หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 65 วันที่ 23 กรกฎาคม 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 65 วันที่ 23 กรกฎาคม 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 65 วันที่ 23 กรกฎาคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 65
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2560

มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เป็นวันพระใหญ่ แรม 15 ค่ำ เดือน 8 หรือศีลดับ ญาติโยมก็พากันมาทำบุญกันเยอะ ไม่ว่าที่ไหนในประเทศของเราที่นับถือพุทธศาสนา มีโอกาสก็ได้ทำบุญถวายทานกันเป็นประจำเป็นกิจวัตร ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ฝักใฝ่ในการทำบุญในการให้ทาน มีศรัทธาน้อมกายน้อมใจเข้ามา ศรัทธาต้องเกิดปัญญาด้วย ศรัทธาต้องมีปัญญาเกิดจากการเจริญภาวนาให้รู้แจ้งเห็นจริงตามคําสอนของพระพุทธองค์

พระพุทธเจ้าหรือว่าพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบความจริงในชีวิตในอัตภาพร่างกาย เห็นความเกิดความดับ รู้วิญญาณในกายของตัวเรา วิญญาณของทุกคนนี้หลง หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด หลงในภพน้อยภพใหญ่ อันนั้นเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วเราอย่าเอาเก็บมาใส่ใจของเรา

พระพุทธองค์ท่านให้เจริญสติลงที่กายของเรา ค้นคว้าอะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม วิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร ความเกิดความดับของวิญญาณ แต่ละวันๆ แต่ละนาทีเขาเกิดสักกี่ครั้งเกิดสักกี่เที่ยว ตรงนี้แหละส่วนมากเราจะมองเห็นเฉพาะความเกิดทางด้านกายเนื้อ ซึ่งเรียกว่า ภพมนุษย์ มีขันธ์ห้ามีวิญญาณ ตัววิญญาณนี้แหละสำคัญ ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปอบรมใจหรือว่าวิญญาณของเรา จําแนกแจกแจงออกให้เห็นชัดเจน ว่าเป็นกองไหนๆ หรือว่าเป็นขันธ์ ที่ท่านว่าเป็นขันธ์เป็นกอง แต่เรามองเห็นในภาพรวมคือตัวเราอย่างเดียว เราไม่ได้จําแนกแจกแจงว่าอันนี้วิญญาณในกายเป็นอย่างนี้ การเกิดการดับ เป็นกุศลหรือว่าอกุศล เป็นกลางๆ อันนี้คือส่วนรูป ทุกเรื่องๆ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาถ้าเรายังเดินปัญญาแยกรูปแยกนามไม่ได้ เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติลงที่กายของเรานี่ก็ยากลําบาก ไม่ต่อเนื่อง ก็เลยเข้าไม่ถึงความบริสุทธิ์ของใจ ได้แต่ทำบุญให้ทาน สร้างบารมีกันอยู่ตรงนี้ ไม่พยายามเดิน ไม่พยายามเจริญสติเข้าไปแทงให้ตลอด การแยกรูปแยกนาม การทำความเข้าใจ การละกิเลสหยาบกิเลสละเอียด มลทินต่างๆ นิวรณธรรมต่างๆ ซึ่งมีอยู่ในกายของเรา เราไม่ได้ศึกษาให้ตลอดให้ต่อเนื่อง ก็ต้องพยายาม ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี มีขันธ์ห้าเหมือนกันหมด เราอย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา

ถ้าเราสังเกตวิเคราะห์แยกแยะได้ การพัฒนาทางด้านปัญญาก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นๆ เห็นความเกิดความดับของความคิด ความคิดที่เกิดจากอาการของใจหรือว่าของขันธ์ห้านั่นแหละ ความคิดที่เกิดจากตัววิญญาณหรือว่าตัวใจ ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติปัญญาตัวใหม่เข้าไปอบรมใจ เข้าไปชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนใจมองเห็นความเป็นจริงได้ ใจถึงจะยอมปล่อยยอมวางได้

การสร้างบารมีในระดับของสมมติตรงนี้มีกัน มีกันอยู่ตลอด แต่เราก็อย่าไปมองข้าม รู้จักสร้างอานิสงส์ สร้างบุญ สร้างบารมี สร้างตบะ คนเราจะขึ้นสู่ที่สูงได้ก็อาศัยบุญบารมี เหมือนกับขึ้นบนบ้าน จะขึ้นถึงตัวเรือนได้ก็อาศัยบันได ส่วนมากก็อยู่ในทานในศีล บันไดขั้นสมมติ เราก็พยายามทำให้กระจ่าง ให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา จนหมดความสงสัยหมดความลังเลในคําสอนของพระพุทธองค์

ตั้งแต่ตื่นขึ้นนั่นแหละ ตั้งแต่ตื่น ตั้งแต่ยังไม่รู้สึกตัว ตั้งแต่ตื่นขึ้นรีบสํารวจรีบวิเคราะห์ อันไหนควรละ อันไหนควรเจริญ อันไหนควรดำเนิน ไม่ใช่ว่าปล่อยวันเวลาทิ้ง เอาตั้งแต่อำนาจของกิเลสเข้ามาปกปิด ทิฏฐิ มานะ ความเห็นแก่ตัว จงกําจัดออกไป ดำเนินตามคําสอนของพระพุทธองค์ให้ปรากฏขึ้นที่ใจ ท่านถึงบอกให้เชื่อ ก็ต้องพยายามกัน ให้บรรลุถึงเป้าหมายทั้งโลกทั้งธรรม

อะไรที่เป็นบุญอะไรที่เป็นประโยชน์เราก็รีบทำ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ในโลกนี้ โลกหน้านั้นเดี๋ยวก็ถึงเองนั่นแหละท่านว่าให้ทำปัจจุบันให้ดี วันนี้มีพรุ่งนี้มี เดือนหน้ามีปีหน้ามี ภพหน้ามี พ่อแม่พี่น้องมี ท่านถึงบอกให้สร้างอานิสงส์สร้างบุญ ทำความเข้าใจให้ได้เกิดขึ้นอยู่ที่ใจของเราขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ หมดลมหายใจก็มีตั้งแต่เรื่องบุญเรื่องบาป มีโอกาสก็ให้รีบทำ โอกาสเปิดกาลเวลาเปิด สถานที่เปิด เราพยายามทำบุญให้กับตัวเราตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งถึงเวลานี้ เดี๋ยวนี้ ตามคําสอนของพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องชีวิต การดำเนินชีวิต การเจริญสติเข้าไปมองเห็นตามความเป็นจริง การแยกรูปแยกนาม การละกิเลส จนถึงจุดหมายปลายทางคือความบริสุทธิ์ ก็ต้องพยายามกัน ทุกอย่างที่เป็นบุญให้ช่วยกันทำ

ตั้งใจรับพรกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง