หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 37 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2559
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 37 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 37
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2559
ขอให้ทุกคน ทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง รู้จักลักษณะของการเจริญสติแล้วหรือยัง รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้ ไปสังเกตไปวิเคราะห์ใจของเราได้แล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ อย่าพากันปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้งเสียดายเวลา
นั่งตามสบาย วางกายของเราให้สบาย และก็วางใจของเราให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสําเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกไปยาวๆ อันนี้เป็นพื้นฐานในการเจริญสติ เราต้องหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ว่าภาษาธรรมภาษาโลกเป็นลักษณะอย่างไร การเกิดการดับของใจเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่ไม่เกิด ใจที่สงบ ใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่คลายจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนามเป็นอย่างไร
การเจริญสติ ลักษณะของคําว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม เราได้เจริญแล้วหรือยัง ปัญญาทางโลก ปัญญาโลกีย์กับปัญญาธรรม เราพยายามทําความเข้าใจ ไม่ใช่ไปนึกเอาไปคิดเอา ทุกคนก็เกิดมาก็มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ความเกิดนั่นแหละคือความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ทั้งที่เราก็เกิดมาอยู่ในภพมนุษย์ วิญญาณหรือว่าใจของเรามาสร้างภพมนุษย์ขึ้น มีขันธ์ห้า มีขันธ์ห้า ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในวิญญาณในขันธ์ห้าของตัวเรา แล้วก็รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งต่างๆ
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราต้องศึกษาค้นคว้าทําความเข้าใจแต่ละวันๆ อะไรคือลักษณะของสติ เราเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงเอาไปอบรมใจของเรา การควบคุมใจของเรา ใจของคนเรานี่ชอบคิด ชอบเที่ยว ชอบปรุง ชอบแต่ง ชอบเป็นทาสของกิเลส ความทะเยอทะยานอยาก ทั้งอยากทั้งไม่ยาก ที่เกิดขึ้นกับใจของเรา มีหมด มีหมดทุกอย่างเลย
ถ้าเราเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปสังเกตให้รู้ให้เห็น รู้ด้วยเห็นด้วย ใจคลายออกจากขันธ์ห้าได้ด้วย ตามดูได้ด้วย ท่านถึงบอกให้เชื่อ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติแบบงมงาย การเจริญสติก็รู้จักเอาสติไปใช้ การปฏิบัติใจก็ต้องรู้จักลักษณะของใจ อะไรคือสติปัญญา อะไรคือใจ ทําไมใจถึงเกิด ทําไมใจถึงหลง ในความลึกๆ เขาหลงอะไร หลงความเกิดนั่นแหละ หลงความเกิดแล้วก็มาหลงขันธ์ห้า แล้วก็หลงเป็นทาสของกิเลสทั้งความโลภ ความโกรธ ความอยาก ความทะยานอยาก ทั้งอิจฉาริษยา สารพัดอย่างเลย มีอยู่ในกายของเรา
กายของเรานี่แหละคือสนามรบอันยิ่งใหญ่ เรามาแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา เพียงแค่พันธะภาระหน้าที่ของสมมติเรามีความรับผิดชอบได้เต็มเปี่ยมแล้วหรือยัง จิตใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือว่ามีความเกียจคร้าน จิตใจของเรามีความแข็งกร้าวหรือว่ามีความแข็งกระด้าง เราก็พยายามหมั่นแก้ไข หมั่นอบรมใจของเรา
ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ท่านได้เป็นองค์ตรัสรู้แล้วก็เอามาเปิดเผย ท่านสอนเรื่องอัตตา อนัตตา สอนเรื่อง สมมติ วิมุตติ สอนเรื่องหลักของความจริงอันประเสริฐ เราต้องพยายามให้เข้าถึงคําสอน ให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาไปคิดเอา รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย จนละกิเลสได้ด้วย มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิดกัน
ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีก็ต้องพยายามหัดวิเคราะห์ อบรมกายอบรมใจของตัวเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราอบรมกายอบรมใจของเราไม่ได้ พร่ำสอนใจของเราไม่ได้ ไม่มีใครจะช่วยเราได้หรอก นอกจากตัวของเรา ครูบาอาจารย์ตําราแผนที่ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ กิเลสก็เกิดขึ้นที่เรา เราต้องจัดการแก้ไข ปรับปรุง วิธีการแนวทางนั้นมีมานาน ก็ต้องพยายามกัน ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่
ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ก็ยิ่งเพิ่มความสมัครสมานสามัคคี เพิ่มความเสียสละ มีความเมตตาต่อกันซึ่งกันและกัน เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา รู้จักแก้ไขปรับปรุงว่าอะไรเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุดคือความสะอาดความบริสุทธิ์ภายในใจของเรา ก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกัน หัดสังเกตหัดวิเคราะห์บ่อยๆ การหายใจธรรมชาติเป็นอย่างนี้ การหายใจที่ต่อเนื่องเป็นอย่างนี้ กิเลสเกิดขึ้นลักษณะอย่างนี้ เราจะเอาอะไรไปฟาดฟันกับกิเลส ความโลภเป็นอย่างไร ความโกรธเป็นอย่างไร ความอยากเป็นอย่างไร ความเกิด ใจที่ส่งไปภายนอกเป็นอย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลกเราต้องศึกษาค้นคว้าให้ละเอียด ขณะที่เรายังมีกําลังกายอยู่
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดีนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทําความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2559
ขอให้ทุกคน ทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง รู้จักลักษณะของการเจริญสติแล้วหรือยัง รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้ ไปสังเกตไปวิเคราะห์ใจของเราได้แล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ อย่าพากันปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้งเสียดายเวลา
นั่งตามสบาย วางกายของเราให้สบาย และก็วางใจของเราให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสําเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกไปยาวๆ อันนี้เป็นพื้นฐานในการเจริญสติ เราต้องหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ว่าภาษาธรรมภาษาโลกเป็นลักษณะอย่างไร การเกิดการดับของใจเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่ไม่เกิด ใจที่สงบ ใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่คลายจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนามเป็นอย่างไร
การเจริญสติ ลักษณะของคําว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ ความรู้สึกตัวทั่วพร้อม เราได้เจริญแล้วหรือยัง ปัญญาทางโลก ปัญญาโลกีย์กับปัญญาธรรม เราพยายามทําความเข้าใจ ไม่ใช่ไปนึกเอาไปคิดเอา ทุกคนก็เกิดมาก็มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ความเกิดนั่นแหละคือความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ทั้งที่เราก็เกิดมาอยู่ในภพมนุษย์ วิญญาณหรือว่าใจของเรามาสร้างภพมนุษย์ขึ้น มีขันธ์ห้า มีขันธ์ห้า ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในวิญญาณในขันธ์ห้าของตัวเรา แล้วก็รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งต่างๆ
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราต้องศึกษาค้นคว้าทําความเข้าใจแต่ละวันๆ อะไรคือลักษณะของสติ เราเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงเอาไปอบรมใจของเรา การควบคุมใจของเรา ใจของคนเรานี่ชอบคิด ชอบเที่ยว ชอบปรุง ชอบแต่ง ชอบเป็นทาสของกิเลส ความทะเยอทะยานอยาก ทั้งอยากทั้งไม่ยาก ที่เกิดขึ้นกับใจของเรา มีหมด มีหมดทุกอย่างเลย
ถ้าเราเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปสังเกตให้รู้ให้เห็น รู้ด้วยเห็นด้วย ใจคลายออกจากขันธ์ห้าได้ด้วย ตามดูได้ด้วย ท่านถึงบอกให้เชื่อ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติแบบงมงาย การเจริญสติก็รู้จักเอาสติไปใช้ การปฏิบัติใจก็ต้องรู้จักลักษณะของใจ อะไรคือสติปัญญา อะไรคือใจ ทําไมใจถึงเกิด ทําไมใจถึงหลง ในความลึกๆ เขาหลงอะไร หลงความเกิดนั่นแหละ หลงความเกิดแล้วก็มาหลงขันธ์ห้า แล้วก็หลงเป็นทาสของกิเลสทั้งความโลภ ความโกรธ ความอยาก ความทะยานอยาก ทั้งอิจฉาริษยา สารพัดอย่างเลย มีอยู่ในกายของเรา
กายของเรานี่แหละคือสนามรบอันยิ่งใหญ่ เรามาแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา เพียงแค่พันธะภาระหน้าที่ของสมมติเรามีความรับผิดชอบได้เต็มเปี่ยมแล้วหรือยัง จิตใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือว่ามีความเกียจคร้าน จิตใจของเรามีความแข็งกร้าวหรือว่ามีความแข็งกระด้าง เราก็พยายามหมั่นแก้ไข หมั่นอบรมใจของเรา
ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ท่านได้เป็นองค์ตรัสรู้แล้วก็เอามาเปิดเผย ท่านสอนเรื่องอัตตา อนัตตา สอนเรื่อง สมมติ วิมุตติ สอนเรื่องหลักของความจริงอันประเสริฐ เราต้องพยายามให้เข้าถึงคําสอน ให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาไปคิดเอา รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย จนละกิเลสได้ด้วย มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิดกัน
ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีก็ต้องพยายามหัดวิเคราะห์ อบรมกายอบรมใจของตัวเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราอบรมกายอบรมใจของเราไม่ได้ พร่ำสอนใจของเราไม่ได้ ไม่มีใครจะช่วยเราได้หรอก นอกจากตัวของเรา ครูบาอาจารย์ตําราแผนที่ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ กิเลสก็เกิดขึ้นที่เรา เราต้องจัดการแก้ไข ปรับปรุง วิธีการแนวทางนั้นมีมานาน ก็ต้องพยายามกัน ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่
ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ก็ยิ่งเพิ่มความสมัครสมานสามัคคี เพิ่มความเสียสละ มีความเมตตาต่อกันซึ่งกันและกัน เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา รู้จักแก้ไขปรับปรุงว่าอะไรเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุดคือความสะอาดความบริสุทธิ์ภายในใจของเรา ก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกัน หัดสังเกตหัดวิเคราะห์บ่อยๆ การหายใจธรรมชาติเป็นอย่างนี้ การหายใจที่ต่อเนื่องเป็นอย่างนี้ กิเลสเกิดขึ้นลักษณะอย่างนี้ เราจะเอาอะไรไปฟาดฟันกับกิเลส ความโลภเป็นอย่างไร ความโกรธเป็นอย่างไร ความอยากเป็นอย่างไร ความเกิด ใจที่ส่งไปภายนอกเป็นอย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลกเราต้องศึกษาค้นคว้าให้ละเอียด ขณะที่เรายังมีกําลังกายอยู่
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดีนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทําความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