หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 12 วันที่ 19 มกราคม 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 12 วันที่ 19 มกราคม 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 12 วันที่ 19 มกราคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 12
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 19 มกราคม 2560

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พวกท่านได้เจริญสติแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ

พยายามหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ การสร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าหายใจออกให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง เขาเรียกว่า สัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม รู้ตัวรู้กาย และก็ลึกลงไปก็รู้ใจ รู้ความปกติของใจ เห็นอาการเกิดการดับของใจ เห็นอาการเกิดการดับของขันธ์ห้า ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมาเขาเรียกว่า สติ ถ้ารู้เท่ารู้ทัน เห็นการแยกการคลายของใจกับอาการของใจ ซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม หรือว่าสมมติวิมุตติ เราก็จะเข้าใจ เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า รู้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเรา เราก็จะมองเห็นความเป็นจริง ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน

การทำบุญให้ทาน ศรัทธาทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่เป็นศรัทธาที่ยังขาดปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริง ขาดปัญญาที่แยกรูปแยกนาม แต่ปัญญาทางสมมติก็อาจจะถูกต้องอยู่ในระดับของสมมติ แต่ปัญญาในทางธรรมยังแยกไม่ได้ เราอาจจะละกิเลสได้บางช่วงบางครั้งบางคราว แต่เราละไม่ได้หมด เราดับความเกิดของใจไม่ได้หมด เพราะว่าใจยังเกิดยังหลงขันธ์ห้าอยู่ ก็ต้องพยายามหมั่นอบรมใจ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล

รู้ เมื่อใจของเรารู้ความจริงว่าการเกิดเป็นทุกข์ เขาก็ไม่เกิด เป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา แต่เวลานี้ใจของเราทั้งเกิดด้วยทั้งหลงด้วย ทั้งยึดทุกสิ่งทุกอย่างด้วย เพราะว่าใจยังไม่ได้คลายจากขันธ์ห้า มีเรื่องเดียว มีเรื่องเดียวนี้แหละ เพราะเป็นงานของทุกคนที่จะต้องทำ ต้องทำความเข้าใจกับชีวิตของเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น

อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา เอาไปใช้อย่างไร ปฏิบัติธรรมก็ให้รู้จักอันนี้คือสติปัญญานะ อันนี้คือใจ อันนี้คืออาการของใจ ที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ การแยกรูปแยกนามเป็นอย่างไร ทุกคนก็มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ในระดับหนึ่ง เราก็มาทำความเข้าใจ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่ได้กลับมาเกิดกัน

การฝึกหัดปฏิบัติต้องทุกขณะลมหายใจเข้าออก ทุกขณะจิต ช่วงที่เรายังรู้ไม่ทันทุกขณะลมหายใจเข้าออกนี้แหละความรู้ตัวจะพลั้งเผลอ พลั้งเผลอก็เริ่มขึ้นมาใหม่ พลั้งเผลอก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ขัดเกลาทีละเล็กทีละน้อย สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน

ถ้าเราหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ หัดสำรวจ หัดทำความเข้าใจ สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตน สร้างความเสียสละ สร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา การปฏิบัติก็จะไปได้เร็วได้ไว ยิ่งรู้ฐานการเกิดของใจ ก็ยิ่งจะไปได้เร็วได้ไว ก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย

บุคคลที่มีบุญ มีอานิสงส์ มีกุศลฟังนิดเดียว จะดูใจ รู้ใจตั้งแต่ตื่นขึ้นมาขณะนี้ใจของเราบริสุทธิ์ ใจของเราสงบ ใจของเรามีความกังวลฟุ้งซ่าน ก็รู้จักดับรู้จักแก้ เหตุสมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี อะไรขาดตกบกพร่อง อะไรที่จะทำก่อนอะไรทำหลัง ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล พิจารณาทุกอย่าง พิจารณาทุกเรื่อง จนกระทั่งถึงความบริสุทธิ์ของใจเรา ก็ต้องพยายาม ไม่มีอะไรมากมายเลยถ้าเรารู้จักเจริญสติค้นลงที่กายของเรา แต่การขัดเกลากิเลสนี้บางทีมันก็ลำบาก เพราะว่ากิเลสนี้เปรียบเสมือนกับยางเหนียว

ความเกิด ตราบใดที่ใจยังหลงอยู่ก็ต้องเกิด เรามาคลายความหลง มาละกิเลส แล้วก็มาดับความเกิด ทำความเข้าใจว่ากิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร มีหมดอยู่ในกายของเรา ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันปล่อยปะละเลย อย่าพากันเกียจคร้าน จงพยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร ผิดพลาดเริ่มใหม่ ผิดพลาดเริ่มใหม่ การทำบุญให้ทาน การเสียสละมีกันทุกคน ก็ต้องพยายามนะ เราพยายามเตรียมพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง ยังสมมติของเราให้เกิดประโยชน์ ใครมีหน้าที่อย่างไรก็ช่วยกันทำ ช่วยกันทำ

แต่กิเลสภายในเราต้องหมั่นขัด หมั่นเกลา หมั่นเอาออก หมั่นสำรวจสำรวม ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา มองลงไปที่ใจของเรา รู้ไปที่ใจของเรา ใจเกิดกิเลสเมื่อไรเราก็ดับ ใจส่งไปภายนอกเมื่อไรเราก็ดับ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งท่านเรียกว่า รอบรู้ในกายสังขาร รอบรู้ในดวงวิญญาณในขันธ์ห้า รอบรู้ในโลกธรรมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ยังสมมติให้เกิดประโยชน์ วิมุตติภายในเราก็พยายามทำให้หลุดพ้น อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ก็ต้องพยายามกันนะ

สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจน อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง