
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 75 วันที่ 5 กันยายน 2560
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 75 วันที่ 5 กันยายน 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 75
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 5 กันยายน 2560
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 เผลอแผล็บเดียวจะออกพรรษาแล้ว เมื่อเช้าฝนก็ตกแต่เช้า ฟ้าร้อง สงสัยฟ้าร้องจะสั่งลาแล้วกระมัง ฝนฟ้าตกก็ชุ่มฉ่ำ อากาศก็เย็นสบาย อากาศเย็นใจของคนเราก็จะเย็น พยายามตื่นขึ้นมาวิเคราะห์กาย วิเคราะห์ใจของตัวเรา อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกขณะจิตทุกขณะลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล
การเจริญสติเราต้องทำความเข้าใจ การสร้างหรือว่าการเจริญ สร้างความรู้ตัว รู้กาย แล้วก็รู้ใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้การเกิดการดับของขันธ์ห้า เขาเกิดอย่างไร ทำไมเขาถึงเกิด ทำไมเขาถึงหลง เราพยายามเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ รู้ไม่ทันเราก็พยายามหยุดเอาไว้ ทุกเรื่อง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกเรื่อง การหายใจเข้าออกเป็นอย่างไร หายใจต่อเนื่องไหม หายใจเป็นธรรมชาติหรือเปล่า เราต้องดูรู้ให้ทัน พระเราชีเราก็เหมือนกัน พิจารณาปฏิสังขาโย ภาษาธรรมท่านเรียกว่า ปฏิสังขาโย พิจารณา พิจารณาอาหารการขบฉันของตัวเรา กะประมาณในการขบฉัน พิจารณาดูว่ากายของเราเกิดความหิวหรือว่าใจเกิดความอยาก หรือว่าใจปกติ เราต้องสร้างความรู้ตัวเข้าไปวิเคราะห์จนเป็นปัญญา ปัญญารู้เท่ารู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจ รู้กันรู้แก้ อะไรคือใจ อะไรคือปัญญา อะไรคือสมมติ วิมุตติ
ความหมายของคําว่า อัตตา อนัตตา ในหลักธรรมเป็นอย่างไร อัตตาก็ตัวตนของเรา อนัตตาคือความว่างเปล่า ใจมาอาศัยกาย ไม่ใช่มาอาศัยอยู่เฉยๆ มาสร้าง ใจมาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าขึ้น แล้วก็มาอาศัยกายแล้วก็เกิดต่อ หมดภพมนุษย์แล้วเขาก็ไปเกิดต่อ ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่
พระพุทธองค์ท่านให้ค้นลงที่กายของเรา ทำไมกายของคนเรานี้มีอะไรบ้าง ที่เรียกว่าธาตุสี่ขันธ์ห้า ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นอย่างไร มีหนังห่อหุ้ม อาการ 32 มีอยู่กันทุกคน เราพยายามวิเคราะห์พิจารณา ข้ามพ้นทิฏฐิมานะ ข้ามพ้นความกังวล ความฟุ้งซ่านเล็กๆ น้อยๆ ออกให้หมด ตัดความกังวลออกให้หมด
อะไรคือสติที่สร้างขึ้นมา อะไรคือใจ อะไรคือความคิด กายทำหน้าที่อย่างไร มีในกายของเราหมด ถ้าเรามาศึกษาค้นคว้าจะเห็นอะไรดีๆ เยอะอยู่ในกายของเรา เป็นเรื่องของเราทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น คนอื่นก็เหมือนกับเรา เหมือนกันหมด มีหู ตา จมูก ลิ้น กาย มีวิญญาณเหมือนกันหมด แต่กิเลสจะมีมากมีน้อยไม่เหมือนกัน บางคนก็ขัดเกลากิเลสได้เบาบาง บางคนก็สร้างสะสมกิเลสจนหนาเตอะจนเอาไม่ออกก็มี แต่ละวันๆ เราพยายามหมั่นขัดเกลา หมั่นวิเคราะห์
