หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 17 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 17 วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 17
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560
มีความสุขกันทุกคน ดูดีๆนะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโยตั้งแต่ตื่นขึ้น พิจารณากายของตัวเราเอง พิจารณาใจของตัวเราเองตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อะไรคือใจ อะไรคืออาการของใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไรมีอยู่ในกายของเราหมด แต่คนทั่วไปส่วนมากจะมองเห็นเฉพาะในภาพรวม ไม่ค่อยเจริญสติเข้าไปจำแนกแจกแจง ใจที่คลายจากขันธ์ห้า ใจที่ไม่มีกิเลส ใจที่สงบ เราต้องพยายามหัดทำความเข้าใจให้เป็นกิจวัตร ทุกเรื่องในชีวิตของเราตั้งแต่ตื่นขึ้น จะลุก จะก้าว จะเดิน ใจก็มีความสงบ มีความปกติ ทำความเข้าใจกับภาษาสมมติ ภาษาวิมุตติ
สมมติ คือโลกธรรม กายของเรานี้เป็นก้อนสมมติ กายของเรานี้ก็อาศัยปัจจัยสี่ อาศัยโลกธรรม ใจมาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง แล้วก็เกิดต่อหรือว่าส่งไปภายนอก หรือว่าความคิดของเรา เราต้องพยายามดูรู้ลักษณะหน้าตาอาการใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ กายส่วนรูปทำหน้าที่อย่างนี้ วิญญาณในกายของเราทำหน้าที่อย่างนี้ แต่เวลานี้ตัวใจหรือว่าตัววิญญาณทั้งเกิดทั้งหลง ทั้งยึดทั้งติด ทั้งเป็นทาสของกิเลส เราก็มาค่อยสะสาง มาค่อยทำความเข้าใจ ค่อยขัดค่อยเกลาไม่ให้ใจเกิดกิเลส ไม่ให้ใจของเราไปหลง เราต้องมาคลายความหลง หรือว่ามาแยกรูปแยกนาม ในภาษาธรรมที่เรียกว่า แยกรูปแยกนาม
เราเจริญสติเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์ จนใจของเราคลายจากขันธ์ห้านั่นแหละท่านเรียกถึงว่า แยกรูปแยกนาม สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้ การตามดู การรู้การเห็น การทำความเข้าใจ คำว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร อัตตาอนัตตาในหลักธรรมเป็นลักษณะอย่างไร สมมติวิมุตติ ภาษาสมมติภาษาวิมุตติ กายทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เราต้องรู้ต้องเห็น ต้องทำความเข้าใจแล้วก็ละออกให้หมด คลายออกให้หมด ให้เหลือตั้งแต่ความสงบความบริสุทธิ์ของใจ นั่นแหละเราก็จะอยู่กับบุญ
การพูดง่ายอยู่ การกระทำการลงมือจริงๆ นี่มันลำบาก ต้องเป็นบุคคลมีความเพียรเป็นเลิศ ทุกเรื่องในกายของเรา รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในวิญญาณในกายของเรา อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจอะไรที่จะมีคุณค่ามีประโยชน์เราก็พยายามทำ ประโยชน์ภายนอก ประโยชน์ภายใน ประโยชน์สมมติ ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ อะไรที่จะเป็นบุญเป็นกุศล อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ให้รีบทำ
ถ้าหมดโอกาสแล้วก็มีตั้งแต่เรื่องบุญกับบาป เราละบาปสร้างบุญ ไม่ยึดติดในบุญ ทำความเข้าใจให้ถูกต้องตามแนวทางของพระพุทธองค์ ด้วยการเข้าไปเจริญสติเข้าไปอบรมใจ ยังใจของเราให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้หลุดพ้น จากความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ ได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งเสียดายเวลา ทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็มีส่วนแห่งบุญ ไม่มีมากก็มีน้อย เราก็พยายามทำกัน
ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้น ไล่เรียงลงไปจนกระทั่งจะหมดลมหายใจโน้นแหละ ไม่ใช่เฉพาะเวลานี้เวลาเดียว หมดลมหายใจ ตราบใดที่ใจเรายังเกิดก็ต้องไปเกิดต่อ ถึงจะเกิดก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญ จะได้มีความสุขจะได้ไม่ลำบากไม่ได้ทุกข์ทรมานในวันข้างหน้า วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนนี้มี ปีหน้ามี ภพหน้ามี พ่อแม่พี่น้องมี เราก็ต้องทำความเข้าใจ สร้างสะสมคุณงามความดี อย่าไปมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
ทุกคนเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม การทำบุญให้ทานทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ตื่นขึ้นมาโน้น เราให้อภัยทาน อโหสิกรรม การกระทำของเราให้ถึงพร้อม เราเป็นบุคคลที่เป็นระเบียบ รู้จักจัดระบบระเบียบทั้งกายวาจาใจ ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนคนอื่น สร้างความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น ค่อยไล่เรียงไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีมีขันธ์ห้าเหมือนกันหมด แต่ต่างเพศต่างภาวะ ให้เราเคารพกันในเพศในภาวะ ในระดับของสมมติ ถ้าใจละวางได้หมดแล้วก็มีตั้งแต่ความว่างเปล่า ใจว่างเราก็มองเห็นโลกนี้เป็นของว่าง ใจว่างจากการเกิด ว่างจากกิเลส ว่างจากขันธ์ห้า แต่ในทางสมมติกายของเราก็มีอยู่ หมดลมหายใจนั่นแหละ กายก้อนนี้ก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม คือ ดินน้ำลมไฟ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความตายนี่มีกันทุกคน เกิดมาเท่าไรตายหมด
