หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 1 วันที่ 2 กันยายน 2559
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 1 วันที่ 2 กันยายน 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 1
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 2 กันยายน 2559
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบายวางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ลองฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน ความรู้สึกรับรู้เวลาลมวิ่งเข้าวิ่งออกนั่นแหละภาษาธรรมะท่านเรียกว่า ‘สติรู้ตัวหรือว่าสติรู้กาย’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม
ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้กาย รู้ลมหายใจ รู้ให้ต่อเนื่องลึกลงไป รู้ความปกติของใจ รู้การเกิดของใจ รู้การเกิดของขันธ์ห้าของความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิด เจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราจนเอาสติปัญญาไปใช้การใช้งานได้ อันนี้คือปัญญา อันนี้คือใจ ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ความคิดผุดขึ้นมา ใจเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ใจส่งไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างไร กายทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เราต้องศึกษาให้ละเอียด อบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา เจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจตัวเราเอง ถ้าเราสอนเราไม่ได้ อบรมใจของเราไม่ได้ ไม่มีใครที่จะอบรมได้ ไม่มีใครที่จะสอนให้เราได้หรอก นอกจากตัวของเราเอง
ให้รีบแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราเสียขณะยังมีกําลังกายยังมีลมหายใจอยู่ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ทำความเข้าใจ รอบรู้ในวิญญาณในกายของเรา รอบรู้ในโลกธรรม รอบรู้ในโลกธรรมแปดในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ แต่ละวันๆ จิตใจของเราเป็นอย่างไร จิตแต่ละดวงสอนได้ไม่ใช่ว่าสอนไม่ได้ ถ้าหมั่นพร่ำสอน หมั่นแก้ไข หมั่นปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา อย่าไปพลาดโอกาส เราพยายามรีบตักตวงบุญกุศลให้มีให้เกิดขึ้นในใจในกายก้อนนี้ จนกว่าเขาจะหมดสภาพ คือหมดลมหายใจ ก็ต้องพยายามทุกเรื่องในชีวิต
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ เอามาเปิดเผยจําแนกแจกแจง การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ การสร้างตบะบารมีเป็นอย่างนี้ การเจริญพรหมวิหารเป็นอย่างนี้ ท่านบอกเอาไว้หมดนั่นแหละ เปรียบเสมือนกับท่านชี้ขุมทรัพย์ ท่านค้นพบแล้วก็มาเปิดเผย หลวงพ่อจึงได้พยายามสร้างองค์แทนของท่านเอาไว้คือพระพุทธรูป หรือว่าองค์พระมหาเจดีย์ เป็นองค์แทนของพระพุทธเจ้า ใครไปใครมาก็ได้กราบได้ไหว้ ถ้าอยากจะดับทุกข์หลุดพ้นได้อีกก็ต้องปฏิบัติตามคําสอนของท่านให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา จนกว่าจะดับความเกิดได้ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
ทั้งพระ ทั้งโยม ทั้งชี มีอะไรก็ให้ช่วยกัน ส่วนพระเราก็พากันไปช่วยกันทำกุฏิทางฝั่งมหาเจดีย์ พากันช่วยกันวางรากฐานเอาไว้ ทำรากฐานให้มั่นคงถาวรก็ค่อยขึ้นข้างบนกัน มีหลายสิ่งหลายอย่างก็ทำเอาไว้ให้พวกเรานั่นแหละอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ที่อยากอยู่ก็อยากจะอยู่สถานที่มันดีๆ แต่เกียจคร้านก็ใช้การไม่ได้ เราจงเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจรู้จักขวนขวาย ให้มีให้เกิด
ความไม่มีทางสมมติเราก็ทำให้มี เพราะว่ายังสมมติจะได้ไม่ได้ลําบาก ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน นี่เขาเรียกว่า ‘โลกธรรม’ ถ้าโลกธรรมลําบาก ไม่มีที่พักก็ลําบาก ไม่มีห้องส้วมห้องน้ำก็ลําบาก ไม่มีโรงครัวโรงทานก็ลําบาก พวกเราพยายามทำให้มีให้เกิด ก็รู้จักรักษา รู้จักใช้ รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ใช่ว่า สุรุ่ยสุร่าย ทั้งความประหยัดมัธยัสถ์ รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ พวกไฟก็เหมือนกัน อาหารการอยู่ก็เหมือนกัน รู้จักพิจารณาปฏิสังขาโยอยู่ตลอด
ไม่ใช่ว่าจะมีจะเกิดขึ้นได้โดยง่าย เกิดขึ้นจากความเพียรของแต่ละรุ่นๆ ช่วยกันทำมา พวกเรามาอยู่มาอาศัยก็พยายามยังประโยชน์ ช่วยกันทำ ช่วยกันสร้างสรรค์ต่อ พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะได้มาสานต่อไม่ได้ลําบาก การเจริญสติก็เจริญไปด้วย เอางานเป็นการปฏิบัติ ทำงานไปด้วยสังเกตใจของเราไปด้วย ยังประโยชน์ไปด้วย ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ส่วนตัว ประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ส่วนตัวนี่ตัดออกไปให้เหลือตั้งแต่ประโยชน์ส่วนรวม เราก็ถึง เราไม่ยึดไม่ติด เราก็ได้อาศัยอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ
อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ สร้างสะสมคุณงามความดี สร้างสะสมการเจริญสติ สร้างสะสมการเจริญภาวนา อยู่คนเดียวเราก็พยายามหัดทำสังเกตใจของเรา รู้ไม่ทันก็รู้จักหยุด รู้จักปรับ รู้จักควบคุม มีความสุขในการทำบุญ มีความสุขในการเอาออก มีความสุขในการยังประโยชน์ให้เต็มเปี่ยม ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันศึกษาทำความเข้าใจต่อกันเอา
