หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 49 วันที่ 27 ธันวาคม 2559

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 49 วันที่ 27 ธันวาคม 2559
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 49 วันที่ 27 ธันวาคม 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 49
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 27 ธันวาคม 2559

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสําเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ การสูดลมหายใจยาวๆ ผ่อนลมหายใจยาวๆ กายของเราก็สบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็ชัดเจน

ดู รู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราก็พอ เวลาลมหายใจเข้าหายใจออก ฟังไปด้วย น้อมสําเหนียกไปด้วย พยายามฝึกให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บ เราก็สร้างความรู้สึกปั๊บ แล้วก็พยายามทำให้ต่อเนื่อง ความต่อเนื่อง ความสืบต่อ เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวรู้กาย รู้ตัวทั่วพร้อม ถ้าเรารู้กายของเราต่อเนื่องอยู่

ส่วนการเกิดการดับของใจนั้นมีอยู่เดิม การเกิดการดับของอาการของใจหรือว่าอาการของขันธ์ห้ามีอยู่เดิม ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราก็จะเห็นได้สักวันหนึ่ง เห็นอาการลักษณะหน้าตาอาการของใจ เขาก่อตัวตรงไหน เขาเริ่มต้นตรงไหน ความคิดที่ผุดขึ้นมาใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ถ้าเรารู้ทันขณะเขาก่อตัว ขณะเขาเคลื่อนเข้าไปรวมกัน ใจก็จะแยกออกจากอาการของความคิด ซึ่งเราเรียก ‘แยกรูปแยกนาม’ นี่แหละ เขาเรียกว่า คลายความหลง

เพียงแค่แยกได้คลายได้ เพียงแค่เริ่ม เป็นแค่เพียงเริ่มต้นของ ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง ในหนทางเดินหรือว่าอริยมรรค อริยมรรคในองค์แปด คือความรู้ความเห็นที่ถูกต้อง ความรู้ตัวของเราก็จะตามดูเห็นการเกิดการดับของอาการของขันธ์ห้าว่าเป็นเรื่องอะไรบ้าง เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เขาเกิดขึ้น เขาตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เวลาดับไปแล้วความว่างเปล่าเข้ามาปรากฏ ส่วนใจนั้นก็ว่างรับรู้อยู่ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียร มีความขยันหมั่นเพียร อบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ใจของเราเกิดได้อย่างไร ทำไมใจถึงไปรวมกับอาการของความคิด กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ตา หู จมูก ลิ้น กาย ตาก็มีหน้าที่ดู หูก็มีหน้าที่ฟัง เรารู้จักแยก รูป รส กลิ่น เสียง ออกจากใจของเราแล้วหรือยัง พยายามหัดสังเกตหมั่นอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ใจของเรามีความอยาก เราก็พยายามละความอยาก ใจของเรามีความโกรธ เราพยายามละความโกรธ ใจมีความโลภ พยายามละความโลภ ด้วยการสร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมี ให้มีให้เกิดขึ้น ใจของเราเกิดความโกรธ เราก็ดับความโกรธ แล้วก็ให้อภัยทานอโหสิกรรม ใจเกิดความโลภ เราก็ละความโลภด้วยการให้ ด้วยการเอาออก ด้วยการละความตระหนี่เหนียวแน่น สักวันหนึ่งเราขัดเกลาเอาออก เราทำความเข้าใจ ใจของเราก็จะเข้าถึงความสะอาด เข้าถึงความบริสุทธิ์ได้สักวันหนึ่ง ในวันข้างหน้า

เราก็ต้องพยายาม อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง บุญสมมติเราก็ทำให้ดี บุญวิมุตติเราก็ทำให้ดี ความจริงของสมมติก็มีอยู่ ความจริงของวิมุตติก็มีอยู่ เราต้องพยายามศึกษาค้นคว้าลงที่กายของเรา จะไปหาที่อื่นหาไม่เจอ เราต้องเจริญสติลงที่กาย แล้วหัดเอาสติปัญญาให้รู้เท่าทัน กําลังสติก็จะพุ่งแรงเป็นมหาสติ เป็นมหาปัญญา ฝึกใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้ เขาก็จะปล่อยก็จะวาง ละกิเลสออกจากใจของเรา แล้วก็ดับความเกิดจากใจของเรา หนุนกําลังสติปัญญาไปเกิดแทน ทุกเรื่อง ทุกครั้ง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จนกระทั่งเราหมดลมหายใจนั่นแหละถึงจะได้ทิ้งสมมติ

สมมติภาระหน้าที่ เราก็เปลี่ยนจากภาระเป็นความรับผิดชอบ แต่ละวันใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือว่ามีความแข็งกระด้าง หรือว่ามีความแข็งกร้าวอย่างไร ทำไมใจถึงเกิดกิเลส ถ้าใจไม่ เราละกิเลสออกได้ เราเอาสติ ปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้หรือไม่ ก็ต้องพยายามกัน บุญสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม

เห็นว่าวันที่ 31 สิ้นปี ก็ขอเชิญพี่น้องเรา บอกกล่าวกันมาสวดมนต์ข้ามปี มาสวดมนต์ข้ามปีเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราระลึกนึกถึงคําสอนของพระพุทธองค์ เราก็พยายามแก้ไขตัวเรา ความเป็นสิริมงคลก็จะบังเกิดขึ้น ไม่ใช่ไปผัดวันประกันพรุ่ง มีอะไรเราก็รีบทำ อะไรที่เป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์อยู่ปัจจุบัน ฝากเอาไว้ให้เป็นสมบัติของส่วนกลาง

มีโอกาสเราก็อย่าพากันไปปล่อยวันเวลาทิ้ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา รู้กายของเรา รู้ใจของเรา รู้จักแก้ไขใจของเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี การกระทำของเราให้ถึงพร้อม มันก็เกิดประโยชน์ ประโยชน์ทั้งภายใน ประโยชน์ทั้งภายนอก แต่เวลานี้กําลังสติของทุกคนหรือว่าของเรานั่นแหละมีน้อยเต็มที เอาไปใช้การใช้งานไม่ได้

เจริญสติก็ต้องให้รู้จักลักษณะของสติ ให้รู้ รู้ใจ รู้การเกิดของใจ ใจของเรานั้น ถ้าไม่มีกิเลส เขาก็บริสุทธิ์ ถ้าไม่เกิดเขาก็นิ่ง แต่เขาหลงมานาน เขาเกิดมานาน เราต้องมาหมั่นอบรม หมั่นแก้ไข หมั่นปรับปรุง โทษตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา ทุกเรื่องในโลกนี้ล้วนแต่เป็นอาจารย์สอบอารมณ์เราทั้งนั้น ถ้าเรามีสติคอยตรวจสอบใจของเรา

พยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง