หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 1 วันที่ 1 มกราคม 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 1 วันที่ 1 มกราคม 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 1 วันที่ 1 มกราคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 1
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 1 มกราคม 2560

มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ เมื่อคืนนี้ก็ญาติโยมพี่น้องของเราพากันมาทำวัตรสวดมนต์ข้ามปีก็หลายร้อยคนอยู่ แรงบุญแรงศรัทธาอันแก่กล้า ขนาดฝนตกเทวดาโปรยน้ำทิพย์ชโลมลงมาให้ ก็ไม่ยอมกลับจนทำวัตรสวดมนต์เป็นศิริมงคลเสร็จถึงได้แยกย้ายกันไป หลวงพ่อก็ขอขอบคุณเจ้าภาพโรงทานที่มาร่วมโรงทานก็หลายท่าน เมื่อคืนนี้ก็หลายท่านจนโต้รุ่ง อำนาจแห่งบุญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ให้เราพยายาม พยายามทำ อย่าไปปล่อยปละละเลย

ทำตั้งแต่ตื่นขึ้น สํารวจกายของเรา สํารวจใจของเรา สํารวจความเป็นอยู่ของเรา อะไรขาดตกบกพร่อง เราพยายามรีบแก้ไข แนวทางพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผย ให้สัตว์โลกก็คือพวกเรานี่แหละ มนุษย์นี่แหละที่พอที่จะเข้าใจในคําสอนของท่านได้ คําสอนของพระพุทธองค์ท่านสอนบอกเอาไว้

หลักของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คําว่าอัตตาอนัตตาเป็นอย่างไร สมมติวิมุตติเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากความหลงหรือว่าแยกรูปแยกนามเป็นอย่างไร ท่านชี้แนวทางเอาไว้ให้หมด พวกเราพยายามพากันเดิน เดินด้วยแรงบุญแรงศรัทธา แล้วก็เจริญสติให้เกิดปัญญา รู้แจ้งเห็นจริงตามคําสอนของพระพุทธองค์ ให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา เราก็จะมองเห็นหนทางเดินว่าจะไปอย่างไรมาอย่างไร

ใจของเราเป็นบุญเป็นกุศล หรือว่าเป็นอกุศล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน เราพยายามแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ในการทำความเข้าใจ สติปัญญา สมาธิ ก็จะรักษาเรา

แต่เวลานี้กําลังสติมีไม่เพียงพอ มีตั้งแต่ปัญญาของสมมติที่เอาไปใช้การใช้งาน ก็ถูกต้องอยู่ในระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้วต้องเจริญสติเข้าไปอบรมใจ ไปคลายความหลงหรือว่าแยกรูปแยกนาม แล้วขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร เราพยายามแก้ไขปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา จนปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ

ทุกอิริยาบถ ยืนเดิน นั่งนอน กินอยู่ ขับถ่าย กายของเราประกอบขึ้นมาด้วยอะไร ที่ท่านบอกว่าขันธ์ห้า เป็นกองทุกข์ ขันธ์ห้าเป็นกองเป็นขันธ์ คําว่า กอง คําว่า ขันธ์ ของพระพุทธองค์เป็นลักษณะอย่างไร เราต้องพยายามศึกษาค้นคว้า กองรูปเป็นอย่างนี้ กองนามเป็นอย่างนี้ กองนามยังแยกจําแนกแจกแจง แยกออกไปอีกเป็นหลายส่วน เรามาเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา อบรมไม่ทันเราก็ใช้สมถะ สร้างอานิสงส์ สร้างตบะบารมีให้เกิด ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามขัดเกลาละความตระหนี่เหนียวแน่น ขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา ใจของเรามีความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม ขัดเกลาอยู่ตลอดเวลา

อะไรคือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา อะไรคือใจ ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่คลายจากความหลง หรือว่าแยกรูปแยกนามเป็นลักษณะอย่างนี้ เราต้องพยายามดูรู้ ให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา

ถ้าใจของเรามองเห็นความเป็นจริง เขาก็จะคลายเขาก็จะวาง วางความยึดมั่นถือมั่น มองเห็นตามความเป็นจริง ทุกคนเกิดมาก็ด้วยแรงเหวี่ยงของกรรมมา ถ้าใจไม่เกิด ใจนี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด หลงอยู่วนเวียนอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ที่ท่านว่ามีขันธ์ห้าเป็นเครื่องอยู่ เราก็ต้องพยายามศึกษาขันธ์ห้าของเราหรือว่าร่างกายของเรานี่ให้เห็นชัดเจน เราไปนึกไปคิดเอาไม่ได้ ศรัทธาต้องให้ประกอบด้วยปัญญา ปัญญาต้องเกิดจากการเจริญภาวนา เอาสติปัญญาไปใช้ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนใจยอมรับความเป็นจริง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืนเดิน นั่งนอน กินอยู่ ขับถ่าย

ทุกคนก็สร้างบุญบารมีกันมาดี ทุกคนก็ฝักใฝ่ในบุญในกุศล แต่การเจริญสติมีไม่เพียงพอ เอาไปขัดเกลาไปจําแนกแจกแจง ใจไม่สังเกตใจ กับอาการของใจแยกแยะออกจากกันไม่ได้ ก็ต้องพยายามสร้างบุญสร้างอานิสงส์ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน เพราะทุกคนก็มีขันธ์ห้าเหมือนกันหมด

ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี ท่านให้พิจารณาทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จนกระทั่งหมดลมหายใจนั่นแหละ มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

ปฏิบัติธรรมก็ให้รู้จักธรรม อะไรคือตัวธรรม ตัวใจนั่นแหละตัวธรรม แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ เขายังหลงขันธ์ห้าอยู่ ก็ยังเป็นทาสของกิเลสอยู่ กิเลสก็มีหลายอย่าง กิเลสทั้งหยาบทั้งละเอียด กิเลสเกิดขึ้นที่กายเกิดขึ้นที่ใจ เพราะว่าการประพฤติปฏิบัติใจนี่เป็นของละเอียดอ่อน เราต้องพยายามหัดสังเกต หัดวิเคราะห์ หัดสํารวจ หัดทำความเข้าใจทุกขณะลมหายใจเข้าออก หรือว่าปัจจุบันธรรม คําว่า ปัจจุบันธรรม ในทางธรรมคือทุกขณะจิตทุกขณะลมหายใจเข้าออก

ช่วงใหม่ๆ ใจของเราหรือว่าจิตของเรานี่เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็หาเหตุหาผลมาอ้าง ขันธ์ห้าก็หาเหตุหาผลมาอ้าง นอกจากกําลังสติจะเข้มแข็งเร็วไว ชี้เหตุชี้ผล รู้เท่ารู้ทันรู้กันรู้แก้ แล้วก็รู้จําแนกแจกแจงจนใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้า นั่นแหละที่ท่านเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก แล้วก็ตามดูรู้เห็นตั้งแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปเป็นเรื่องอะไร เห็นอาการของขันธ์ห้า ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในวิญญาณในขันธ์ห้า รอบรู้ในโลกธรรมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว

อะไรเป็นบุญ อะไรเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ให้เราพยายามรีบตักตวง ขณะที่เรายังมีกําลังอยู่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนตั้งแต่ตื่นขึ้นมารีบทำบุญให้ตัวเรา ละความเกียจคร้าน สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความเป็นระเบียบ จัดระบบระเบียบทั้งกายทั้งวาจาทั้งใจทั้งสมมติ เราพยายามดำเนินให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น เรามีโอกาสมากที่สุดกว่าทุกสิ่ง การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็โอกาสวาสนามีอยู่แล้ว การทำบุญให้ทานก็มีอยู่แล้ว ทีนี้เราต้องทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริง

ปัญญาก็มีทั้งปัญญาของโลกียะ ปัญญาของโลกุตระ เราเปลี่ยนปัญญาของโลกียะเป็นปัญญาของโลกุตระ ปัญญาที่หลุดพ้น ปัญญาใหม่เราต้องสร้างขึ้นมา สร้างผู้รู้ ตัวใจของเราเป็นธาตุรู้ แต่ก็ยังหลงอยู่ หลงเกิด หลงเป็นทาสของกิเลส ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ในเมื่อเกิดมาอยู่ในภพมนุษย์เราต้องมาจําแนกแจกแจงให้ได้ว่าร่างกายของเรานี่มีอะไรบ้าง ส่วนรูป ส่วนนาม กองขันธ์ กองความคิด กองอารมณ์ กองรูป กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกันหมด เหมือนกับเราขึ้นบนบ้านก็อาศัยบันได บันไดนั้นก็มีลูกบันได รวมกันเป็นราวบันไดจนขึ้นถึงครัวเรือน เราก็ยังอาศัยบันไดอยู่เหมือนเดิม

เราเจริญสติลงที่กายของเรา ค้นคว้าลงไป ไม่เห็นวันนี้ก็ต้องเห็นพรุ่งนี้ ไม่เห็นพรุ่งนี้ก็เดือนหน้าปีหน้า ไม่เห็นจริงๆ ก็จะไปต่อเอาภพหน้า ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ พยายามสร้างสะสมคุณงามความดี สร้างสะสมบุญให้มีให้เกิดขึ้น อย่ามองข้ามบุญเล็กบุญน้อย ความเสียสละความอดทนอดกลั้น การสังเกตการวิเคราะห์ การให้อภัยอโหสิกรรม เราต้องพยายามจําแนกแจกแจงดูรู้ให้ละเอียด ไม่ต้องไปกังวลว่าจะไม่รู้ ไม่เห็นไม่เข้าใจ ตราบใดที่เรายังดำเนินอยู่ ขอให้ใจอยู่ในกองบุญเอาไว้ จะได้เป็นเข้าพกเข้าห่อ ถึงใจหลุดพ้นไปแล้ว ก็ยังสร้างบุญให้เต็มเปี่ยม สร้างอานิสงส์ให้เต็มเปี่ยม ให้เกิดประโยชน์เท่าที่โอกาสจะเอื้ออํานวยให้

หลวงพ่อก็จะพาทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์ อะไรที่จะเป็นบุญ ก็จะพาทำทุกอย่าง ไม่ปล่อยปละละเลย เราก็พยายามหัดสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ไม่มีใครจะสอนให้เราได้หรอก นอกจากตัวของเรา ท่านถึงบอกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ตนตัวแรกคือตัวใจ ตนตัวที่สองคือตัวสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ อบรมใจของเราจนใจของเราคลายจากความหลงแล้วก็ตามดูรู้เห็น ชี้เหตุชี้ผลจนใจยอมรับความเป็นจริงได้ การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เกิด การเป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญา ทำหน้าที่แทน ปัญญาสมมติ ปัญญาวิมุตติ ก็ต้องพยายามกันนะ ทุกๆ คน

วันนี้หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จก็นิมนต์พระเราทุกรูป ทั้งชีทั้งพระ ทั้งฆราวาสญาติโยม มีโอกาสก็ไปร่วมไปร่วมอัญเชิญไปบอกกล่าวเหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาทั้งหลาย ภพภูมิเจ้าที่ ที่ฝั่งลานเจดีย์ จะได้เชิญองค์แทนของหลวงพ่อขึ้นตั้งบนแท่น ก็เลยจะได้ทำพิธี บอกกล่าววิญญาณต่างๆ บอกกล่าวเหล่าเทวดาทั้งหลายให้มาร่วมกันมาช่วยกัน เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต

การคิดดีทำดี การกระทำให้ถึงพร้อม นั่นแหละคือความเป็นสิริมงคล ของชีวิตของเรา อะไรที่จะเป็นอกุศลเราก็พยายามละเสีย ละบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ เราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน ทำให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ใจที่ไม่มีกิเลสเขาก็บริสุทธิ์ ใจที่ไม่เกิดเขาก็นิ่ง ใจที่ไม่หลงเขาก็สะอาดเขาก็บริสุทธิ์ การขัดเกลากิเลสมี การทำความเข้าใจมี เราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์เราก็ได้ เราดับความเกิดบ่อยๆ ใจก็ไม่เกิด หนุนกําลังสติปัญญาไปเกิดแทน ไปทำหน้าที่แทน ทุกเรื่อง อย่าไปมองข้าม