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 2 กันยายน 2559
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบายวางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ลองฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน ความรู้สึกรับรู้เวลาลมวิ่งเข้าวิ่งออกนั่นแหละภาษาธรรมะท่านเรียกว่า ‘สติรู้ตัวหรือว่าสติรู้กาย’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม
ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้กาย รู้ลมหายใจ รู้ให้ต่อเนื่องลึกลงไป รู้ความปกติของใจ รู้การเกิดของใจ รู้การเกิดของขันธ์ห้าของความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิด เจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราจนเอาสติปัญญาไปใช้การใช้งานได้ อันนี้คือปัญญา อันนี้คือใจ ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ความคิดผุดขึ้นมา ใจเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ใจส่งไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างไร กายทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เราต้องศึกษาให้ละเอียด อบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา เจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจตัวเราเอง ถ้าเราสอนเราไม่ได้ อบรมใจของเราไม่ได้ ไม่มีใครที่จะอบรมได้ ไม่มีใครที่จะสอนให้เราได้หรอก นอกจากตัวของเราเอง
ให้รีบแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราเสียขณะยังมีกําลังกายยังมีลมหายใจอยู่ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ทำความเข้าใจ รอบรู้ในวิญญาณในกายของเรา รอบรู้ในโลกธรรม รอบรู้ในโลกธรรมแปดในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ แต่ละวันๆ จิตใจของเราเป็นอย่างไร จิตแต่ละดวงสอนได้ไม่ใช่ว่าสอนไม่ได้ ถ้าหมั่นพร่ำสอน หมั่นแก้ไข หมั่นปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา อย่าไปพลาดโอกาส เราพยายามรีบตักตวงบุญกุศลให้มีให้เกิดขึ้นในใจในกายก้อนนี้ จนกว่าเขาจะหมดสภาพ คือหมดลมหายใจ ก็ต้องพยายามทุกเรื่องในชีวิต
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบ เอามาเปิดเผยจําแนกแจกแจง การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ การสร้างตบะบารมีเป็นอย่างนี้ การเจริญพรหมวิหารเป็นอย่างนี้ ท่านบอกเอาไว้หมดนั่นแหละ เปรียบเสมือนกับท่านชี้ขุมทรัพย์ ท่านค้นพบแล้วก็มาเปิดเผย หลวงพ่อจึงได้พยายามสร้างองค์แทนของท่านเอาไว้คือพระพุทธรูป หรือว่าองค์พระมหาเจดีย์ เป็นองค์แทนของพระพุทธเจ้า ใครไปใครมาก็ได้กราบได้ไหว้ ถ้าอยากจะดับทุกข์หลุดพ้นได้อีกก็ต้องปฏิบัติตามคําสอนของท่านให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา จนกว่าจะดับความเกิดได้ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
ทั้งพระ ทั้งโยม ทั้งชี มีอะไรก็ให้ช่วยกัน ส่วนพระเราก็พากันไปช่วยกันทำกุฏิทางฝั่งมหาเจดีย์ พากันช่วยกันวางรากฐานเอาไว้ ทำรากฐานให้มั่นคงถาวรก็ค่อยขึ้นข้างบนกัน มีหลายสิ่งหลายอย่างก็ทำเอาไว้ให้พวกเรานั่นแหละอยู่ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ที่อยากอยู่ก็อยากจะอยู่สถานที่มันดีๆ แต่เกียจคร้านก็ใช้การไม่ได้ เราจงเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจรู้จักขวนขวาย ให้มีให้เกิด
ความไม่มีทางสมมติเราก็ทำให้มี เพราะว่ายังสมมติจะได้ไม่ได้ลําบาก ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน นี่เขาเรียกว่า ‘โลกธรรม’ ถ้าโลกธรรมลําบาก ไม่มีที่พักก็ลําบาก ไม่มีห้องส้วมห้องน้ำก็ลําบาก ไม่มีโรงครัวโรงทานก็ลําบาก พวกเราพยายามทำให้มีให้เกิด ก็รู้จักรักษา รู้จักใช้ รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ใช่ว่า สุรุ่ยสุร่าย ทั้งความประหยัดมัธยัสถ์ รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ พวกไฟก็เหมือนกัน อาหารการอยู่ก็เหมือนกัน รู้จักพิจารณาปฏิสังขาโยอยู่ตลอด
ไม่ใช่ว่าจะมีจะเกิดขึ้นได้โดยง่าย เกิดขึ้นจากความเพียรของแต่ละรุ่นๆ ช่วยกันทำมา พวกเรามาอยู่มาอาศัยก็พยายามยังประโยชน์ ช่วยกันทำ ช่วยกันสร้างสรรค์ต่อ พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะได้มาสานต่อไม่ได้ลําบาก การเจริญสติก็เจริญไปด้วย เอางานเป็นการปฏิบัติ ทำงานไปด้วยสังเกตใจของเราไปด้วย ยังประโยชน์ไปด้วย ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ส่วนตัว ประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ส่วนตัวนี่ตัดออกไปให้เหลือตั้งแต่ประโยชน์ส่วนรวม เราก็ถึง เราไม่ยึดไม่ติด เราก็ได้อาศัยอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ
อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ สร้างสะสมคุณงามความดี สร้างสะสมการเจริญสติ สร้างสะสมการเจริญภาวนา อยู่คนเดียวเราก็พยายามหัดทำสังเกตใจของเรา รู้ไม่ทันก็รู้จักหยุด รู้จักปรับ รู้จักควบคุม มีความสุขในการทำบุญ มีความสุขในการเอาออก มีความสุขในการยังประโยชน์ให้เต็มเปี่ยม ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันศึกษาทำความเข้าใจต่อกันเอา