หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 76 วันที่ 20 ตุลาคม 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 76 วันที่ 20 ตุลาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 76
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 20 ตุลาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาด ถึงเราหยุดไม่ได้ต่อเนื่อง ก็ขอให้หยุดขณะที่เรากำลังนั่งฟังอยู่นี่แหละ
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าหายใจออก พวกเราก็พยายามสร้างความรู้ตัวให้เกิด ให้เกิดความชำนาญตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บก็รู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออก เวลาหายใจเข้ามีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า สติสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม
ความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราก็จะรู้ลักษณะการเกิดของใจ เห็นอาการการเกิดของใจ การเกิดของความคิดซึ่งมีอยู่เดิม เขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดได้อย่างไร ทำไมเขาถึงเกิด ทำไมเขาถึงหลง ถ้าเรามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเข้าไปเห็น จนใจของเราคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่นหรือว่าแยกรูปแยกนามได้ ใจของเราหงายขึ้นมา ใจก็จะเบา กายก็จะโล่งโปร่ง ใจก็จะว่าง ว่างรับรู้
ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี้แหละ จะตามเห็น ตามดู ตามรู้ ตามทำความเข้าใจ จากสติก็จะกลายเป็นมหาสติ จากมหาสติก็จะกลายเป็นมหาปัญญา จากมหาปัญญาก็จะกลายเป็นปัญญารอบรู้ในวิญญาณ หรือว่ารอบรู้ในใจของเรา รอบรู้ในกองสังขาร ค่อยพิจารณา ค่อยแก้ไข พยายามขยันหมั่นเพียร
แต่ละวันตื่นขึ้นมา เรามีความขยันเพียงพอหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบต่อตัวเรา ต่อสมมติหรือเปล่า เรารู้จักขัดเกลากิเลส ละกิเลส ใจที่ปราศจากการเกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใช้ปัญญาอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ท่านถึงเรียกว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน คือสติปัญญาเป็นที่พึ่งของใจ เวลานี้ใจของเราทั้งหลง ทั้งเกิด ทั้งยึด สารพัดเรื่องสารพัดอย่าง ท่านก็ให้แก้ไขด้วยการสร้างตบะบารมี
ใจของเราเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภให้จิตใจของเราเบาบาง ใจของเราเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธด้วยการให้อภัย อโหสิกรรม เจริญพรหมวิหาร มองโลกในทางที่ดี เรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร เรามีความไม่รับผิดชอบ เราก็พยายามสร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้นแต่ละวันๆ จนเป็นอัตโนมัติ จนเป็นความเคยชินในการดูในการรู้ว่า อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง
หลวงพ่อก็เล่าให้ฟังทุกวัน เล่าเรื่องเก่าของเก่า ถ้าบุคคลใดมีความเพียร การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างนี้ สติที่ต่อเนื่องเอาไปใช้การใช้งานเป็นอย่างนี้ การรู้ การเห็น การตามทำความเข้าใจว่าเราติดขัดอะไร สมมติอะไรเราติดขัด เราก็แก้ไข รีบแก้ไข
ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในวิญญาณ ในกายของเรา รอบรู้ในปัจจัยสี่ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว รอบรู้ในโลกธรรมคือความเป็นอยู่ทางสมมติ เราก็ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ถ้าความเป็นอยู่ขาดตกบกพร่อง อันโน้นก็ขาด อันนี้ก็ขาด การปฏิบัติใจก็ยากที่จะเข้าถึงจุดหมายปลายทางได้
เราก็ต้องพยายามแก้ทั้งภายนอกด้วย ละทั้งภายในด้วย ควบคู่กันไป จนกำลังสติปัญญาของเราชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้ นั่นแหละสักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าไปมองข้าม บุญเล็กๆ น้อยๆ คิดดีก็เป็นบุญ ทำดีก็เป็นบุญ การกระทำของเราให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์
อันนี้ก็ใกล้จะออกพรรษา ก็เหลืออีกไม่นาน ก็เหลืออีกอาทิตย์กว่าๆ ก็จะออกพรรษากัน ออกพรรษาก็งานกฐินที่วัดของเรานี้ งานกฐินวันที่ 11 พฤศจิกายน ญาติโยมท่านใดปรารถนาอยากจะนำพริกเขือเกลือปลาร้า ผลหมากรากไม้ ใกล้ๆ จะถึงวันงานกฐินก็มาจัดร่วมกัน หรือว่าญาติโยมท่านใดปรารถนาที่จะมาตั้งกองกฐินร่วมกัน เป็นกฐินสามัคคี เพื่อที่จะนำปัจจัยไปสร้างมหาเจดีย์ใหญ่ สร้างทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละที่ให้เกิดประโยชน์
มีโอกาสก็ขอเชิญพี่น้องของเรามาร่วมกัน ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล อยู่ที่ไหน กายของเราไม่ได้มา ก็น้อมใจของเราเข้ามาอนุโมทนาสาธุ เราก็จะมีส่วนแห่งบุญ ค่อยสร้างสะสมบุญบารมีไปทีละเล็กละน้อย จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางคือความบริสุทธิ์หลุดพ้นของใจไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ให้ชัดเจนกันนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 20 ตุลาคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาด ถึงเราหยุดไม่ได้ต่อเนื่อง ก็ขอให้หยุดขณะที่เรากำลังนั่งฟังอยู่นี่แหละ
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าหายใจออก พวกเราก็พยายามสร้างความรู้ตัวให้เกิด ให้เกิดความชำนาญตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บก็รู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออก เวลาหายใจเข้ามีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกมีความรู้สึกรับรู้อยู่ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า สติสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม
ความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราก็จะรู้ลักษณะการเกิดของใจ เห็นอาการการเกิดของใจ การเกิดของความคิดซึ่งมีอยู่เดิม เขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดได้อย่างไร ทำไมเขาถึงเกิด ทำไมเขาถึงหลง ถ้าเรามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเข้าไปเห็น จนใจของเราคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่นหรือว่าแยกรูปแยกนามได้ ใจของเราหงายขึ้นมา ใจก็จะเบา กายก็จะโล่งโปร่ง ใจก็จะว่าง ว่างรับรู้
ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี้แหละ จะตามเห็น ตามดู ตามรู้ ตามทำความเข้าใจ จากสติก็จะกลายเป็นมหาสติ จากมหาสติก็จะกลายเป็นมหาปัญญา จากมหาปัญญาก็จะกลายเป็นปัญญารอบรู้ในวิญญาณ หรือว่ารอบรู้ในใจของเรา รอบรู้ในกองสังขาร ค่อยพิจารณา ค่อยแก้ไข พยายามขยันหมั่นเพียร
แต่ละวันตื่นขึ้นมา เรามีความขยันเพียงพอหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบต่อตัวเรา ต่อสมมติหรือเปล่า เรารู้จักขัดเกลากิเลส ละกิเลส ใจที่ปราศจากการเกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใช้ปัญญาอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ท่านถึงเรียกว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน คือสติปัญญาเป็นที่พึ่งของใจ เวลานี้ใจของเราทั้งหลง ทั้งเกิด ทั้งยึด สารพัดเรื่องสารพัดอย่าง ท่านก็ให้แก้ไขด้วยการสร้างตบะบารมี
ใจของเราเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภให้จิตใจของเราเบาบาง ใจของเราเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธด้วยการให้อภัย อโหสิกรรม เจริญพรหมวิหาร มองโลกในทางที่ดี เรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร เรามีความไม่รับผิดชอบ เราก็พยายามสร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้นแต่ละวันๆ จนเป็นอัตโนมัติ จนเป็นความเคยชินในการดูในการรู้ว่า อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง
หลวงพ่อก็เล่าให้ฟังทุกวัน เล่าเรื่องเก่าของเก่า ถ้าบุคคลใดมีความเพียร การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างนี้ สติที่ต่อเนื่องเอาไปใช้การใช้งานเป็นอย่างนี้ การรู้ การเห็น การตามทำความเข้าใจว่าเราติดขัดอะไร สมมติอะไรเราติดขัด เราก็แก้ไข รีบแก้ไข
ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในวิญญาณ ในกายของเรา รอบรู้ในปัจจัยสี่ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว รอบรู้ในโลกธรรมคือความเป็นอยู่ทางสมมติ เราก็ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ถ้าความเป็นอยู่ขาดตกบกพร่อง อันโน้นก็ขาด อันนี้ก็ขาด การปฏิบัติใจก็ยากที่จะเข้าถึงจุดหมายปลายทางได้
เราก็ต้องพยายามแก้ทั้งภายนอกด้วย ละทั้งภายในด้วย ควบคู่กันไป จนกำลังสติปัญญาของเราชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนใจของเรายอมรับความเป็นจริงได้ นั่นแหละสักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าไปมองข้าม บุญเล็กๆ น้อยๆ คิดดีก็เป็นบุญ ทำดีก็เป็นบุญ การกระทำของเราให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์
อันนี้ก็ใกล้จะออกพรรษา ก็เหลืออีกไม่นาน ก็เหลืออีกอาทิตย์กว่าๆ ก็จะออกพรรษากัน ออกพรรษาก็งานกฐินที่วัดของเรานี้ งานกฐินวันที่ 11 พฤศจิกายน ญาติโยมท่านใดปรารถนาอยากจะนำพริกเขือเกลือปลาร้า ผลหมากรากไม้ ใกล้ๆ จะถึงวันงานกฐินก็มาจัดร่วมกัน หรือว่าญาติโยมท่านใดปรารถนาที่จะมาตั้งกองกฐินร่วมกัน เป็นกฐินสามัคคี เพื่อที่จะนำปัจจัยไปสร้างมหาเจดีย์ใหญ่ สร้างทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละที่ให้เกิดประโยชน์
มีโอกาสก็ขอเชิญพี่น้องของเรามาร่วมกัน ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล อยู่ที่ไหน กายของเราไม่ได้มา ก็น้อมใจของเราเข้ามาอนุโมทนาสาธุ เราก็จะมีส่วนแห่งบุญ ค่อยสร้างสะสมบุญบารมีไปทีละเล็กละน้อย จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางคือความบริสุทธิ์หลุดพ้นของใจไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ให้ชัดเจนกันนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกัน
ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