พากันตั้งใจรับพรกัน
—------
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาท่านได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง อะไรคือสติปัญญา อะไรคือสติที่เราสร้างขึ้นมา เราสร้างให้ต่อเนื่องแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ ความคิดเก่าๆ ที่เกิดจากใจนั้นมีอยู่ ความคิดที่เกิดจากขันธ์ห้า หรือว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมมีกันทุกคน ก้อนรูปคือร่างกายก็มีกันทุกคน ส่วนความคิด ส่วนนามธรรมก็มีกันหมดทุกคน เรามาสร้างผู้รู้ให้ต่อเนื่อง สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องลงที่กายของเรา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย

รู้จักวิธีการ รู้จักแนวทางแล้ว เราพยายามพากันไปทำ ทำไมความรู้ตัวของเราถึงพลั้งเผลอ พลั้งเผลอก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ทำไมใจถึงเกิด การเกิดของใจเขาเกิดมาหลายภพหลายชาติ จนกระทั่งได้มาอยู่ในภพของมนุษย์ ท่านถึงให้เจริญสติลงไปจําแนกแจกแจงเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล มองเห็นความเป็นจริงของชีวิต เราจะดำเนินอย่างไร ไปอย่างไร มาอย่างไร ใจเป็นอกุศลหรือเป็นกุศล เราก็พยายามแก้ไขเสียขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง

ดูรู้ทำความเข้าใจ ชี้เหตุชี้ผล รูปนามเป็นอย่างนี้ การสังเกตรู้เท่าทันใจก็จะคลายออกจากขันธ์ห้า ใจก็จะว่าง กายก็จะเบา แต่กายก็ยังมีอยู่ ขันธ์ห้าก็ยังมีอยู่ ให้ใจของเรารับรู้ สติคอยดู เห็นเหตุเห็นผล ใจจะเกิดเราก็รู้จักดับ แต่เวลานี้ใจของเราเกิดเร็วไวมาก ท่านถึงเปรียบเอาไว้ ใจของคนเราเปรียบเสมือนกับลิง เราต้องเจริญสติเข้าไปผูก เข้าไปแก้ไข ใหม่ๆ ก็ทั้งผูกทั้งใช้ตบะ ทั้งเฆี่ยนทั้งตี สารพัดอย่างจนกว่าเขาจะอยู่ เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทน ใจเกิดความโลภละความโลภ ใจเกิดความโกรธละความโกรธ ด้วยการให้ด้วยการเอาออก ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามขัดเกลาเอาออก จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญา ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง

กายทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เกี่ยวเนื่องกันหมด ตั้งแต่การสร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมี ทำบุญให้ทาน การเจริญรักษาศีล เราต้องทำความเข้าใจ ศีลของพระพุทธองค์เป็นอย่างไร คำว่าปกตินั่นแหละคือศีล ศีลห้า ศีลแปด ศีลสิบ ก็เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา ปฏิบัติธรรมคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหนก็เพื่อที่จะแยกรูปแยกนาม คลายความหลงแล้วก็ละกิเลสออกให้หมดจากใจของเรา ทุกอิริยาบถ มองเห็นความบริสุทธิ์หลุดพ้น มองเห็นหนทางเดิน พยายามพากันทำ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง

ได้ก้อนบุญคือก้อนร่างกายก้อนนี้เข้ามา เรามีอานิสงส์มากมาย ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ หลังจากนั้นไปแล้ว กายของเราหมดสภาพแล้ว วิญญาณของเราจะไปอย่างไรต่อ เราต้องพยายามกำหนดกฎเกณฑ์ มองเห็นหนทางเอา ถ้าเราแก้เราไม่ได้ ก็ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้ นอกจากตัวของเรา อย่าไปลังเลสงสัยในคําสอนของพระพุทธองค์

เราพยายามปฏิบัติตามคําว่าหลักของอริยสัจ ใจส่งไปภายนอกเป็นอย่างไร การดับ การแยก การละ การสร้างบารมีเป็นอย่างไร จนปรากฏขึ้นที่ใจของเรา จนใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้ ชี้เหตุชี้ผลได้ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ เป็นบุคคลที่มีการขัดเกลาเอาออกเป็นเลิศ ถึงได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำนะ อย่าไปทิ้งบุญ

สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจน ให้ชัดแจ้ง อยู่คนเดียวรู้ลมหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ทำใจให้ว่าง สมองให้โล่ง ทำกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง