หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 27 วันที่ 11 เมษายน 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 27 วันที่ 11 เมษายน 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 27
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 เมษายน 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่จนกระทั่งถึงเวลานี้เดี๋ยวนี้ พวกเราได้พากันเจริญสติให้มีให้เกิดขึ้นที่กายของเราให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย หลวงพ่อก็เพียงแค่พูดแค่กล่าว แค่บอกวิธีการแนวทางในการเจริญสติ
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว อย่าไปบังคับลมหายใจ อย่าไปเกร็งร่างกาย อย่าไปเพ่ง การสูดลมหายใจยาวหรือว่าผ่อนลมหายใจยาว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายดีขึ้น ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา มีความรู้สึกรับรู้อยู่นี่แหละที่ท่านว่า สติรู้กาย ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเราเรียกว่า สัมปชัญญะ
เราพยายามสร้างความรู้ตัวเข้าไปแก้ไขใจของเรา ไปอบรมใจของเรา ไปแก้ไขทุกเรื่องทุกอย่างในชีวิต ชีวิตร่างกายของเรา ร่างกายก้อนนี้ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่เราพยายามหัดวิเคราะห์ หัดสำรวจ หัดทำความเข้าใจตามแนวทางของพระพุทธองค์ ที่ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผย
คำว่า การเจริญ การสร้าง การทำให้มีให้เกิดของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราต้องพยายามทำจนเอาสติปัญญาของเราเอาไปใช้ เอาไปใช้การใช้งาน รู้ใจของตัวเรา ความปกติของใจเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่เกิดกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างนี้ เราต้องรู้เท่ารู้ทัน
ความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเรา ในภาษาธรรมท่านเรียกว่า อาการของขันธ์ห้า ซึ่งเป็นขันธ์ใดขันธ์หนึ่งอยู่ในร่างกายของเรา กายของเรานี้เป็นขันธ์ของรูป ส่วนความคิดอารมณ์ต่างๆ เป็นขันธ์ของนามธรรม เราต้องเจริญสติเข้าไปดู เข้าไปรู้ เข้าไปเห็นตั้งแต่การเกิด ว่าเรื่องอะไรที่เขาเกิด เขาเกิดขึ้นได้อย่างไร เขาตั้งอยู่อย่างไร เขาดับไปอย่างไร
ความทุกข์เกิดขึ้นที่กายหรือความทุกข์เกิดขึ้นที่ใจ ทุกคนปรารถนาหาทางดับทุกข์ ใจทุกดวงก็เพื่อที่จะหาทางหลุดพ้น แต่เราหาไม่ถูกวิธีก็ยิ่งห่างไกล การเกิดของใจนั่นแหละคือ ความหลงอันละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เขาหลงมาเกิด เขาหลงตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด อยู่ในภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งเวลามาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าหรือว่าร่างกายของเรา แล้วก็มาอาศัยกายก้อนนี้อยู่ ขณะยังมีร่างกายก้อนนี้อยู่ เขาก็ยังเกิดต่อ ส่งออกไปภายนอกต่อ
บางทีก็มีกิเลสบ้าง กิเลสหยาบกิเลสละเอียดบ้าง บางครั้งบางคราวก็ปกติบ้าง บางครั้งบางคราวก็ฝักใฝ่ใจอยู่ในบุญมีความสุข แต่ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติหรือว่าสร้างสติ สร้างปัญญาเอาไปเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล เห็นการเกิดการดับว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ให้มีให้เกิดขึ้น มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
การเกิดทางกายเนื้อ อันนี้เขาก็เกิดมาแล้ว เกิดทางด้านจิตวิญญาณ เกิดทางด้านความคิด ทางด้านอารมณ์ อันนี้เราต้องพยายามหัดวิเคราะห์จนรู้เท่ารู้ทัน ทำความเข้าใจได้ รู้จักแก้ รู้จักการบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น รู้จักวิธีการรู้จักแนวทางแล้วก็รีบไปทำ
ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมเข้าห้องน้ำ ทำกับข้าวกับปลาหรือว่าตากระทบรูปใจเป็นอย่างไร หูกระทบเสียงใจเป็นอย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นลักษณะอย่างไร
การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือที่จะเข้าไปดูเข้าไปรู้เข้าไปเห็นตั้งแต่ต้นเหตุ จนกว่าจะแยกจะคลายได้ตรงนี้แหละสำคัญ เราจะไปนึกไปคิดเอาไม่ได้ ในหลักธรรมเราต้องเจริญสติเข้าไปดู ไปรู้เห็น ตามดูตามเห็นการเกิดการดับ จนกำลังสติที่เราสร้างขึ้นมา เอาไปใช้การใช้งานได้
ใจเป็นธาตุรู้ เวลานี้เขาทั้งรู้ทั้งหลงทั้งเกิด เรามาสร้างผู้รู้ ธาตุรู้กับผู้รู้อันนี้จะเป็นสองส่วนสองตัวแล้วนะ ใจนั้นเป็นธาตุรู้ แต่เขาทั้งหลงทั้งเกิด เราจงมาสร้างผู้รู้ ความรู้ของเรายังไม่เข้มแข็งเราก็รู้ให้อยู่ที่กายของเราให้ได้เสียก่อนจนเอาไปใช้การใช้งานได้ ละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจ รู้จักวิเคราะห์ เหตุสมมติเราก็ทำให้ดี เห็นการเกิดการดับทางด้านนามธรรม เราก็ตามดูให้รู้ทุกเรื่อง เราก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้ในสักวันหนึ่ง
พยายามทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 11 เมษายน 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่จนกระทั่งถึงเวลานี้เดี๋ยวนี้ พวกเราได้พากันเจริญสติให้มีให้เกิดขึ้นที่กายของเราให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย หลวงพ่อก็เพียงแค่พูดแค่กล่าว แค่บอกวิธีการแนวทางในการเจริญสติ
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว อย่าไปบังคับลมหายใจ อย่าไปเกร็งร่างกาย อย่าไปเพ่ง การสูดลมหายใจยาวหรือว่าผ่อนลมหายใจยาว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายดีขึ้น ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา มีความรู้สึกรับรู้อยู่นี่แหละที่ท่านว่า สติรู้กาย ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเราเรียกว่า สัมปชัญญะ
เราพยายามสร้างความรู้ตัวเข้าไปแก้ไขใจของเรา ไปอบรมใจของเรา ไปแก้ไขทุกเรื่องทุกอย่างในชีวิต ชีวิตร่างกายของเรา ร่างกายก้อนนี้ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่เราพยายามหัดวิเคราะห์ หัดสำรวจ หัดทำความเข้าใจตามแนวทางของพระพุทธองค์ ที่ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผย
คำว่า การเจริญ การสร้าง การทำให้มีให้เกิดของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราต้องพยายามทำจนเอาสติปัญญาของเราเอาไปใช้ เอาไปใช้การใช้งาน รู้ใจของตัวเรา ความปกติของใจเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่เกิดกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างนี้ เราต้องรู้เท่ารู้ทัน
ความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเรา ในภาษาธรรมท่านเรียกว่า อาการของขันธ์ห้า ซึ่งเป็นขันธ์ใดขันธ์หนึ่งอยู่ในร่างกายของเรา กายของเรานี้เป็นขันธ์ของรูป ส่วนความคิดอารมณ์ต่างๆ เป็นขันธ์ของนามธรรม เราต้องเจริญสติเข้าไปดู เข้าไปรู้ เข้าไปเห็นตั้งแต่การเกิด ว่าเรื่องอะไรที่เขาเกิด เขาเกิดขึ้นได้อย่างไร เขาตั้งอยู่อย่างไร เขาดับไปอย่างไร
ความทุกข์เกิดขึ้นที่กายหรือความทุกข์เกิดขึ้นที่ใจ ทุกคนปรารถนาหาทางดับทุกข์ ใจทุกดวงก็เพื่อที่จะหาทางหลุดพ้น แต่เราหาไม่ถูกวิธีก็ยิ่งห่างไกล การเกิดของใจนั่นแหละคือ ความหลงอันละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เขาหลงมาเกิด เขาหลงตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด อยู่ในภพน้อยภพใหญ่ จนกระทั่งเวลามาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าหรือว่าร่างกายของเรา แล้วก็มาอาศัยกายก้อนนี้อยู่ ขณะยังมีร่างกายก้อนนี้อยู่ เขาก็ยังเกิดต่อ ส่งออกไปภายนอกต่อ
บางทีก็มีกิเลสบ้าง กิเลสหยาบกิเลสละเอียดบ้าง บางครั้งบางคราวก็ปกติบ้าง บางครั้งบางคราวก็ฝักใฝ่ใจอยู่ในบุญมีความสุข แต่ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติหรือว่าสร้างสติ สร้างปัญญาเอาไปเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล เห็นการเกิดการดับว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ให้มีให้เกิดขึ้น มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
การเกิดทางกายเนื้อ อันนี้เขาก็เกิดมาแล้ว เกิดทางด้านจิตวิญญาณ เกิดทางด้านความคิด ทางด้านอารมณ์ อันนี้เราต้องพยายามหัดวิเคราะห์จนรู้เท่ารู้ทัน ทำความเข้าใจได้ รู้จักแก้ รู้จักการบอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น รู้จักวิธีการรู้จักแนวทางแล้วก็รีบไปทำ
ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมเข้าห้องน้ำ ทำกับข้าวกับปลาหรือว่าตากระทบรูปใจเป็นอย่างไร หูกระทบเสียงใจเป็นอย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นลักษณะอย่างไร
การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือที่จะเข้าไปดูเข้าไปรู้เข้าไปเห็นตั้งแต่ต้นเหตุ จนกว่าจะแยกจะคลายได้ตรงนี้แหละสำคัญ เราจะไปนึกไปคิดเอาไม่ได้ ในหลักธรรมเราต้องเจริญสติเข้าไปดู ไปรู้เห็น ตามดูตามเห็นการเกิดการดับ จนกำลังสติที่เราสร้างขึ้นมา เอาไปใช้การใช้งานได้
ใจเป็นธาตุรู้ เวลานี้เขาทั้งรู้ทั้งหลงทั้งเกิด เรามาสร้างผู้รู้ ธาตุรู้กับผู้รู้อันนี้จะเป็นสองส่วนสองตัวแล้วนะ ใจนั้นเป็นธาตุรู้ แต่เขาทั้งหลงทั้งเกิด เราจงมาสร้างผู้รู้ ความรู้ของเรายังไม่เข้มแข็งเราก็รู้ให้อยู่ที่กายของเราให้ได้เสียก่อนจนเอาไปใช้การใช้งานได้ ละความเกียจคร้าน สร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบ รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจ รู้จักวิเคราะห์ เหตุสมมติเราก็ทำให้ดี เห็นการเกิดการดับทางด้านนามธรรม เราก็ตามดูให้รู้ทุกเรื่อง เราก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้ในสักวันหนึ่ง
พยายามทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