หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 23 วันที่ 11 มีนาคม 2560
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 23 วันที่ 11 มีนาคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 23
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 มีนาคม 2560
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ และก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุดระงับดับลงไป กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ
ลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา ลมวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้ให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ นี่แหละที่พระพุทธองค์ท่านว่าเจริญสติลงที่กายของเราให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน ถ้ากําลังสติของเราต่อเนื่องเขาเรียกว่า สัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม จากหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง จาก 1 นาที เป็น 2 นาที 3 นาที จนต่อเนื่องสืบเนื่อง จนมีกําลังเพียงพอที่จะรู้เท่าทันใจของเรา การเกิดการดับของใจนั้นมีกันทุกคน การเกิดการดับของความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิดหรือว่าอาการของขันธ์ห้านั้นก็มีกันทุกคน
แต่เราขาดกําลังสติที่จะเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปชี้เหตุชี้ผล เข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์จนใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้า ตัวนี้แหละคือคลายความหลงในระดับของขันธ์ห้า แต่ใจก็ยังมีกิเลสอยู่ กิเลสทั้งหยาบทั้งละเอียดอีก ทั้งดีทั้งไม่ดี เราก็มาขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราด้วยการสร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมี ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์
ถ้ากําลังความรู้ตัวของเราเข้มแข็งต่อเนื่อง สักวันหนึ่งเราก็จะเห็น เห็นใจคลายออกจากอาการของใจ หรือว่าอาการของขันธ์ห้า ใจก็จะหงายเหมือนกับหงายของที่คว่ำ ใจก็จะเบา ใจก็จะโล่ง ใจก็จะโปร่ง บางทีก็มีปีติสุขเข้าไปหล่อเลี้ยง เราพยายามหัดสังเกตบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ ค้นคว้าลงที่กายของเราขณะที่กําลังกายของเรายังแข็งแรงอยู่ พยายามศึกษาค้นคว้า อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง
แม้แต่การเจริญสติ พวกเราก็มองข้ามไป มองข้ามจะเอากันแต่ปัญญาไปวิเคราะห์พิจารณาทั้งใจที่เกิดอยู่ ความเกิดของใจนั่นแหละคือความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด หลงเกิดอยู่ในภพน้อย เกิดอยู่ในภพใหญ่ แต่เวลานี้เขาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ พระพุทธองค์ท่านถึงได้ค้นคว้าและเอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม สัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละ พอที่จะศึกษาค้นคว้ามองเห็นหนทางเดินได้ ก็ต้องพยายามกัน
การทำบุญให้ทานทุกคนมีกันเป็นประจำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน โอกาสได้สร้างบุญสร้างกุศลให้พยายามพากันทำ ตั้งแต่ตื่นขึ้น ทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้กับพ่อกับแม่กับพี่กับน้อง กับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน อานิสงส์แห่งบุญนี่แหละจะส่งเราให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ก็ต้องพยายามนะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
เย็นนี้ก็จะได้ไปทำวัตรสวดมนต์ ทำพิธีอยู่ที่ลานมหาเจดีย์ ก็บอกกล่าวพี่น้องเรา ใครมีฟืนก็เอาฟืนมาร่วมกัน ใครมีถ่านก็เอาถ่านมาร่วมกัน มีใครยังไม่ได้เขียนชื่อ เขียนนามสกุลก็ไปเขียนลงแผ่นทอง ลงก้อนทอง ที่จะได้ฝากเอาไว้ให้เป็นองค์พระ องค์แทนของพระพุทธองค์ ส่วนการปฏิบัติขัดเกลากิเลสของเรา เราก็ต้องพยายาม อย่าไปปล่อยปละละเลย ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ก็ไม่มีใครจะสอนเราได้เลย นอกจากตัวเรา
ครูบาอาจารย์คําสอนต่างๆ ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ การดำเนินชีวิต การแก้ไขชีวิต เราก็ต้องแก้ไขเอาทำเอา เพราะว่าความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา ความตายไม่ว่าเด็กว่าผู้ใหญ่ ยาจกหรือพระราชา ทุกคนก็เดินเข้าไปสู่ตรงนี้ตลอดเวลา อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ในส่วนกลาง เราก็พยายามทำ
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จัดระบบระเบียบของการคิดของการทำ อะไรคืออกุศลหรือว่ากุศล เราก็ต้องพยายามสะสางหนทางเดินขณะยังมีกําลังอยู่นี่แหละ ถ้าหมดกําลังหมดลมหายใจก็เหลือกันแต่เรื่องบุญกับบาปที่จะนําติดตัวเราไปได้ นี่ถ้าสูงขึ้นไปก็สร้างบุญ ละบาป สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ อยู่กับความสงบ ความสุข อยู่กับความสะอาด ความบริสุทธิ์ของใจ รอกายเนื้อแตกดับเราก็สู่ความบริสุทธิ์ ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ตราบใดที่ยังเดินเราก็ต้องพยายามเดินให้ถึงจุดหมาย ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราคงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง ทำใจให้ว่าง ทำกายให้เบา มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจน อยู่หลายคนก็เหมือนอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันสักพักสักระยะนะ
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 มีนาคม 2560
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ และก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุดระงับดับลงไป กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ
ลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา ลมวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้ให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ นี่แหละที่พระพุทธองค์ท่านว่าเจริญสติลงที่กายของเราให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน ถ้ากําลังสติของเราต่อเนื่องเขาเรียกว่า สัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม จากหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง จาก 1 นาที เป็น 2 นาที 3 นาที จนต่อเนื่องสืบเนื่อง จนมีกําลังเพียงพอที่จะรู้เท่าทันใจของเรา การเกิดการดับของใจนั้นมีกันทุกคน การเกิดการดับของความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิดหรือว่าอาการของขันธ์ห้านั้นก็มีกันทุกคน
แต่เราขาดกําลังสติที่จะเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปชี้เหตุชี้ผล เข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์จนใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้า ตัวนี้แหละคือคลายความหลงในระดับของขันธ์ห้า แต่ใจก็ยังมีกิเลสอยู่ กิเลสทั้งหยาบทั้งละเอียดอีก ทั้งดีทั้งไม่ดี เราก็มาขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราด้วยการสร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมี ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำใจของเราให้สะอาดให้บริสุทธิ์
ถ้ากําลังความรู้ตัวของเราเข้มแข็งต่อเนื่อง สักวันหนึ่งเราก็จะเห็น เห็นใจคลายออกจากอาการของใจ หรือว่าอาการของขันธ์ห้า ใจก็จะหงายเหมือนกับหงายของที่คว่ำ ใจก็จะเบา ใจก็จะโล่ง ใจก็จะโปร่ง บางทีก็มีปีติสุขเข้าไปหล่อเลี้ยง เราพยายามหัดสังเกตบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ ค้นคว้าลงที่กายของเราขณะที่กําลังกายของเรายังแข็งแรงอยู่ พยายามศึกษาค้นคว้า อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง
แม้แต่การเจริญสติ พวกเราก็มองข้ามไป มองข้ามจะเอากันแต่ปัญญาไปวิเคราะห์พิจารณาทั้งใจที่เกิดอยู่ ความเกิดของใจนั่นแหละคือความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด หลงเกิดอยู่ในภพน้อย เกิดอยู่ในภพใหญ่ แต่เวลานี้เขาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ พระพุทธองค์ท่านถึงได้ค้นคว้าและเอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม สัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละ พอที่จะศึกษาค้นคว้ามองเห็นหนทางเดินได้ ก็ต้องพยายามกัน
การทำบุญให้ทานทุกคนมีกันเป็นประจำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน โอกาสได้สร้างบุญสร้างกุศลให้พยายามพากันทำ ตั้งแต่ตื่นขึ้น ทำบุญให้กับตัวเรา ทำบุญให้กับพ่อกับแม่กับพี่กับน้อง กับเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน อานิสงส์แห่งบุญนี่แหละจะส่งเราให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ก็ต้องพยายามนะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
เย็นนี้ก็จะได้ไปทำวัตรสวดมนต์ ทำพิธีอยู่ที่ลานมหาเจดีย์ ก็บอกกล่าวพี่น้องเรา ใครมีฟืนก็เอาฟืนมาร่วมกัน ใครมีถ่านก็เอาถ่านมาร่วมกัน มีใครยังไม่ได้เขียนชื่อ เขียนนามสกุลก็ไปเขียนลงแผ่นทอง ลงก้อนทอง ที่จะได้ฝากเอาไว้ให้เป็นองค์พระ องค์แทนของพระพุทธองค์ ส่วนการปฏิบัติขัดเกลากิเลสของเรา เราก็ต้องพยายาม อย่าไปปล่อยปละละเลย ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ก็ไม่มีใครจะสอนเราได้เลย นอกจากตัวเรา
ครูบาอาจารย์คําสอนต่างๆ ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ การดำเนินชีวิต การแก้ไขชีวิต เราก็ต้องแก้ไขเอาทำเอา เพราะว่าความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา ความตายไม่ว่าเด็กว่าผู้ใหญ่ ยาจกหรือพระราชา ทุกคนก็เดินเข้าไปสู่ตรงนี้ตลอดเวลา อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์ในส่วนกลาง เราก็พยายามทำ
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จัดระบบระเบียบของการคิดของการทำ อะไรคืออกุศลหรือว่ากุศล เราก็ต้องพยายามสะสางหนทางเดินขณะยังมีกําลังอยู่นี่แหละ ถ้าหมดกําลังหมดลมหายใจก็เหลือกันแต่เรื่องบุญกับบาปที่จะนําติดตัวเราไปได้ นี่ถ้าสูงขึ้นไปก็สร้างบุญ ละบาป สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ อยู่กับความสงบ ความสุข อยู่กับความสะอาด ความบริสุทธิ์ของใจ รอกายเนื้อแตกดับเราก็สู่ความบริสุทธิ์ ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน ตราบใดที่ยังเดินเราก็ต้องพยายามเดินให้ถึงจุดหมาย ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราคงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง ทำใจให้ว่าง ทำกายให้เบา มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจน อยู่หลายคนก็เหมือนอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันสักพักสักระยะนะ
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