หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 29
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 29
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 29
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 13 มีนาคม 2556
พากันดูดีๆ นะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโยก่อนที่จะขบจะฉัน กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพยายามรู้กายรู้ใจ จะลุกจะก้าวจะเดินเราอย่าไปพลาดโอกาส พลั้งเผลอเริ่มใหม่ ไม่ใช่จะไปมองเอาตั้งแต่อยากจะได้บุญ อยากจะได้ตั้งแต่ธรรม เราต้องพยายามดู รู้ อะไรคือปัญญา อะไรคือใจ การดับ การควบคุม การวิเคราะห์ การสังเกต การแยก การแจง การละ การดับ เราละได้เราดับได้ เราไม่อยากจะได้ความสงบเราก็ได้ เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์เราก็ได้ เพราะว่าการละกิเลสมี การดับความเกิดมี
ถ้าเรามีแต่ความเกียจคร้าน อยากจะได้ธรรม อยากจะรู้ธรรม ไปอยู่ที่ไหนมันก็มีตั้งแต่ความหลงนั้นแหละ ไม่ได้ เพียงแค่ความเกียจคร้านเรายังละไม่ได้ เราต้องพยายามละความเกียจคร้าน หมั่นเจริญสติ หมั่นทำความเข้าใจ อยู่คนเดียว อยู่หลายคน อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ เราก็ต้องพยายามช่วยกันอากาศก็เริ่มจะเย็นแล้วแหละ บางที่ก็ร้อน บางที่ก็แห้งแล้ง ก็โชคดีตำบลสำราญ หมู่บ้านสำราญ เพี้ยฟาน ก็ไม่ได้ลำบากเรื่องน้ำเท่าไร เพราะว่าได้อาศัยแหล่งน้ำที่วัดของเราพอได้ตลอดปี ถ้าน้ำไม่เข้าก็ลำบาก ถ้าฝนไม่ตกก็ลำบาก ก็โชคดีได้มีแหล่งน้ำพอได้อาศัยไปทุกๆ ปีไป
ก็ให้ช่วยกันประหยัด เวลาเปิดน้ำใช้น้ำ เราอย่าไปเปิดทิ้ง บางทีก็เห็นเปิดทิ้งเป็นวัน ล้นเจิ่งนองไปทั่วก็มี ทุกสิ่งทุกอย่างกว่าจะหามาได้ กว่าจะทำขึ้นมาได้นี้ลำบาก เราต้องช่วยกันดูแล ไม่ใช่ตระหนี่ อะไรพอดูแลรักษาช่วยกันได้เราก็ช่วยกัน ไม่ใช่ว่าเปิดทิ้ง ฟืนไฟก็เหมือนกัน ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ต้องให้อยู่ในความเป็นระเบียบ ถึงจะไม่มีค่ามีราคา แต่ก็ขอให้เป็นระเบียบ ให้อยู่ในความสวยความงามก็เป็นระเบียบ คนเราถ้าไม่มีความเป็นระเบียบแล้วจะไปจัดระบบระเบียบมีให้กับคนอื่นได้อย่างไร ที่เราต้องเป็นระเบียบตัวเรา แก้ไขตัวเรา จัดระบบระเบียบตั้งแต่ทางด้านรูปกาย ทางด้านความคิด ทางด้านอารมณ์ ทางด้านจิตวิญญาณให้ถูกต้อง ไปอยู่ที่ไหนก็จะได้รับความสุข ไม่ใช่วิ่งหาตั้งแต่แห่งความสุข เราต้องทำขึ้นมา อย่างสติไม่มีเราก็ต้องสร้างขึ้นมาให้ได้เสียก่อน
จิตใจของเรายังเกิด ยังวิ่ง ยังหลง เราก็หมั่นอบรมใจ ใช้สมถะเข้าไปควบคุม เข้าไปดับ เข้าไปอบรม เข้าไปแก้ไข แล้วก็พรหมวิหารเข้าไปเสริม ใจของเราก็จะได้มีตั้งแต่ความสงบ ความสุข สงบสุข ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ต้องพยายามทำ ไม่ใช่ว่าไม่ทำ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแต่ไม่เที่ยง มีการพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเคยชิน กฎของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กฎของไตรลักษณ์ โลกเขาก็มีหลายหมื่นหลายพันล้านปี เราก็เกิดๆ ดับๆ เกิดๆ ดับๆ อยู่ในภพน้อยภพใหญ่ บางทีก็ขึ้นสวรรค์ บางทีก็ลงนรก บางทีก็เป็นสัตว์เดรัจฉานต่อ ภพภูมิต่างๆ มันมีหมดนั่นแหละ เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะศึกษาให้ละเอียดหรือไม่เท่านั้นเอง
