่าไปเกียจคร้าน หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังอยู่ทุกวัน เล่าของเก่า เรื่องเก่า ของเก่าซึ่งมีอยู่ในกายของเรา หลวงพ่อจะพยายามชี้ให้เห็นเหตุเสียก่อน แล้วก็ให้รู้จักสร้างความรู้ตัว และเจริญสติให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน อย่าไปนึกไปคิดเอาเลยเด็ดขาด ถ้าเรารู้ด้วย เห็นด้วย ตามดูได้ด้วย หมดความสงสัย มีตั้งแต่จะละกิเลสให้มันหมดจด ดับความเกิดให้มันจบ เอาเรื่องของเราให้จบ ก็จะล้นออกไปช่วยสังคมได้เอง เรื่องของเราก็ไม่จบ มีตั้งแต่ทับถมเข้ามา ภายนอกก็ทับถมเข้ามา มันก็วุ่นวายกัน ก็ต้องพยายาม
นับว่าโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ การที่ได้อัตภาพร่างกายของมนุษย์นี่ก็ยาก มีมนุษย์เท่านั้นแหละที่รับธรรมะหรือหมั่นพร่ำสอนได้ พระพุทธองค์ท่านถึงได้เลือกเกิดมาเป็นมนุษย์ในภพของมนุษย์ มาตรัสรู้ แนวทางมีอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่ ถ้าเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยาก ยากที่จะเข้าใจ บางทีสัตว์เดรัจฉานยังมีใจเป็นบุญมากกว่ามนุษย์ แต่การทำความเข้าใจ การเดินปัญญาของเขาทำไม่ได้ เพราะว่าวิญญาณในโลกมนุษย์นี่มีมากมายมหาศาลกัน การทำบุญ การน้อมกายน้อมใจเข้ามาในกองบุญในกองกุศลก็เป็นสิ่งที่ดี อะไรที่เป็นอกุศลเราก็พยายามละเสีย คนทั่วไปนั้นเพียงแค่ควบคุมกายก็ได้ยาก ควบคุมใจก็ยาก ในส่วนลึกอีก ขันธ์ห้าอีก มาปรุงแต่งใจอีก อวิชชาความไม่รู้ ความหลง สมมติภายนอกเราอาจจะว่าเราไม่หลง
นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติให้ต่อเนื่อง รู้ลักษณะของคำว่าปัจจุบัน สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันให้ชัดเจน แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง รู้ลักษณะของใจ รู้การแยกการคลายนั่นแหละ เพียงแค่สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อนถึงจะรู้ว่าแต่ก่อนสติเรามีอยู่ แต่เป็นสติของสมมติของโลกียะ รู้จักผิดชอบชั่วดีระดับของสมมติ แต่สติในหลักธรรมแล้วต้องสร้าง ต้องทำความเข้าใจ ชี้เหตุชี้ผลให้ใจออกคลายออก รับรู้ ตามทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง แล้วการละการดับของเราต้องตามมาอีก การเจริญพรหมวิหารของเราด้วยสติด้วยปัญญาอีกต้องเต็มเปี่ยม ถึงจะรู้จักวิธีดำเนินชีวิตให้ถูกต้องได้ ไม่อยากจะทุกข์ก็ต้องไม่ต้องเกิด ดับความเกิด ในเมื่อเกิดมาแล้ว เขาเกิดมาด้วยความหลง หลงเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ เราต้องมาคลายมาแจงอยู่ในร่างกายของเราให้ชัดเจนเสียก่อน ถึงจะอยู่ด้วยปัญญา มีความสุข วันเดือนปีผ่านไปๆ มีประโยชน์มากมาย ก็ต้องพยายามกัน
ว่าไงสามเณรจำได้ไหม ระลึกได้ไหม พากันไปฝึกไปเดิน ไปฝึกที่สะพานสติเห็นว่าขาร่วงกันถลอกปอกเปิก ระวังตาเนื้อก็มองไปที่อื่นก็ไม่ได้ ใจก็คิดวอกแวกไปที่อื่นก็ไม่ได้ ขาเลยร่วง ต้องระวังอยู่กับสถานที่ ระวังใจ เด็กนี้มีโอกาสมีบุญ ได้มาฝึกมาสร้างสะสมบุญเอาไว้ โตขึ้นไปเขาก็จะเดินปัญญาเข้าใจในการแยกรูปแยกนามเดินปัญญาได้โดยปริยาย เพราะว่าฐานบุญมาจากพ่อจากแม่ จากพี่จากน้องมาก่อน แต่อุปสรรคต่างๆ ต้องผ่านพ้นไปจนกว่าจะเจริญเติบโต ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน ทำความเข้าใจกับความหมายในกายของตัวเรา ความหมายของความคิดของอารมณ์ ต่อไปก็จะเข้าใจอานิสงส์ผลบุญในสิ่งที่มาทำตรงนี้แหละ จะส่งผลให้
ช่วงนี้เดินปัญญาไม่ได้ แต่เป็นการสร้างตบะสร้างบารมี ความขยันหมั่นเพียร ความเสียสละ ความอดทน วางภาระหน้าที่ทางบ้าน ทางพ่อทางแม่ ทางอะไรไม่ ตัดความกังวลตรงจุดนั้นออกไปได้ ถึงจะได้ไม่หมดก็เป็นการวางการคลาย มารู้จักวิเคราะห์พิจารณาอยู่กับหมู่อยู่กับคณะ นี่แหละเขาเรียกว่าฝากทรัพย์ภายในไว้ให้เด็ก ไว้ให้ลูกให้หลาน แล้วก็มารู้จักแบ่งสันปันส่วน รู้จักกะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ไม่ให้ฉันด้วยความอยาก ถ้าอยากแล้วไม่ให้ฉัน ให้นั่งดู ไม่ให้ฉันด้วยความอยาก แต่วันสึกต้องให้น้ำหนักเพิ่มอีก 3 กิโล ถึงจะได้สึก จำเอาไว้นะ ถ้าน้ำหนักไม่เพิ่มนี่อยู่กับเจ้าคุณไปอีกออกพรรษานะ สามเณรตัวน้อยๆ ไม่ให้อยาก แต่น้ำหนักต้องเพิ่ม มีอะไรเราก็ช่วยกัน ให้เป็นอานิสงส์ใหญ่เป็นแหล่งบุญใหญ่ หลังจากทำทุกสิ่งทุกอย่างราบรื่นเรียบร้อย หลวงพ่อก็คงจะพาสมโภชตั้งโรงทานใหญ่ให้ทุกคนได้มีโอกาสได้มา มีความสุขกัน สมโภชพระบรมสารีริกธาตุ สมโภชฉลองใหญ่
ตั้งใจรับพรกัน