วันนี้ก็ประมาณช่วงเก้าโมงหรือสิบโมง นิมนต์พระเราชีเรามาที่ศาลาหอฉันกัน เพราะว่าญาติโยมจะได้มาทำบุญถวายข้าวกระยาสารท มาทุกองค์ทุกรูป เจ้าคุณก็พาหมู่พาคณะ หลวงตาก็พาหมู่พาคณะ พากันมาทำพิธี เป็นอานิสงส์ เป็นสิริมงคล หลังจากฉันข้าวเสร็จเพลเสร็จก็ประมาณเที่ยง ก็จะได้ไปลงอุโบสถสังฆกรรมกันที่วัด หลวงพ่ออุปัชฌาย์วัดไตรคามบํารุง ก็พยายามไปให้ได้ทุกรูป
ญาติโยมท่านใดมีรถกระบะอยากจะมารับพระภิกษุสงฆ์ไปโน้นได้ก็ยิ่งดี ทางรถตู้เรา รถกระบะ ช่วยกัน ในตำบลสำราญของเราก็คงจะมีที่วัดเรานี่ล่ะ พระมาบวชเยอะ พระมาอยู่ด้วยเยอะ แต่ละวัด วัดอื่นก็มี อย่างมากก็ 5-6 รูป 2-3 รูป พวกเราเป็นพระเป็นชีปรารถนาที่จะมาหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น ก็พยายามดำเนินตามคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร ลักษณะของการเจริญสติการ ทำความเข้าใจ หมั่นตรวจตราใจของเราตลอดเวลา ใจของเราเป็นอย่างไรบ้าง ใจของเราปกติ ใจของเราสงบ ใจของเราเกิดกิเลส เราก็รู้จักละเราก็รู้จักดับ กิเลสหยาบกิเลสละเอียด กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือว่าเกิดขึ้นที่ใจ ลักษณะของการเจริญสติเป็นอย่างไร กําลังสติของเราเอาไปใช้ได้ อบรมใจของเราได้หรือไม่
เพียงแค่การเจริญสติก็ยังขาดบกพร่องกันมากเลยทีเดียว มีตั้งแต่ปัญญาของโลกียะ ปัญญาของโลกที่ใจเกิดใจหลงใจวิ่งอยู่ตลอดเวลา ความเกิดของใจนี้ ใจหลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด เพราะว่าเขาหลงอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ตรงนั้นอย่าไปนั่นถึงเขา เรามาดูใจในกายของเรา มาจําแนกแจกแจงวิญญาณในกายของเราที่เป็นกองเป็นขันธ์ให้ได้
พยายามดูรู้ ตัดความลังเล ความสงสัย ความกังวล ความฟุ้งซ่านออกไปให้มันหมด หมั่นวิเคราะห์ใจของเราอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราคงจะเห็น เห็นการแยกเห็นการการคลาย เขาเรียกว่า แยกรูปแยกนาม หรือว่าเพียงแค่ใจคลายออกจากขันธ์ห้าเพียงแค่เริ่มต้นของความเห็นถูก ที่ภาษาธรรมเขาเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก
เราอาจจะเห็นถูกอยู่ในระดับของสมมติ อยู่ในกองบุญกองกุศล อยู่ในกองศีลกองธรรม แต่ปัญญาที่จะขัดเกลากิเลสต้องจําแนกแจกแจงทำความเข้าใจให้ได้ให้ละเอียดทุกอิริยาบถ จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้จนหมดความสงสัยหมดความลังเล ไม่มีอะไรที่จะค้นคว้า ทำความเข้าใจที่ท่านบอกว่าทำความเข้าใจกับวิญญาณในกาย ทำความเข้าใจกับวิญญาณในขันธ์ห้า รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในโลกธรรมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ถึงวาระถึงเวลากายเนื้อของเราก็คงจะแตกดับ
มาทีหลังก็เข้ามา เอาเข้ามาถวายได้เลย บุญสมมติเราก็ทำ บุญวิมุตติ ทำใจให้สะอาดให้หลุดพ้นจากอัตตาจากอำนาจของกิเลสให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา บุคคลมีบุญมีกุศล จะสร้างอานิสงส์สร้างบุญ ทั้งบุญสมมติก็ไม่ปล่อยปละละเลย ทั้งบุญวิมุตติ การทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ก็ทำอยู่ตลอดเวลา กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไรเราก็จัดการ การทำบุญถวายทานทางด้านวัตถุทานพวกเราก็ทำกันอยู่ตลอด
ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ทุกคนก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ หาทางหลุดพ้น เราได้ดำเนิน เราได้เดินทาง เห็นวิญญาณในกายของเรา เรารู้อยู่ แต่ยังไม่เห็นตัวตนที่แท้จริง เราเห็นเฉพาะเวลาเขาเกิด ยิ่งเกิดความเกิดนั้นปิดกั้นตัวใจเอาไว้ แล้วก็ขันธ์ห้าก็มาปิดกั้นตัวใจเอาไว้ กิเลสก็มาปิดกั้นเอาไว้ โลกธรรมแปดก็มาปิดกั้นเอาไว้ เยอะแยะ ถ้ากําลังสติกําลังความเพียรไม่เพียงพอเนี่ยยากที่จะเข้าถึง ก็ต้องพยายามให้อยู่ในกองบุญเอาไว้
มีบุญสมมติ โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดสถานที่เปิด เราจงพยายามดูรู้ให้เท่าให้ทัน อยู่คนเดียวเราก็ดูใจเรา อยู่หลายคนเราก็พยายามศึกษาเรื่องใจของเรา ทำความเข้าใจบ่อยๆ ถึงเวลากําลังอานิสงส์บุญบารมี กําลังสติปัญญาของเราเต็มเปี่ยมเราก็คงจะเห็นเข้าสักวันหนึ่ง ยิ่งอยากเท่าไรยิ่งห่างไกล ทั้งอยากทั้งไม่อยาก ถ้าการขัดเกลากิเลส ใจมันเกิดความอยากก็ปิดกั้น ไม่อยากก็ปิดกั้น
เราพยายามขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราให้ใจของเราอยู่ในความเป็นกลาง ความว่าง ความว่าง ความบริสุทธิ์ ว่างจากการเกิด ว่างจากขันธ์ห้า ว่างจากกิเลส เรารู้ตั้งแต่ชื่อ แต่หน้าตาอาการ การละ การทำความเข้าใจนี่ไม่ค่อยจะถึงกันเท่าไร ก็ต้องพยายามกัน
ตั้งใจรับพรกัน
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 5 กันยายน 2560
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 เผลอแผล็บเดียวจะออกพรรษาแล้ว เมื่อเช้าฝนก็ตกแต่เช้า ฟ้าร้อง สงสัยฟ้าร้องจะสั่งลาแล้วกระมัง ฝนฟ้าตกก็ชุ่มฉ่ำ อากาศก็เย็นสบาย อากาศเย็นใจของคนเราก็จะเย็น พยายามตื่นขึ้นมาวิเคราะห์กาย วิเคราะห์ใจของตัวเรา อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ทุกขณะจิตทุกขณะลมหายใจเข้าออกมีคุณค่ามากมายมหาศาล
การเจริญสติเราต้องทำความเข้าใจ การสร้างหรือว่าการเจริญ สร้างความรู้ตัว รู้กาย แล้วก็รู้ใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้การเกิดการดับของขันธ์ห้า เขาเกิดอย่างไร ทำไมเขาถึงเกิด ทำไมเขาถึงหลง เราพยายามเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ รู้ไม่ทันเราก็พยายามหยุดเอาไว้ ทุกเรื่อง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกเรื่อง การหายใจเข้าออกเป็นอย่างไร หายใจต่อเนื่องไหม หายใจเป็นธรรมชาติหรือเปล่า เราต้องดูรู้ให้ทัน พระเราชีเราก็เหมือนกัน พิจารณาปฏิสังขาโย ภาษาธรรมท่านเรียกว่า ปฏิสังขาโย พิจารณา พิจารณาอาหารการขบฉันของตัวเรา กะประมาณในการขบฉัน พิจารณาดูว่ากายของเราเกิดความหิวหรือว่าใจเกิดความอยาก หรือว่าใจปกติ เราต้องสร้างความรู้ตัวเข้าไปวิเคราะห์จนเป็นปัญญา ปัญญารู้เท่ารู้ทัน รู้จักทำความเข้าใจ รู้กันรู้แก้ อะไรคือใจ อะไรคือปัญญา อะไรคือสมมติ วิมุตติ
ความหมายของคําว่า อัตตา อนัตตา ในหลักธรรมเป็นอย่างไร อัตตาก็ตัวตนของเรา อนัตตาคือความว่างเปล่า ใจมาอาศัยกาย ไม่ใช่มาอาศัยอยู่เฉยๆ มาสร้าง ใจมาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าขึ้น แล้วก็มาอาศัยกายแล้วก็เกิดต่อ หมดภพมนุษย์แล้วเขาก็ไปเกิดต่อ ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่
พระพุทธองค์ท่านให้ค้นลงที่กายของเรา ทำไมกายของคนเรานี้มีอะไรบ้าง ที่เรียกว่าธาตุสี่ขันธ์ห้า ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นอย่างไร มีหนังห่อหุ้ม อาการ 32 มีอยู่กันทุกคน เราพยายามวิเคราะห์พิจารณา ข้ามพ้นทิฏฐิมานะ ข้ามพ้นความกังวล ความฟุ้งซ่านเล็กๆ น้อยๆ ออกให้หมด ตัดความกังวลออกให้หมด
อะไรคือสติที่สร้างขึ้นมา อะไรคือใจ อะไรคือความคิด กายทำหน้าที่อย่างไร มีในกายของเราหมด ถ้าเรามาศึกษาค้นคว้าจะเห็นอะไรดีๆ เยอะอยู่ในกายของเรา เป็นเรื่องของเราทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น คนอื่นก็เหมือนกับเรา เหมือนกันหมด มีหู ตา จมูก ลิ้น กาย มีวิญญาณเหมือนกันหมด แต่กิเลสจะมีมากมีน้อยไม่เหมือนกัน บางคนก็ขัดเกลากิเลสได้เบาบาง บางคนก็สร้างสะสมกิเลสจนหนาเตอะจนเอาไม่ออกก็มี แต่ละวันๆ เราพยายามหมั่นขัดเกลา หมั่นวิเคราะห์
วันนี้ก็ประมาณช่วงเก้าโมงหรือสิบโมง นิมนต์พระเราชีเรามาที่ศาลาหอฉันกัน เพราะว่าญาติโยมจะได้มาทำบุญถวายข้าวกระยาสารท มาทุกองค์ทุกรูป เจ้าคุณก็พาหมู่พาคณะ หลวงตาก็พาหมู่พาคณะ พากันมาทำพิธี เป็นอานิสงส์ เป็นสิริมงคล หลังจากฉันข้าวเสร็จเพลเสร็จก็ประมาณเที่ยง ก็จะได้ไปลงอุโบสถสังฆกรรมกันที่วัด หลวงพ่ออุปัชฌาย์วัดไตรคามบํารุง ก็พยายามไปให้ได้ทุกรูป
ญาติโยมท่านใดมีรถกระบะอยากจะมารับพระภิกษุสงฆ์ไปโน้นได้ก็ยิ่งดี ทางรถตู้เรา รถกระบะ ช่วยกัน ในตำบลสำราญของเราก็คงจะมีที่วัดเรานี่ล่ะ พระมาบวชเยอะ พระมาอยู่ด้วยเยอะ แต่ละวัด วัดอื่นก็มี อย่างมากก็ 5-6 รูป 2-3 รูป พวกเราเป็นพระเป็นชีปรารถนาที่จะมาหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น ก็พยายามดำเนินตามคําสอนของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร ลักษณะของการเจริญสติการ ทำความเข้าใจ หมั่นตรวจตราใจของเราตลอดเวลา ใจของเราเป็นอย่างไรบ้าง ใจของเราปกติ ใจของเราสงบ ใจของเราเกิดกิเลส เราก็รู้จักละเราก็รู้จักดับ กิเลสหยาบกิเลสละเอียด กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือว่าเกิดขึ้นที่ใจ ลักษณะของการเจริญสติเป็นอย่างไร กําลังสติของเราเอาไปใช้ได้ อบรมใจของเราได้หรือไม่
เพียงแค่การเจริญสติก็ยังขาดบกพร่องกันมากเลยทีเดียว มีตั้งแต่ปัญญาของโลกียะ ปัญญาของโลกที่ใจเกิดใจหลงใจวิ่งอยู่ตลอดเวลา ความเกิดของใจนี้ ใจหลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด เพราะว่าเขาหลงอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ ตรงนั้นอย่าไปนั่นถึงเขา เรามาดูใจในกายของเรา มาจําแนกแจกแจงวิญญาณในกายของเราที่เป็นกองเป็นขันธ์ให้ได้
