หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 43 วันที่ 2 กรกฏาคม 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 43 วันที่ 2 กรกฏาคม 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 43 วันที่ 2 กรกฏาคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 43
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 7 กรกฎาคม 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทั้งลมหายใจของตัวเราให้ชัดเจน นั่งให้สบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวหรือว่าเจริญสติให้มีให้เกิดขึ้น แล้วก็เอาไปใช้การใช้งานอบรมใจของเราได้แล้วหรือยัง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล

เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกก็ดูรู้ให้ชำนาญ จนกำลังสติของเรารู้เท่ารู้ทัน รู้กันรู้แก้ รู้การเกิดการดับ รู้ต้นเหตุ รู้การแยกการคลาย ใจของเรานั่นแหละคลายออกจากความคิด มีความคิดเก่าๆ ความคิดเดิมๆ ที่เกิดจากตัวใจ หรือว่าเกิดจากอาการของขันธ์ห้าหรือว่าความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิด อันนี้มีกันทุกคน

เพราะว่าความเกิด ความเกิดของใจนั่นแหละคือกิเลสอันละเอียดที่สุด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ในเมื่อใจเกิดมาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าก็คือร่างกายของเรา ท่านให้เจริญสติลงที่กายของเรา ทำความเข้าใจ อันนี้ส่วนรูปคือร่างกายของเรา อันนี้ส่วนนามคือจิตวิญญาณของเรา เราพยายามดูให้รู้ทั้งรูปทั้งนาม แล้วก็ทำความเข้าใจ ให้รอบรู้ในกองสังขารในวิญญาณในกายของเรา แล้วก็รอบรู้ในปัจจัยสี่ รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว รอบรู้ในการบริหารกายบริหารใจของตัวเราให้อยู่ดีมีความสุข จนกว่าจะถึงวาระเวลาธาตุขันธ์แตกดับ

ยืม เรายืมโลกเขามาใช้ คือร่างกายของเรานี้ประกอบขึ้นด้วยธาตุสี่ คือดินน้ำลมไฟ ซึ่งมองเห็นด้วยตาเนื้อเพราะว่าเป็นร่างของเรา ก็เป็นร่างของเราจริงๆ นั่นแหละแต่เป็นร่างของเราในทางสมมติ ถ้าเราเจริญสติลงที่กายเข้าไปดูรู้ใจของเรา เห็นลักษณะใจ รู้การแยกรู้การคลาย รู้จักปล่อยรู้จักวาง มองเห็นความว่าง ไม่มีอะไรเลยมีแต่ความว่าง

ในหลักธรรมท่านว่ามีแต่ความว่าง มีแต่ความไม่เที่ยง ความไม่เที่ยงเกิดขึ้นในกายของเรา ความไม่เที่ยงทางด้านร่างกาย ตั้งแต่เด็กพัฒนาขึ้นมาเป็นเด็กใหญ่เด็กโต ขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็เข้าสู่วัยชราคร่ำคร่า กลับคืนสู่สภาพเดิม

นอกจากปัญญาของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จำแนกแจกแจง ให้ดู รู้ให้ออกว่าอะไรเป็นอะไร ท่านถึงบอกให้เชื่อ ส่วนจิตวิญญาณนั้นเป็นด้านนามธรรมแต่เขาก็อาศัยกันอยู่ ทั้งรูปทั้งนามอาศัยกันอยู่ ขอให้เรารู้จักการสร้างความรู้ตัว รู้จักสติให้ชัดเจนจนกำลังสติของเรารู้เหตุ รู้เท่ารู้ทัน อบรมใจของเรากลายเป็นปัญญา จากปัญญากลายเป็นมหาปัญญารอบรู้ ท่านถึงบอกตนเป็นที่พึ่งของตน ก็ต้องพยายาม

ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งนอนหลับ จนกระทั่งตื่นขึ้นมาเอาใหม่ จนกระทั่งหมดลมหายใจ อย่าพากันพลาดโอกาสรีบตักตวงบุญให้มีให้เกิดขึ้นในกายก้อนนี้ ในวิญญาณที่อยู่ในกายของเราให้ปรากฏขึ้น ท่านถึงบอกให้เชื่อ มองเห็นหนทางเดิน สมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว รู้จักสร้างอานิสงส์ สร้างบุญสร้างบารมี ความขยันหมั่นเพียรของเรามีเพียงพอหรือไม่ ความรับผิดชอบ

ขณะนี้จิตใจของเราเป็นอย่างไร แข็งกระด้างหรือว่าอ่อนน้อมถ่อมตน จิตใจของเรามีพรหมวิหารมีความเมตตาหรือไม่ มีความรับผิดชอบ มีความขยัน มีความจริง สัจจะกับตัวเรา แล้วก็มีความรับผิดชอบต่อพันธะภาระหน้าที่ต่างๆ เปลี่ยนจากภาระเป็นหน้าที่ จากหน้าที่เป็นความรับผิดชอบ แล้วก็บริหารสมมติให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนนี้มี เดือนหน้ามี ภพนี้มี ภพหน้ามี ก็ต้องพยายามกัน บุญสมมติเราก็ทำให้ดี บุญวิมุตติทางด้านขัดเกลากิเลสเราก็ทำ ก็ต้องพยายามกัน

สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจน ทำใจให้ว่าง สมองให้โล่ง ทำกายให้โปร่ง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ ก็ให้รู้ลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง