หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 63 วันที่ 2 กันยายน 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 63 วันที่ 2 กันยายน 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
คัดย่อ
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 63
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 2 กันยายน 2561
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ที่เท่าไรนะ วันอาทิตย์ที่ 2 กันยา เผลอแผล็บเดียวจะกลางพรรษาแล้ว วันเดือนปีนี้เร็วไวจะพากันประมาท พากันวิเคราะห์ทำความเข้าใจ สำรวจใจของเราแต่ละวัน ทุกวันทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีแต่เรื่องของเรา รู้การเกิดการดับ รู้การขัดเกลากิเลส อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา งานสมมติเราก็พยายามทำให้ดี อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็พากันทำ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล เราก็พลอยได้รับประโยชน์ในสิ่งที่เราทำ คนอื่นก็พลอยได้รับประโยชน์ในสิ่งที่เราทำ
ทุกคนเกิดมาเท่าไร ถึงเวลาตายก็ตายหมด เพราะว่ามีการเกิดก็มีการดับ เพราะว่าคนเราเกิดมา เกิดมาแล้วก็รีบ รีบตักตวง รีบพิจารณา สร้างคุณงามความดี แก้ไขจิตใจของเราให้เข้าถึงความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น โอกาสมีมากมายขณะที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์เรานี้แหละที่เข้าถึงธรรมได้มากที่สุด พระพุทธองค์ท่านถึงได้อุบัติมาเกิดในภพของมนุษย์ แล้วก็มาค้นคว้าทำความเข้าใจ ชี้แนะแนวทางเห็นหนทางเดิน เห็นหนทางเดินในทางที่ไม่ต้องกลับมาทุกข์ทรมานอีก
การเกิดเป็นทุกข์ ไม่ว่าเกิดทางด้านรูปธรรม ไม่ว่าเกิดทางด้านนามธรรมทางด้านจิตใจ แต่เวลานี้เราเกิดมาในภพของมนุษย์ ตัวใจของเรามาสร้างภพมนุษย์ พระพุทธองค์ท่านถึงให้เจริญสติหรือว่ามาสร้าง ‘ผู้รู้’ ลงที่กายของเรา เข้าไปอบรมใจของเราจนเห็นเหตุเห็นผล จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า คลายความยึดมั่นถือมั่น คลายความหลงหรือท่านเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก ใจคลายออกจากความหลง คลายออกจากขันธ์ห้า ในส่วนนามธรรมมีกันทุกคน ถ้าเรามาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์จำแนกแจกแจงดู
ส่วนศรัทธาการทำบุญให้ทานรู้สึกว่ามีกันเต็มเปี่ยม แต่ว่าการเจริญสติอาจจะมีเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราวไม่ต่อเนื่อง ไม่สามารถที่จะเอาไปใช้การใช้งานได้ การควบคุมใจอาจจะมีเป็นบางครั้งบางเรื่อง จะเข้าไปดับทุกข์ได้จริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ เจริญสติเข้าไปอบรมใจ จำแนกแจกแจงแยกแยะ อะไรคือกองวิญญาณ อะไรคือกองสังขาร กองรูป กองนาม รู้ความเป็นจริง หนุนกำลังสติปัญญาไปใช้ ทุกเวลาทุกเรื่อง
ตั้งแต่ตื่นขึ้น จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำใจปกติ ทำกับข้าวกับปลาใจปกติ รับประทานข้าวปลาอาหารใจก็ปกติ ท่านให้รู้จักพิจารณา ส่วนมากก็ไม่ค่อยจะพิจารณากันเท่าไร ทำไปตามวิบากของกรรม ทำไปตามธรรมชาติ
ใจที่ยังเกิด ใจที่ยังหลง การเกิดของใจมีกันทุกคน มีกันทุกคน เกิดมากเกิดน้อย ถ้าเราได้เจริญสติรู้จักลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่อง เราก็จะเห็น เห็นการเกิดของใจ เห็นการเกิดของขันธ์ห้า ยิ่งมีความสุขในการดู ในการรู้ว่ากิเลสตัวไหนจะมาเล่นงานเรา จะมาหลอกเรา เราจะพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหน ค่อยจำแนกแจกแจงลงไปในส่วนรายละเอียด
ส่วนงานสมมติก็ช่วยกันทำ ทั้งพระทั้งชีก็ช่วยกันทำ วันนี้หลวงพ่อก็ขออนุญาตหมู่คณะลงไปปักธงชัยสัก 2-3 วัน ไปทำธุระเรื่องการสร้างองค์หลวงปู่ใหญ่ นำแบบพิมพ์มาแล้วก็จะไปดู ทั้งได้รับนิมนต์ทางท่านแม่ทัพที่นครราชสีมา ที่ปักธงชัย ก็ขออนุญาตหมู่คณะไปสัก 2-3 วัน ส่วนที่ยังอยู่ก็ช่วยกัน มีอะไรก็ช่วยกัน รู้จักหน้าที่รู้จักรับผิดชอบ ความเสียสละความอดทน การให้อภัย มาอยู่รวมกันร่วมกันมากๆ ต่างคนต่างมาจากคนละทิศละที่ ต่างคนก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ เราก็พยายาม
การบวชเป็นพระ การบวชเป็นชี ความมุ่งหมายอยู่ที่ไหน เราพยายามให้เข้าถึงความหมายนั้นๆ ตามคำสอนของพระพุทธองค์ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ สติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ การควบคุมใจ การดับ การวิเคราะห์ การแยกการคลาย การอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เห็นตั้งแต่ความตระหนี่ ความเกียจคร้าน นิวรณ์เข้าครอบงำ อย่างนั้นใช้การไม่ได้
เราจงเป็นบุคคลที่ขยัน ขยันทั้งหมั่นเพียรทั้งภายนอกภายใน มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ หมั่นขัดเกลากิเลส รู้จักอนุเคราะห์ช่วยเหลือหมู่คณะ ช่วยเหลือตัวเองล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ ไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน สร้างความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น แล้วก็พิจารณาทั้งส่วนนามธรรม ส่วนรูปธรรม ส่วนมากก็มองเห็นด้วยตาเนื้อ แต่ตาปัญญาที่เห็นการเกิดการดับ รู้ลักษณะการเกิดการดับของใจนั้นยาก ถ้าไม่มีความเพียรที่ถูกต้องจริงๆ ก็ยากอยู่
เรารู้อยู่ว่าเพียงแค่เราคิด ทำตามความคิด แต่พระพุทธองค์ท่านให้เน้นลงไปอีกว่า ความเกิดนั่นแหละคือความหลงอันละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ในเมื่อเขาได้มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาสร้างร่างกายขันธ์ห้าขึ้นมาปิดกั้น อาศัยกายนี้อยู่ ท่านก็ให้จำแนกแจกแจงว่า กายทำหน้าที่อย่างไร ใจทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ให้มองให้รู้ ให้เห็นด้วยปัญญา ที่เกิดจากการเจริญภาวนา เกิดจากการเจริญสติ สติที่ต่อเนื่องเอาไปใช้การใช้งาน จนเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล จนใจยอมรับความเป็นจริง รู้จักจุดปล่อยจุดวางได้ ถ้าทำความเข้าใจได้ถูกต้อง ใจก็ยอมจำนน รู้จักอดทนอดกลั้น รู้จักหยุดรู้จักดับ รู้จักสร้างตบะ เรามีโอกาสอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
การเจริญสติที่ต่อเนื่องจาก 1 ครั้ง 2 ครั้ง ไปเป็น 10 ครั้ง 20 ครั้ง เป็นนาที 2 นาที 5 นาที 10 นาที จนเอาไปใช้การใช้งานได้ จนเป็นมหาสติมหาปัญญานั่นแหละ จนปัญญาเต็มรอบ ขัดเกลากิเลสได้หมดจด ดับความเกิดได้หมดจด เราก็จะอยู่อย่างมีความสุข อยู่มองโลกนี้ด้วยความว่าง
ในความว่างนั้นมีองค์ธรรม คือตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม ใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่ไม่เกิดเขาก็นิ่ง ใจไม่มีกิเลสเขาก็บริสุทธิ์ หนุนกำลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทน จะทำมากทำน้อย เอามากเอาน้อย ก็เป็นเรื่องของปัญญา เพื่อยังสมมติไม่ให้ได้ลำบาก ก็ต้องศึกษากัน ทั้งพระทั้งชี
ไม่ใช่ว่าไปโทษคนโน้นเป็นอย่างนั้น โทษคนนี้เป็นอย่างนี้ ก็กิเลสของเรานั่นแหละมันถึงไปมอง คอยจับผิดคนโน้นจับผิดคนนี้ คอยหมั่นพร่ำสอนใจของเรา มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี การกระทำก็ให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่าไปที่ไหนก็ ที่โน่นก็ มีตั้งแต่กิเลส กิเลสเป็นหน้าตาเป็นอย่างไรไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ มีแต่เรื่องของคนอื่นแทนที่จะเป็นเรื่องของตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา
กิเลสเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน กิเลสต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ เขาก็หาเหตุหาผลมาหลอกล่อเหมือนกัน ตัวขันธ์ห้าก็มาหลอกใจ แม้แต่ใจยังหลอกตัวเอง ภาษาธรรมท่านเรียกว่า จิตหลอกจิต มันก็หลอก แม้แต่การปล่อยวาง แล้วการเกิดของใจมันก็หลอกด้วยความว่างก็มี ใจมันหยุดบริสุทธิ์หยุดนิ่งก็เหลือตั้งแต่สติปัญญา สติปัญญาก็ยังหลอกตัวเองอีกว่าเราต้องการสิ่งโน้นต้องการสิ่งนี้ ละเอียดสลับซับซ้อนกันมากมาย
ถ้าบุคคลที่ไม่มีความเพียรจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าใจ อย่างน้อยๆ ก็อย่าพากันทิ้งบุญ พยายามหมั่นทำบุญหมั่นให้ทาน มีความเสียสละขัดเกลากิเลส ความมุ่งหมายของการให้ทานก็เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสนั่นแหละออกจากใจของเรา ใจของเราก็จะได้เบาบางจากกิเลสต่างๆ ดับความโกรธให้อภัย อโหสิกรรม ใจก็จะค่อยเบาบางลงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะละกิเลสออกจากใจหมด จนกว่าจะดับความเกิดของใจได้หมดจด
การเกิดนั่นแหละคือความเป็นทุกข์ ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ที่นี่เขาหลงมาเกิด สร้างอะไรมากมาย สร้างร่างกายขึ้นมาก็ยึดติดในร่างกาย แล้วก็ไปยึดภายนอกอีก ถ้าเราเข้าใจแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นบุญหมด ทำกายให้เป็นบุญ ทำใจให้เป็นบุญ ยังสมมติให้เป็นบุญ เราก็จะอยู่กับบุญตลอด บุญมากบุญน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย
หลวงพ่อก็เพียงเล่าให้พวกท่านฟัง ถ้าไม่ไปทำก็ไม่เกิดประโยชน์ การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ก็เป็นแค่เพียงการสื่อความหมายของสมมติ ถ้าพวกท่านไม่พากันไปทำไปสร้าง ให้มีให้เกิดขึ้น ให้ปรากฏขึ้นที่ใจ มันก็ยากที่จะเข้าถึง ทั้งที่ใจก็อยู่กับบุญนั่นแหละ ก็ต้องพยายามกัน
ตั้งใจรับพรกัน
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 2 กันยายน 2561
มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เป็นวันอาทิตย์ที่เท่าไรนะ วันอาทิตย์ที่ 2 กันยา เผลอแผล็บเดียวจะกลางพรรษาแล้ว วันเดือนปีนี้เร็วไวจะพากันประมาท พากันวิเคราะห์ทำความเข้าใจ สำรวจใจของเราแต่ละวัน ทุกวันทุกเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีแต่เรื่องของเรา รู้การเกิดการดับ รู้การขัดเกลากิเลส อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา งานสมมติเราก็พยายามทำให้ดี อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็พากันทำ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล เราก็พลอยได้รับประโยชน์ในสิ่งที่เราทำ คนอื่นก็พลอยได้รับประโยชน์ในสิ่งที่เราทำ
ทุกคนเกิดมาเท่าไร ถึงเวลาตายก็ตายหมด เพราะว่ามีการเกิดก็มีการดับ เพราะว่าคนเราเกิดมา เกิดมาแล้วก็รีบ รีบตักตวง รีบพิจารณา สร้างคุณงามความดี แก้ไขจิตใจของเราให้เข้าถึงความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น โอกาสมีมากมายขณะที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์เรานี้แหละที่เข้าถึงธรรมได้มากที่สุด พระพุทธองค์ท่านถึงได้อุบัติมาเกิดในภพของมนุษย์ แล้วก็มาค้นคว้าทำความเข้าใจ ชี้แนะแนวทางเห็นหนทางเดิน เห็นหนทางเดินในทางที่ไม่ต้องกลับมาทุกข์ทรมานอีก
การเกิดเป็นทุกข์ ไม่ว่าเกิดทางด้านรูปธรรม ไม่ว่าเกิดทางด้านนามธรรมทางด้านจิตใจ แต่เวลานี้เราเกิดมาในภพของมนุษย์ ตัวใจของเรามาสร้างภพมนุษย์ พระพุทธองค์ท่านถึงให้เจริญสติหรือว่ามาสร้าง ‘ผู้รู้’ ลงที่กายของเรา เข้าไปอบรมใจของเราจนเห็นเหตุเห็นผล จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า คลายความยึดมั่นถือมั่น คลายความหลงหรือท่านเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก ใจคลายออกจากความหลง คลายออกจากขันธ์ห้า ในส่วนนามธรรมมีกันทุกคน ถ้าเรามาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์จำแนกแจกแจงดู
ส่วนศรัทธาการทำบุญให้ทานรู้สึกว่ามีกันเต็มเปี่ยม แต่ว่าการเจริญสติอาจจะมีเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราวไม่ต่อเนื่อง ไม่สามารถที่จะเอาไปใช้การใช้งานได้ การควบคุมใจอาจจะมีเป็นบางครั้งบางเรื่อง จะเข้าไปดับทุกข์ได้จริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ เจริญสติเข้าไปอบรมใจ จำแนกแจกแจงแยกแยะ อะไรคือกองวิญญาณ อะไรคือกองสังขาร กองรูป กองนาม รู้ความเป็นจริง หนุนกำลังสติปัญญาไปใช้ ทุกเวลาทุกเรื่อง
ตั้งแต่ตื่นขึ้น จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำใจปกติ ทำกับข้าวกับปลาใจปกติ รับประทานข้าวปลาอาหารใจก็ปกติ ท่านให้รู้จักพิจารณา ส่วนมากก็ไม่ค่อยจะพิจารณากันเท่าไร ทำไปตามวิบากของกรรม ทำไปตามธรรมชาติ
ใจที่ยังเกิด ใจที่ยังหลง การเกิดของใจมีกันทุกคน มีกันทุกคน เกิดมากเกิดน้อย ถ้าเราได้เจริญสติรู้จักลักษณะของการเจริญสติที่ต่อเนื่อง เราก็จะเห็น เห็นการเกิดของใจ เห็นการเกิดของขันธ์ห้า ยิ่งมีความสุขในการดู ในการรู้ว่ากิเลสตัวไหนจะมาเล่นงานเรา จะมาหลอกเรา เราจะพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหน ค่อยจำแนกแจกแจงลงไปในส่วนรายละเอียด
ส่วนงานสมมติก็ช่วยกันทำ ทั้งพระทั้งชีก็ช่วยกันทำ วันนี้หลวงพ่อก็ขออนุญาตหมู่คณะลงไปปักธงชัยสัก 2-3 วัน ไปทำธุระเรื่องการสร้างองค์หลวงปู่ใหญ่ นำแบบพิมพ์มาแล้วก็จะไปดู ทั้งได้รับนิมนต์ทางท่านแม่ทัพที่นครราชสีมา ที่ปักธงชัย ก็ขออนุญาตหมู่คณะไปสัก 2-3 วัน ส่วนที่ยังอยู่ก็ช่วยกัน มีอะไรก็ช่วยกัน รู้จักหน้าที่รู้จักรับผิดชอบ ความเสียสละความอดทน การให้อภัย มาอยู่รวมกันร่วมกันมากๆ ต่างคนต่างมาจากคนละทิศละที่ ต่างคนก็ปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ เราก็พยายาม
การบวชเป็นพระ การบวชเป็นชี ความมุ่งหมายอยู่ที่ไหน เราพยายามให้เข้าถึงความหมายนั้นๆ ตามคำสอนของพระพุทธองค์ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ สติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ การควบคุมใจ การดับ การวิเคราะห์ การแยกการคลาย การอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เห็นตั้งแต่ความตระหนี่ ความเกียจคร้าน นิวรณ์เข้าครอบงำ อย่างนั้นใช้การไม่ได้
เราจงเป็นบุคคลที่ขยัน ขยันทั้งหมั่นเพียรทั้งภายนอกภายใน มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ หมั่นขัดเกลากิเลส รู้จักอนุเคราะห์ช่วยเหลือหมู่คณะ ช่วยเหลือตัวเองล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะ ไม่เห็นแก่ตัวไม่เห็นแก่ความเกียจคร้าน สร้างความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น แล้วก็พิจารณาทั้งส่วนนามธรรม ส่วนรูปธรรม ส่วนมากก็มองเห็นด้วยตาเนื้อ แต่ตาปัญญาที่เห็นการเกิดการดับ รู้ลักษณะการเกิดการดับของใจนั้นยาก ถ้าไม่มีความเพียรที่ถูกต้องจริงๆ ก็ยากอยู่
เรารู้อยู่ว่าเพียงแค่เราคิด ทำตามความคิด แต่พระพุทธองค์ท่านให้เน้นลงไปอีกว่า ความเกิดนั่นแหละคือความหลงอันละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ในเมื่อเขาได้มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาสร้างร่างกายขันธ์ห้าขึ้นมาปิดกั้น อาศัยกายนี้อยู่ ท่านก็ให้จำแนกแจกแจงว่า กายทำหน้าที่อย่างไร ใจทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ให้มองให้รู้ ให้เห็นด้วยปัญญา ที่เกิดจากการเจริญภาวนา เกิดจากการเจริญสติ สติที่ต่อเนื่องเอาไปใช้การใช้งาน จนเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล จนใจยอมรับความเป็นจริง รู้จักจุดปล่อยจุดวางได้ ถ้าทำความเข้าใจได้ถูกต้อง ใจก็ยอมจำนน รู้จักอดทนอดกลั้น รู้จักหยุดรู้จักดับ รู้จักสร้างตบะ เรามีโอกาสอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
การเจริญสติที่ต่อเนื่องจาก 1 ครั้ง 2 ครั้ง ไปเป็น 10 ครั้ง 20 ครั้ง เป็นนาที 2 นาที 5 นาที 10 นาที จนเอาไปใช้การใช้งานได้ จนเป็นมหาสติมหาปัญญานั่นแหละ จนปัญญาเต็มรอบ ขัดเกลากิเลสได้หมดจด ดับความเกิดได้หมดจด เราก็จะอยู่อย่างมีความสุข อยู่มองโลกนี้ด้วยความว่าง
ในความว่างนั้นมีองค์ธรรม คือตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม ใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่ไม่เกิดเขาก็นิ่ง ใจไม่มีกิเลสเขาก็บริสุทธิ์ หนุนกำลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทน จะทำมากทำน้อย เอามากเอาน้อย ก็เป็นเรื่องของปัญญา เพื่อยังสมมติไม่ให้ได้ลำบาก ก็ต้องศึกษากัน ทั้งพระทั้งชี
ไม่ใช่ว่าไปโทษคนโน้นเป็นอย่างนั้น โทษคนนี้เป็นอย่างนี้ ก็กิเลสของเรานั่นแหละมันถึงไปมอง คอยจับผิดคนโน้นจับผิดคนนี้ คอยหมั่นพร่ำสอนใจของเรา มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี การกระทำก็ให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่าไปที่ไหนก็ ที่โน่นก็ มีตั้งแต่กิเลส กิเลสเป็นหน้าตาเป็นอย่างไรไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ มีแต่เรื่องของคนอื่นแทนที่จะเป็นเรื่องของตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา
กิเลสเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน กิเลสต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ เขาก็หาเหตุหาผลมาหลอกล่อเหมือนกัน ตัวขันธ์ห้าก็มาหลอกใจ แม้แต่ใจยังหลอกตัวเอง ภาษาธรรมท่านเรียกว่า จิตหลอกจิต มันก็หลอก แม้แต่การปล่อยวาง แล้วการเกิดของใจมันก็หลอกด้วยความว่างก็มี ใจมันหยุดบริสุทธิ์หยุดนิ่งก็เหลือตั้งแต่สติปัญญา สติปัญญาก็ยังหลอกตัวเองอีกว่าเราต้องการสิ่งโน้นต้องการสิ่งนี้ ละเอียดสลับซับซ้อนกันมากมาย
ถ้าบุคคลที่ไม่มีความเพียรจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าใจ อย่างน้อยๆ ก็อย่าพากันทิ้งบุญ พยายามหมั่นทำบุญหมั่นให้ทาน มีความเสียสละขัดเกลากิเลส ความมุ่งหมายของการให้ทานก็เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสนั่นแหละออกจากใจของเรา ใจของเราก็จะได้เบาบางจากกิเลสต่างๆ ดับความโกรธให้อภัย อโหสิกรรม ใจก็จะค่อยเบาบางลงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะละกิเลสออกจากใจหมด จนกว่าจะดับความเกิดของใจได้หมดจด
การเกิดนั่นแหละคือความเป็นทุกข์ ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ที่นี่เขาหลงมาเกิด สร้างอะไรมากมาย สร้างร่างกายขึ้นมาก็ยึดติดในร่างกาย แล้วก็ไปยึดภายนอกอีก ถ้าเราเข้าใจแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นบุญหมด ทำกายให้เป็นบุญ ทำใจให้เป็นบุญ ยังสมมติให้เป็นบุญ เราก็จะอยู่กับบุญตลอด บุญมากบุญน้อยก็เป็นของเรา ทำมากก็เป็นของเรา ทำน้อยก็เป็นของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย
หลวงพ่อก็เพียงเล่าให้พวกท่านฟัง ถ้าไม่ไปทำก็ไม่เกิดประโยชน์ การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ก็เป็นแค่เพียงการสื่อความหมายของสมมติ ถ้าพวกท่านไม่พากันไปทำไปสร้าง ให้มีให้เกิดขึ้น ให้ปรากฏขึ้นที่ใจ มันก็ยากที่จะเข้าถึง ทั้งที่ใจก็อยู่กับบุญนั่นแหละ ก็ต้องพยายามกัน
ตั้งใจรับพรกัน