หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 20 วันที่ 16 ตุลาคม 2559

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 20 วันที่ 16 ตุลาคม 2559
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 20 วันที่ 16 ตุลาคม 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 20
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 ตุลาคม 2559

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่ง อดทนนั่งต่อทุกขเวทนาทางด้านร่างกายสักพักหนึ่ง ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากใจเกิดจากขันธ์ห้าเขาก็จะหยุด สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรามีความรู้สึกรับรู้อยู่นี่แหละที่ท่านเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้าเวลาลมหายใจเข้าหายใจออกรู้ให้ต่อเนื่องรู้ให้เชื่อมโยงเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม

เราพยายามหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ ความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ความเคยชินเก่าๆ ความคิดที่เกิดจากใจของเรา ความคิดที่เกิดจากขันธ์ห้าซึ่งตัวนั้นเรายังไม่เจริญสติเข้าไปรู้เท่าทันเราก็ไปมั่นหมายเอาความคิดเก่าๆ นั่นแหละคือ ‘ความหลง’

ความหลงของใจ ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ไม่ปรุงไม่แต่ง ใจส่งไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างนี้ ความคิดผุดขึ้นมา ใจเคลื่อนเข้าไปรวมจนเป็นสิ่งเดียวกันทำให้เกิดอัตตาตัวตน ทำให้เกิดทิฏฐิ เกิดมานะ เกิดความทะเยอทะยานอยาก เกิดกิเลสสารพัดอย่าง เราอาจจะมองเห็นในระดับของสมมติว่าถูกต้อง แต่ในหลักธรรมแล้วยังเลย

เพียงแค่การเกิดก็เป็นกิเลสที่ละเอียด การแยกรูปแยกนาม การสังเกตการวิเคราะห์ ทำอย่างไรเราถึงจะแยกได้ ตรงนี้แหละ วิธีการแนวทางพระพุทธองค์ได้ค้นพบมานานคือ การเจริญสติลงที่กายของเราให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน แล้วก็หมั่นอบรมใจของเราบ่อยๆ หมั่นสร้างตบะบารมีให้มีให้เกิดขึ้น ใจของเรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร ใจของเราไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อตัวเอง เราก็พยายามแก้ไขให้มีความซื่อสัตย์สุจริตกับตัวของเราเอง ใจของเรามีความแข็งกร้าวแข็งกระด้าง เราก็พยามอบรมใจของเราให้อยู่ในความอ่อนน้อม ให้อยู่ในความอ่อนน้อมถ่อมตน ให้มีพรหมวิหารเยอะๆ มองโลกในทางที่ดี คิดดี อยู่ตลอดเวลา มองโลกในทางบวก

เราก็พยายามหมั่นแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเรา ไม่ใช่ว่าไปปฏิบัติธรรมแล้วจะบรรลุเลยทีเดียว เราต้องพยายามขัดเกลากิเลสของเราให้เบาบางลงไปเรื่อยๆ แล้วก็อบรมใจของเราไปเรื่อยๆ การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ การอบรมใจเป็นอย่างนี้นะ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีความเห็นแก่ตัวเป็นอย่างนี้อยู่บ่อยๆ อยู่เนืองๆ สักวันหนึ่งจิตใจของเราก็ค่อยๆ คลายไปเรื่อยๆ คลายไปเรื่อยๆ เราก็จะได้ทำความเข้าใจ มองเห็นหนทางเดิน

ไม่ใช่ว่าไปปฏิบัติธรรมหามรุ่งหามค่ำ สติก็ไม่รู้จัก จากตัวใจก็คิดอยู่ตลอดเวลาก็ไม่รู้จัก เราต้องพยายาม ลักษณะของสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ การเชื่อมโยงเป็นอย่างนี้ การควบคุมการอบรมเป็นอย่างนี้ ใหม่ๆ ก็อาจจะพลั้งเผลอ พลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาบ่อยๆ ใหม่ๆ เราอาจจะไม่เข้าใจ แม้แต่หลวงพ่อพูดอยู่นี้ ไม่รู้ว่าพูดอะไร ไม่เห็นรู้เรื่อง เพราะว่าเรายัง กําลังสติของเรามีไม่เพียงพอ

มีตั้งแต่ศรัทธา ความเสียสละ อยากได้บุญ อยากทำบุญ อยากเข้าถึงธรรม แต่การทำความเข้าใจไม่รู้ต้นเหตุ พระพุทธองค์ท่านชี้ลงที่เหตุ เหตุเกิดตรงไหน เราเข้าไปสังเกตเข้าไปวิเคราะห์เหตุทั้งทางด้านรูปธรรมทั้งทางด้านนามธรรม เหตุจากภายนอกมาทำให้ใจของเราเกิดหรือว่าเกิดจากภายใน เราจะดับอย่างไร เราจะแก้ไขอย่างไร วิธีการแนวทางทุกคนฝักใฝ่สนใจกันมาตั้งนาน แต่การกระทำการลงมือที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงตรงนี้แหละไม่ค่อยจะเท่าทันกันเท่าไร ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็ยังดีนะ ดีกว่าไม่ได้ทำ

บุคคลใดที่มีความเพียรทั้งกลางวันทั้งกลางคืนจนรู้เท่าทันการเกิดการดับ จนเห็นใจคลายออกจากขันธ์ห้านั่นแหละ ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง ได้อริยมรรคในข้อแรกในองค์แปดเลยในหนทางเดินเลย นี่เราต้องรู้แจ้งเห็นจริงเสียก่อน แล้วค่อยเดินให้ถูกทางกัน รู้แจ้งเห็นจริง การทำการงานชอบ ดําริชอบ พูดจาชอบ จะไปในทางเส้นเดียวกันหมด เราก็ต้องพยายาม

อย่าไปปิดกั้นตัวเรา มีโอกาส โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด เราพยายามช่วยกันทั้งตัวเรา ทั้งคนรอบข้าง ทั้งหมู่คณะ ทั้งบริวารก็จะมีตั้งแต่ความสุขความเจริญขึ้นไปเรื่อยๆ

ขอให้ทุกคนจงเจริญสติให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่ง ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจ แล้วก็แก้ไขตัวเราให้ได้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง