หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 7 วันที่ 26 มกราคม 2561
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 7 วันที่ 26 มกราคม 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 7
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 26 มกราคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน และก็ให้ต่อเนื่องตามความเป็นจริง เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้แหละ ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ แล้วก็รู้จักเอาไปใช้ เพียงแค่การเจริญ การสร้างการทำให้มีให้เกิดให้ต่อเนื่อง ตรงนี้ก็ยากลำบาก การที่จะเอาสติของเราไปใช้การใช้งานก็ยากยิ่ง ถ้าเราไม่มีความเพียรที่เพียงพอ ก็ต้องพยายาม
การเจริญสติ การเจริญปัญญา การปฏิบัติกายปฏิบัติใจที่จะเจริญก้าวหน้าได้ ถ้าความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่อง รู้ไม่ทันการเกิดของใจ รู้ไม่ทันการเกิดของขันธ์ห้าซึ่งมีอยู่ในกายของเรา การเดินปัญญาความรู้แจ้งเห็นจริงยากที่จะปรากฏ ทั้งที่ใจของเราก็ปรารถนาอยากได้บุญอยากทำบุญการสร้างบารมีก็อยู่ในระดับนี้ ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ความเป็นระเบียบเรียบร้อย จิตใจของเรามีความอ่อนโยนหรือว่ามีความแข็งกร้าว เราก็พยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจ แก้ไขใจของเราให้ได้ ท่านถึงบอกว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งของตน’
แต่กำลังสติของเรามี อาจจะมีบ้าง มีไม่ต่อเนื่องเอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ เอาไปทำความเข้าใจไม่ได้เราก็เลยไม่เห็น เห็นลักษณะของใจที่ปกติ เห็นลักษณะของใจที่เกิด เห็นลักษณะของใจของขันธ์ห้าที่เกิด ก็เลยรวมกันอยู่ไปทั้งก้อน เขาเรียกว่า ‘ยังหลงอยู่’
ความเกิดของใจนั่นแหละคือความหลง ความคิดนั่นแหละ ยิ่งคิดมากเท่าไรยิ่งเกิดมากเท่าไรก็ยิ่งปิดกั้นตัวใจเอาไว้ อันนี้เพียงแค่ตัวใจ ตัวใจแล้วยังไม่พอ ยังอาการของขันธ์ห้าที่ใจได้สร้างขึ้นมา ที่มีส่วนรูปส่วนนามอีกปิดกั้นเอาไว้อีก ตรงนี้ก็ยังไม่พออีก ยังมีกิเลสหยาบ กิเลสละเอียดปิดกั้นเอาไว้อีกหลายชั้น ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ ไปกั้นเอาไว้หมด เพียงแค่เรามาเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เข้มแข็งเอาไปใช้การใช้งานยังมีไม่เพียงพอก็เลยเข้าไม่ถึงความเป็นจริง ไม่เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผลได้ ก็เลยเกิดอยู่เรื่อยร่ำไป ก็ต้องพยายาม ไม่เหลือวิสัย
ตื่นขึ้นมาเราก็รีบวิเคราะห์รีบสังเกต กายทำหน้าที่อย่างนี้ ใจทำหน้าที่อย่างนี้ อาการของใจทำหน้าที่อย่างนี้ หู ตา จมูก ลิ้น กายทำหน้าที่อย่างนี้ ภาษาธรรมภาษาโลก กายวิเวกเป็นอย่างไรใจวิเวกเป็นอย่างไร เราได้ยินได้ฟัง การได้อ่าน การได้ศึกษา เราต้องพยายามไปสร้างไปทำให้มีให้เกิดขึ้น จนปรากฏขึ้นที่ใจของเราจนเห็นการเกิดการดับ การแยกการคลาย การตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง จนกำลังสติของเราเป็นมหาสติ จากมหาสติกลายเป็นมหาปัญญา จากมหาปัญญากลายเป็นปัญญา
ค้นคว้า เห็นเหตุเห็นผล ทำความเข้าใจรอบรู้ในวิญญาณในกายของตัวเรา รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ภาระหน้าที่สมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี คำสอนของพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอัตตา-อนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร สมมติวิมุตติเป็นลักษณะอย่างไร ก็ต้องพยายามทำตามหน้าที่ของเราให้ถึงจุดหมายปลายทาง อย่าพากันไปมัวเล่น
การได้ยิน ได้ฟัง การได้อ่าน ถ้าเราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แก้ไขตัวเองไม่ได้ ก็ยากที่จะคนอื่นที่เขาจะช่วยได้นอกจากตัวของเราเอง ก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ พากันไว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 26 มกราคม 2561
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน และก็ให้ต่อเนื่องตามความเป็นจริง เราพยายามสร้างความรู้ตัวตรงนี้แหละ ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ แล้วก็รู้จักเอาไปใช้ เพียงแค่การเจริญ การสร้างการทำให้มีให้เกิดให้ต่อเนื่อง ตรงนี้ก็ยากลำบาก การที่จะเอาสติของเราไปใช้การใช้งานก็ยากยิ่ง ถ้าเราไม่มีความเพียรที่เพียงพอ ก็ต้องพยายาม
การเจริญสติ การเจริญปัญญา การปฏิบัติกายปฏิบัติใจที่จะเจริญก้าวหน้าได้ ถ้าความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่อง รู้ไม่ทันการเกิดของใจ รู้ไม่ทันการเกิดของขันธ์ห้าซึ่งมีอยู่ในกายของเรา การเดินปัญญาความรู้แจ้งเห็นจริงยากที่จะปรากฏ ทั้งที่ใจของเราก็ปรารถนาอยากได้บุญอยากทำบุญการสร้างบารมีก็อยู่ในระดับนี้ ความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ ความเสียสละ ความเป็นระเบียบเรียบร้อย จิตใจของเรามีความอ่อนโยนหรือว่ามีความแข็งกร้าว เราก็พยายามเจริญสติเข้าไปอบรมใจ แก้ไขใจของเราให้ได้ ท่านถึงบอกว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งของตน’
แต่กำลังสติของเรามี อาจจะมีบ้าง มีไม่ต่อเนื่องเอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ เอาไปทำความเข้าใจไม่ได้เราก็เลยไม่เห็น เห็นลักษณะของใจที่ปกติ เห็นลักษณะของใจที่เกิด เห็นลักษณะของใจของขันธ์ห้าที่เกิด ก็เลยรวมกันอยู่ไปทั้งก้อน เขาเรียกว่า ‘ยังหลงอยู่’
ความเกิดของใจนั่นแหละคือความหลง ความคิดนั่นแหละ ยิ่งคิดมากเท่าไรยิ่งเกิดมากเท่าไรก็ยิ่งปิดกั้นตัวใจเอาไว้ อันนี้เพียงแค่ตัวใจ ตัวใจแล้วยังไม่พอ ยังอาการของขันธ์ห้าที่ใจได้สร้างขึ้นมา ที่มีส่วนรูปส่วนนามอีกปิดกั้นเอาไว้อีก ตรงนี้ก็ยังไม่พออีก ยังมีกิเลสหยาบ กิเลสละเอียดปิดกั้นเอาไว้อีกหลายชั้น ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ ไปกั้นเอาไว้หมด เพียงแค่เรามาเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เข้มแข็งเอาไปใช้การใช้งานยังมีไม่เพียงพอก็เลยเข้าไม่ถึงความเป็นจริง ไม่เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผลได้ ก็เลยเกิดอยู่เรื่อยร่ำไป ก็ต้องพยายาม ไม่เหลือวิสัย
ตื่นขึ้นมาเราก็รีบวิเคราะห์รีบสังเกต กายทำหน้าที่อย่างนี้ ใจทำหน้าที่อย่างนี้ อาการของใจทำหน้าที่อย่างนี้ หู ตา จมูก ลิ้น กายทำหน้าที่อย่างนี้ ภาษาธรรมภาษาโลก กายวิเวกเป็นอย่างไรใจวิเวกเป็นอย่างไร เราได้ยินได้ฟัง การได้อ่าน การได้ศึกษา เราต้องพยายามไปสร้างไปทำให้มีให้เกิดขึ้น จนปรากฏขึ้นที่ใจของเราจนเห็นการเกิดการดับ การแยกการคลาย การตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริง จนกำลังสติของเราเป็นมหาสติ จากมหาสติกลายเป็นมหาปัญญา จากมหาปัญญากลายเป็นปัญญา
ค้นคว้า เห็นเหตุเห็นผล ทำความเข้าใจรอบรู้ในวิญญาณในกายของตัวเรา รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ภาระหน้าที่สมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี คำสอนของพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอัตตา-อนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร สมมติวิมุตติเป็นลักษณะอย่างไร ก็ต้องพยายามทำตามหน้าที่ของเราให้ถึงจุดหมายปลายทาง อย่าพากันไปมัวเล่น
การได้ยิน ได้ฟัง การได้อ่าน ถ้าเราช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แก้ไขตัวเองไม่ได้ ก็ยากที่จะคนอื่นที่เขาจะช่วยได้นอกจากตัวของเราเอง ก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ พากันไว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