พยายามดูรู้ ตัดความลังเล ความสงสัย ความกังวล ความฟุ้งซ่านออกไปให้มันหมด หมั่นวิเคราะห์ใจของเราอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราคงจะเห็น เห็นการแยกเห็นการการคลาย เขาเรียกว่า แยกรูปแยกนาม หรือว่าเพียงแค่ใจคลายออกจากขันธ์ห้าเพียงแค่เริ่มต้นของความเห็นถูก ที่ภาษาธรรมเขาเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก
เราอาจจะเห็นถูกอยู่ในระดับของสมมติ อยู่ในกองบุญกองกุศล อยู่ในกองศีลกองธรรม แต่ปัญญาที่จะขัดเกลากิเลสต้องจําแนกแจกแจงทำความเข้าใจให้ได้ให้ละเอียดทุกอิริยาบถ จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้จนหมดความสงสัยหมดความลังเล ไม่มีอะไรที่จะค้นคว้า ทำความเข้าใจที่ท่านบอกว่าทำความเข้าใจกับวิญญาณในกาย ทำความเข้าใจกับวิญญาณในขันธ์ห้า รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในโลกธรรมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ถึงวาระถึงเวลากายเนื้อของเราก็คงจะแตกดับ
มาทีหลังก็เข้ามา เอาเข้ามาถวายได้เลย บุญสมมติเราก็ทำ บุญวิมุตติ ทำใจให้สะอาดให้หลุดพ้นจากอัตตาจากอำนาจของกิเลสให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา บุคคลมีบุญมีกุศล จะสร้างอานิสงส์สร้างบุญ ทั้งบุญสมมติก็ไม่ปล่อยปละละเลย ทั้งบุญวิมุตติ การทำใจให้สะอาดให้บริสุทธิ์ก็ทำอยู่ตลอดเวลา กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไรเราก็จัดการ การทำบุญถวายทานทางด้านวัตถุทานพวกเราก็ทำกันอยู่ตลอด
ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ทุกคนก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ หาทางหลุดพ้น เราได้ดำเนิน เราได้เดินทาง เห็นวิญญาณในกายของเรา เรารู้อยู่ แต่ยังไม่เห็นตัวตนที่แท้จริง เราเห็นเฉพาะเวลาเขาเกิด ยิ่งเกิดความเกิดนั้นปิดกั้นตัวใจเอาไว้ แล้วก็ขันธ์ห้าก็มาปิดกั้นตัวใจเอาไว้ กิเลสก็มาปิดกั้นเอาไว้ โลกธรรมแปดก็มาปิดกั้นเอาไว้ เยอะแยะ ถ้ากําลังสติกําลังความเพียรไม่เพียงพอเนี่ยยากที่จะเข้าถึง ก็ต้องพยายามให้อยู่ในกองบุญเอาไว้
มีบุญสมมติ โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดสถานที่เปิด เราจงพยายามดูรู้ให้เท่าให้ทัน อยู่คนเดียวเราก็ดูใจเรา อยู่หลายคนเราก็พยายามศึกษาเรื่องใจของเรา ทำความเข้าใจบ่อยๆ ถึงเวลากําลังอานิสงส์บุญบารมี กําลังสติปัญญาของเราเต็มเปี่ยมเราก็คงจะเห็นเข้าสักวันหนึ่ง ยิ่งอยากเท่าไรยิ่งห่างไกล ทั้งอยากทั้งไม่อยาก ถ้าการขัดเกลากิเลส ใจมันเกิดความอยากก็ปิดกั้น ไม่อยากก็ปิดกั้น
เราพยายามขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราให้ใจของเราอยู่ในความเป็นกลาง ความว่าง ความว่าง ความบริสุทธิ์ ว่างจากการเกิด ว่างจากขันธ์ห้า ว่างจากกิเลส เรารู้ตั้งแต่ชื่อ แต่หน้าตาอาการ การละ การทำความเข้าใจนี่ไม่ค่อยจะถึงกันเท่าไร ก็ต้องพยายามกัน
ตั้งใจรับพรกัน