ตั้งใจรับพรกัน
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560
มีความสุขกันทุกคน ดูดีๆนะ พระเราชีเรา พิจารณาปฏิสังขาโยตั้งแต่ตื่นขึ้น พิจารณากายของตัวเราเอง พิจารณาใจของตัวเราเองตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อะไรคือใจ อะไรคืออาการของใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไรมีอยู่ในกายของเราหมด แต่คนทั่วไปส่วนมากจะมองเห็นเฉพาะในภาพรวม ไม่ค่อยเจริญสติเข้าไปจำแนกแจกแจง ใจที่คลายจากขันธ์ห้า ใจที่ไม่มีกิเลส ใจที่สงบ เราต้องพยายามหัดทำความเข้าใจให้เป็นกิจวัตร ทุกเรื่องในชีวิตของเราตั้งแต่ตื่นขึ้น จะลุก จะก้าว จะเดิน ใจก็มีความสงบ มีความปกติ ทำความเข้าใจกับภาษาสมมติ ภาษาวิมุตติ
สมมติ คือโลกธรรม กายของเรานี้เป็นก้อนสมมติ กายของเรานี้ก็อาศัยปัจจัยสี่ อาศัยโลกธรรม ใจมาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง แล้วก็เกิดต่อหรือว่าส่งไปภายนอก หรือว่าความคิดของเรา เราต้องพยายามดูรู้ลักษณะหน้าตาอาการใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ กายส่วนรูปทำหน้าที่อย่างนี้ วิญญาณในกายของเราทำหน้าที่อย่างนี้ แต่เวลานี้ตัวใจหรือว่าตัววิญญาณทั้งเกิดทั้งหลง ทั้งยึดทั้งติด ทั้งเป็นทาสของกิเลส เราก็มาค่อยสะสาง มาค่อยทำความเข้าใจ ค่อยขัดค่อยเกลาไม่ให้ใจเกิดกิเลส ไม่ให้ใจของเราไปหลง เราต้องมาคลายความหลง หรือว่ามาแยกรูปแยกนาม ในภาษาธรรมที่เรียกว่า แยกรูปแยกนาม
เราเจริญสติเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์ จนใจของเราคลายจากขันธ์ห้านั่นแหละท่านเรียกถึงว่า แยกรูปแยกนาม สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้ การตามดู การรู้การเห็น การทำความเข้าใจ คำว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร อัตตาอนัตตาในหลักธรรมเป็นลักษณะอย่างไร สมมติวิมุตติ ภาษาสมมติภาษาวิมุตติ กายทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร เราต้องรู้ต้องเห็น ต้องทำความเข้าใจแล้วก็ละออกให้หมด คลายออกให้หมด ให้เหลือตั้งแต่ความสงบความบริสุทธิ์ของใจ นั่นแหละเราก็จะอยู่กับบุญ
การพูดง่ายอยู่ การกระทำการลงมือจริงๆ นี่มันลำบาก ต้องเป็นบุคคลมีความเพียรเป็นเลิศ ทุกเรื่องในกายของเรา รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในวิญญาณในกายของเรา อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจอะไรที่จะมีคุณค่ามีประโยชน์เราก็พยายามทำ ประโยชน์ภายนอก ประโยชน์ภายใน ประโยชน์สมมติ ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ อะไรที่จะเป็นบุญเป็นกุศล อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ให้รีบทำ
ถ้าหมดโอกาสแล้วก็มีตั้งแต่เรื่องบุญกับบาป เราละบาปสร้างบุญ ไม่ยึดติดในบุญ ทำความเข้าใจให้ถูกต้องตามแนวทางของพระพุทธองค์ ด้วยการเข้าไปเจริญสติเข้าไปอบรมใจ ยังใจของเราให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้หลุดพ้น จากความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ ได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งเสียดายเวลา ทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็มีส่วนแห่งบุญ ไม่มีมากก็มีน้อย เราก็พยายามทำกัน
ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้น ไล่เรียงลงไปจนกระทั่งจะหมดลมหายใจโน้นแหละ ไม่ใช่เฉพาะเวลานี้เวลาเดียว หมดลมหายใจ ตราบใดที่ใจเรายังเกิดก็ต้องไปเกิดต่อ ถึงจะเกิดก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญ จะได้มีความสุขจะได้ไม่ลำบากไม่ได้ทุกข์ทรมานในวันข้างหน้า วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนนี้มี ปีหน้ามี ภพหน้ามี พ่อแม่พี่น้องมี เราก็ต้องทำความเข้าใจ สร้างสะสมคุณงามความดี อย่าไปมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
ทุกคนเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม การทำบุญให้ทานทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ตื่นขึ้นมาโน้น เราให้อภัยทาน อโหสิกรรม การกระทำของเราให้ถึงพร้อม เราเป็นบุคคลที่เป็นระเบียบ รู้จักจัดระบบระเบียบทั้งกายวาจาใจ ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนคนอื่น สร้างความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น ค่อยไล่เรียงไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีมีขันธ์ห้าเหมือนกันหมด แต่ต่างเพศต่างภาวะ ให้เราเคารพกันในเพศในภาวะ ในระดับของสมมติ ถ้าใจละวางได้หมดแล้วก็มีตั้งแต่ความว่างเปล่า ใจว่างเราก็มองเห็นโลกนี้เป็นของว่าง ใจว่างจากการเกิด ว่างจากกิเลส ว่างจากขันธ์ห้า แต่ในทางสมมติกายของเราก็มีอยู่ หมดลมหายใจนั่นแหละ กายก้อนนี้ก็จะกลับคืนสู่สภาพเดิม คือ ดินน้ำลมไฟ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความตายนี่มีกันทุกคน เกิดมาเท่าไรตายหมด
ตั้งใจรับพรกัน