มีโอกาสได้เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ก็พยายามทำให้ดี อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง กายเราทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร อะไรจะเป็นบุญ อะไรจะเป็นกุศล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรเป็นบุญมากบุญน้อย บุญใกล้บุญไกล ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ให้รีบๆ ศึกษาค้นคว้า บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ถึงจะมีความสุข บอกตัวเองก็ไม่ได้ ใช้ตัวเองก็ไม่เป็น ระรานตัวเอง ระรานคนอื่น หนักตัวเอง หนักสถานที่ ใช้การไม่ได้ เราต้องพยายามรีบแก้ไข ถ้าเราสอนตัวเราไม่ได้แล้ว อย่าไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน เสียเวลา ถ้าไม่มีความสามารถที่จะสอนตัวเองได้แล้วก็ หมดโอกาส
เราไปที่โน่นที่นี่ก็เพียงแค่รู้จักวิธีรู้จักแนวทางเท่านั้นเอง ถ้าเรารู้จักการเจริญสติเป็นอย่างนี้ การเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ การดับ การควบคุม การสังเกต การวิเคราะห์ การยังประโยชน์ รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจ รู้จักแสวงหาด้วยสติด้วยปัญญา อยู่คนเดียวก็ถึงจุดหมายปลายทาง อยู่คนเดียวก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาที่โน่นที่นี่ได้เลย เราก็ต้องพยายามกัน
มีโอกาสยิ่งมาอยู่ร่วมกันเยอะๆ บางทีที่พักที่อาศัยก็ไม่เพียงพอ เราก็ต้องรู้จักฝักใฝ่สนใจ ไม่ถึงกับลำบากเท่าไร เพราะสมัยก่อนยิ่งลำบาก 20-30 ปีก่อน เพียงแค่ความร่มรื่นของธรรมชาติก็แทบไม่มี ที่พักที่อาศัยนี่อย่าเพิ่งไปพูดถึงเลย ลำบากมากกว่านี้ ต้องอาศัยความเพียร อาศัยกาลเวลา อาศัยแรงบุญแรงศรัทธาของทุกคนหล่อหลอมรวมกัน ช่วยกันทำช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดประโยชน์ ทุกวันนี้ก็มีตั้งแต่ผล แต่ปลายเหตุ แล้วก็มารักษามาทำต่อให้เกิดประโยชน์ พวกเราจากไปรุ่นใหม่ก็มาสานต่อ
ไม่ใช่ว่ามาแล้วก็มามีแต่ความเกียจคร้าน มาก็มีแต่ทำลาย ไปอยู่ที่ไหนก็จะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ คนมีอานิสงส์คนมีบุญไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่คนเดียวก็จัดการกับตัวเองได้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การยังความเพียร การทำความเข้าใจ การรอบรู้ในกาย การรอบรู้ในดวงใจ การรอบรู้ในสมมติ การรอบรู้ในวิมุตติ รอบรู้ในโลกธรรมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว แล้วก็ยังให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่ามาฝึกหัดปฏิบัติแบบเล่นๆหัวๆ ให้ผ่านๆ ไป เราต้องพยายามให้รู้ให้เห็นอานิสงส์ในการฝึกหัดปฏิบัติ เอาแต่ความเกียจคร้าน งอมืองอเท้า ไปอยู่ที่ไหนจะช่วยเหลือตัวเองได้ล่ะ พ่อแม่มีลูกอย่างนั้นก็ทุกข์ใจ ถ้าลูกขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ พ่อแม่ก็ภูมิใจ
คนเราเกิดมาก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็เกิดมาก็สะสมกิเลสเสียจนมิดท่วมหัวก็มี บางคนเกิดมาก็มาด้วยความเบาบาง ฝักใฝ่สนใจขยันหมั่นเพียร ถึงว่าเกิดมาต่างกรรมต่างวาระ เกิดมาด้วยแรงกรรม แต่เราก็มาแก้ไขอยู่ปัจจุบันนี้ให้ดี ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ขอให้อยู่ในกองกุศล ให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ ก็ยังดีกว่าไม่ได้สร้างไม่ได้ทำ แต่ละวันตื่นขึ้นมา วันหนึ่งมีกี่ชั่วโมง วันหนึ่งมีกี่นาที ความรู้ตัวของเรามีความต่อเนื่องกันสัก 5 นาที 10 นาที เพียงแค่นั้นก็ยังยาก ในหลักธรรมนะท่านให้เจริญสติจนเป็นเองอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการละ จนไม่ได้สร้าง จนหมั่นพร่ำสอนใจของเราให้รู้เห็นตามความเป็นจริงทุกอย่างได้นั่นแหละ จนเอาไปใช้กับสมมติได้ตลอดเวลามันถึงจะถูก
ตั้งใจรับพรกัน
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 13 มีนาคม 2556
พากันดูดีๆ นะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโยก่อนที่จะขบจะฉัน กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพยายามรู้กายรู้ใจ จะลุกจะก้าวจะเดินเราอย่าไปพลาดโอกาส พลั้งเผลอเริ่มใหม่ ไม่ใช่จะไปมองเอาตั้งแต่อยากจะได้บุญ อยากจะได้ตั้งแต่ธรรม เราต้องพยายามดู รู้ อะไรคือปัญญา อะไรคือใจ การดับ การควบคุม การวิเคราะห์ การสังเกต การแยก การแจง การละ การดับ เราละได้เราดับได้ เราไม่อยากจะได้ความสงบเราก็ได้ เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์เราก็ได้ เพราะว่าการละกิเลสมี การดับความเกิดมี
ถ้าเรามีแต่ความเกียจคร้าน อยากจะได้ธรรม อยากจะรู้ธรรม ไปอยู่ที่ไหนมันก็มีตั้งแต่ความหลงนั้นแหละ ไม่ได้ เพียงแค่ความเกียจคร้านเรายังละไม่ได้ เราต้องพยายามละความเกียจคร้าน หมั่นเจริญสติ หมั่นทำความเข้าใจ อยู่คนเดียว อยู่หลายคน อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ เราก็ต้องพยายามช่วยกันอากาศก็เริ่มจะเย็นแล้วแหละ บางที่ก็ร้อน บางที่ก็แห้งแล้ง ก็โชคดีตำบลสำราญ หมู่บ้านสำราญ เพี้ยฟาน ก็ไม่ได้ลำบากเรื่องน้ำเท่าไร เพราะว่าได้อาศัยแหล่งน้ำที่วัดของเราพอได้ตลอดปี ถ้าน้ำไม่เข้าก็ลำบาก ถ้าฝนไม่ตกก็ลำบาก ก็โชคดีได้มีแหล่งน้ำพอได้อาศัยไปทุกๆ ปีไป
ก็ให้ช่วยกันประหยัด เวลาเปิดน้ำใช้น้ำ เราอย่าไปเปิดทิ้ง บางทีก็เห็นเปิดทิ้งเป็นวัน ล้นเจิ่งนองไปทั่วก็มี ทุกสิ่งทุกอย่างกว่าจะหามาได้ กว่าจะทำขึ้นมาได้นี้ลำบาก เราต้องช่วยกันดูแล ไม่ใช่ตระหนี่ อะไรพอดูแลรักษาช่วยกันได้เราก็ช่วยกัน ไม่ใช่ว่าเปิดทิ้ง ฟืนไฟก็เหมือนกัน ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ต้องให้อยู่ในความเป็นระเบียบ ถึงจะไม่มีค่ามีราคา แต่ก็ขอให้เป็นระเบียบ ให้อยู่ในความสวยความงามก็เป็นระเบียบ คนเราถ้าไม่มีความเป็นระเบียบแล้วจะไปจัดระบบระเบียบมีให้กับคนอื่นได้อย่างไร ที่เราต้องเป็นระเบียบตัวเรา แก้ไขตัวเรา จัดระบบระเบียบตั้งแต่ทางด้านรูปกาย ทางด้านความคิด ทางด้านอารมณ์ ทางด้านจิตวิญญาณให้ถูกต้อง ไปอยู่ที่ไหนก็จะได้รับความสุข ไม่ใช่วิ่งหาตั้งแต่แห่งความสุข เราต้องทำขึ้นมา อย่างสติไม่มีเราก็ต้องสร้างขึ้นมาให้ได้เสียก่อน
จิตใจของเรายังเกิด ยังวิ่ง ยังหลง เราก็หมั่นอบรมใจ ใช้สมถะเข้าไปควบคุม เข้าไปดับ เข้าไปอบรม เข้าไปแก้ไข แล้วก็พรหมวิหารเข้าไปเสริม ใจของเราก็จะได้มีตั้งแต่ความสงบ ความสุข สงบสุข ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ต้องพยายามทำ ไม่ใช่ว่าไม่ทำ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนแต่ไม่เที่ยง มีการพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเคยชิน กฎของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กฎของไตรลักษณ์ โลกเขาก็มีหลายหมื่นหลายพันล้านปี เราก็เกิดๆ ดับๆ เกิดๆ ดับๆ อยู่ในภพน้อยภพใหญ่ บางทีก็ขึ้นสวรรค์ บางทีก็ลงนรก บางทีก็เป็นสัตว์เดรัจฉานต่อ ภพภูมิต่างๆ มันมีหมดนั่นแหละ เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะศึกษาให้ละเอียดหรือไม่เท่านั้นเอง
มีโอกาสได้เกิดมาอยู่ในภพของมนุษย์ก็พยายามทำให้ดี อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง กายเราทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร อะไรจะเป็นบุญ อะไรจะเป็นกุศล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรเป็นบุญมากบุญน้อย บุญใกล้บุญไกล ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ให้รีบๆ ศึกษาค้นคว้า บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ถึงจะมีความสุข บอกตัวเองก็ไม่ได้ ใช้ตัวเองก็ไม่เป็น ระรานตัวเอง ระรานคนอื่น หนักตัวเอง หนักสถานที่ ใช้การไม่ได้ เราต้องพยายามรีบแก้ไข ถ้าเราสอนตัวเราไม่ได้แล้ว อย่าไปเที่ยวให้คนโน้นเขาสอนคนนี้เขาสอน เสียเวลา ถ้าไม่มีความสามารถที่จะสอนตัวเองได้แล้วก็ หมดโอกาส
เราไปที่โน่นที่นี่ก็เพียงแค่รู้จักวิธีรู้จักแนวทางเท่านั้นเอง ถ้าเรารู้จักการเจริญสติเป็นอย่างนี้ การเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ การดับ การควบคุม การสังเกต การวิเคราะห์ การยังประโยชน์ รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจ รู้จักแสวงหาด้วยสติด้วยปัญญา อยู่คนเดียวก็ถึงจุดหมายปลายทาง อยู่คนเดียวก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องไปแสวงหาที่โน่นที่นี่ได้เลย เราก็ต้องพยายามกัน
มีโอกาสยิ่งมาอยู่ร่วมกันเยอะๆ บางทีที่พักที่อาศัยก็ไม่เพียงพอ เราก็ต้องรู้จักฝักใฝ่สนใจ ไม่ถึงกับลำบากเท่าไร เพราะสมัยก่อนยิ่งลำบาก 20-30 ปีก่อน เพียงแค่ความร่มรื่นของธรรมชาติก็แทบไม่มี ที่พักที่อาศัยนี่อย่าเพิ่งไปพูดถึงเลย ลำบากมากกว่านี้ ต้องอาศัยความเพียร อาศัยกาลเวลา อาศัยแรงบุญแรงศรัทธาของทุกคนหล่อหลอมรวมกัน ช่วยกันทำช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้เกิดประโยชน์ ทุกวันนี้ก็มีตั้งแต่ผล แต่ปลายเหตุ แล้วก็มารักษามาทำต่อให้เกิดประโยชน์ พวกเราจากไปรุ่นใหม่ก็มาสานต่อ
ไม่ใช่ว่ามาแล้วก็มามีแต่ความเกียจคร้าน มาก็มีแต่ทำลาย ไปอยู่ที่ไหนก็จะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ คนมีอานิสงส์คนมีบุญไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่คนเดียวก็จัดการกับตัวเองได้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การยังความเพียร การทำความเข้าใจ การรอบรู้ในกาย การรอบรู้ในดวงใจ การรอบรู้ในสมมติ การรอบรู้ในวิมุตติ รอบรู้ในโลกธรรมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว แล้วก็ยังให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่ามาฝึกหัดปฏิบัติแบบเล่นๆหัวๆ ให้ผ่านๆ ไป เราต้องพยายามให้รู้ให้เห็นอานิสงส์ในการฝึกหัดปฏิบัติ เอาแต่ความเกียจคร้าน งอมืองอเท้า ไปอยู่ที่ไหนจะช่วยเหลือตัวเองได้ล่ะ พ่อแม่มีลูกอย่างนั้นก็ทุกข์ใจ ถ้าลูกขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ พ่อแม่ก็ภูมิใจ
คนเราเกิดมาก็ไม่เหมือนกัน บางคนก็เกิดมาก็สะสมกิเลสเสียจนมิดท่วมหัวก็มี บางคนเกิดมาก็มาด้วยความเบาบาง ฝักใฝ่สนใจขยันหมั่นเพียร ถึงว่าเกิดมาต่างกรรมต่างวาระ เกิดมาด้วยแรงกรรม แต่เราก็มาแก้ไขอยู่ปัจจุบันนี้ให้ดี ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ขอให้อยู่ในกองกุศล ให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ ก็ยังดีกว่าไม่ได้สร้างไม่ได้ทำ แต่ละวันตื่นขึ้นมา วันหนึ่งมีกี่ชั่วโมง วันหนึ่งมีกี่นาที ความรู้ตัวของเรามีความต่อเนื่องกันสัก 5 นาที 10 นาที เพียงแค่นั้นก็ยังยาก ในหลักธรรมนะท่านให้เจริญสติจนเป็นเองอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการละ จนไม่ได้สร้าง จนหมั่นพร่ำสอนใจของเราให้รู้เห็นตามความเป็นจริงทุกอย่างได้นั่นแหละ จนเอาไปใช้กับสมมติได้ตลอดเวลามันถึงจะถูก
ตั้งใจรับพรกัน