หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 122
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 122
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 122
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 20 ธันวาคม 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง อยู่คนเดียวเราก็ดูเรารู้เรา อยู่หลายคนเราก็รู้เรา อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีนั่นแหละมีธาตุสี่ขันธ์ห้าเหมือนกันหมด แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราได้เพียงแค่เจริญสติให้ต่อเนื่องให้เข้มแข็งตรงนี้ก็ยังยากลำบาก
แต่ความต้องการฝักใฝ่หาความสงบหาธรรมนั้นมีอยู่ ศรัทธานั้นมีอยู่ แต่ความเพียรของเราเข้าไม่ถึง ความขยันของเราไม่มีเพียงพอ ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ สมมติความเป็นอยู่ปัจจัยสี่ สิ่งแวดล้อมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวตรงนี้ก็ยังไม่มีความกระตือรือร้นที่จะยังให้เกิดประโยชน์
เราก็ต้องพยายาม พยายามเคี่ยวเข็ญตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเอง อย่าให้ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ความเกียจคร้านเข้าครอบงำหมักหมมไปทีละเล็กละน้อยก็สะสมไปเรื่อยๆ ก็เป็นทาสของกิเลสอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว เราก็ต้องพยายามสร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบสร้างความเสียสละ รู้จักแก้ไขตัวเรา บุคคลมีอานิสงส์ มีบุญ มีปัญญาไม่ต้องไปฟังยากเลย รู้จักวิธีการนิดเดียว
การเจริญสติเป็นอย่างนี้ รู้ไม่ทันแล้วรู้จักควบคุมเป็นอย่างนี้ การสังเกตการวิเคราะห์ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่เกิดกิเลสเป็นอย่างนี้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นลักษณะอย่างนี้ นิวรณธรรมทำให้ใจของเราไม่ได้รับความสงบเป็นลักษณะอย่างนี้ สติพลั้งเผลอเราก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวให้ตั้งแต่คนโน้นคนนี้ ไปอบรมที่โน้นที่นี่ ถ้าเราไม่อบรมตัวเราตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ทุกเรื่องในชีวิตเราก็จะเดินไม่ถึงจุดหมายปลายทางกัน
ช่วยกันทำ ขยันหมั่นเพียร ถ้าเราไม่ช่วยกันแล้วใครเขาจะช่วยกัน เอาแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เพียงแค่สมมติเราก็ขยันหมั่นเพียรให้ได้อยู่ดีมีความสุขกัน ใครมาก็มีความสุข เราอยู่ก็มีความสุข ในที่เราอยู่เราก็อยากอยู่แต่ที่ดีๆ ที่เย็นๆ แต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำการกระทำไม่มี ไปอยู่ที่ไหนเราก็จะไปเจอตั้งแต่คนที่คิดกันเหมือนเรา ก็เลยได้แต่ไปอาศัย เราไม่ได้เป็นผู้อนุเคราะห์ผู้ให้ เราต้องเป็นผู้อนุเคราะห์ ผู้ให้ ผู้ทำ เป็นผู้เสียสละ เราก็ได้อยู่ดีมีความสุข คนอื่นก็มีความสุข ถ้าไปคิดว่าไม่ทำแล้วก็ไปที่ไหนก็ไปเจอตั้งแต่คนที่คิดเหมือนเรา ไปที่ไหนก็ลำบาก แต่แค่ที่พักก็ลำบาก ที่อยู่ที่กินก็ลำบาก
คนเราก็ยังอาศัยปัจจัยสี่ อาศัยโลกธรรม เรามีโอกาสเราก็ได้ทำ ด้วยอำนาจแห่งบุญอานิสงส์แห่งบุญ ทำเอาไว้ ถ้าไม่ทำวันข้างหน้าก็คงจะไม่มีใครทำหรอก เพราะว่ามันใช้งบใช้ทุนเยอะ ถ้าอานิสงส์บุญไม่เพียงพอ เรามีโอกาสได้มาร่วมกันได้มาช่วยกันคนละไม้คนละมือก็ทำ ลำบากหน่อยก็ไม่เป็นไร ผ่านความลำบากก็เข้าสู่ความสุขในวันข้างหน้า ฝากอานิสงส์บุญเอาไว้ให้โลก เราก็ไม่อยากจะได้บุญเราก็ได้บุญ ไปอยู่ที่ไหนเราก็ต้องพยายามขยันหมั่นเพียรกระตือรือร้น รู้จักวิเคราะห์ รู้จักแสวงหา รู้จักทำให้มีให้เกิดขึ้น ให้เกิดประโยชน์ อะไรเป็นประโยชน์ ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ไม่ใช่ว่าพอให้ได้อยู่ดีมีความสุข ได้อยู่ได้กินได้สะดวกสบาย อันอื่นใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ไม่ใช่ เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์ช่วยกันทำให้เกิดประโยชน์ขณะที่ยังมีกำลังกายอยู่ ทำด้วยเหตุด้วยผลด้วยสติด้วยปัญญา ต่อไปในวันข้างหน้าจะไม่เป็นอย่างนี้ ความรับผิดชอบต้องเพิ่มเป็นทวีคูณ
ถ้าเจดีย์เสร็จวิหารเสร็จนี้ก็ทุกคนก็จะหลั่งไหลมา ใกล้ไกลก็จะหลั่งไหลมาเพราะอำนาจแห่งบุญเราก็ต้องพิจารณาทำสถานที่ของเราให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ให้เป็นแหล่งบุญที่แท้จริงบุญสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม ส่วนการขัดเกลากิเลสเราก็ต้องพยายามขัดเกลากิเลสของเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าปล่อยผัดวันประกันพรุ่ง ขณะที่เรามีโอกาสเราก็ให้รีบทำ บุญเล็กๆ น้อยๆ สมมติเราก็ต้องทำให้ดี ก็ต้องพยายามกัน
ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เท่ากัน ทำงานเป็นการปฏิบัติธรรม ช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ถ้าเรามัวเมาแต่ความเกียจคร้าน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น จะอนุเคราะห์เพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย พี่น้องเราได้อย่างไร จะเป็นร่มไม้ร่มโพธิ์ร่มไทรร่มเย็นได้อย่างไร นี่ก็ต้องพยายามกัน
ทั้งพระทั้งชีทั้งฆราวาสญาติโยมใครมีจิตอาสา จิตอาสาก็มาช่วยกัน ทั้งชาวคณะโรงแรมโฆษะก็ส่งบริวารมาช่วย ขนดินขนหิน เราไม่อายเขาหรือ เขาก็บุคคลภายนอกก็ยังมาช่วย เอาการ์ดมาช่วย คนใกล้คนไกล ล้างห้องส้วมห้องน้ำ ทำความสะอาด เก็บขยะ เรามาอยู่วัดแท้ๆ กลับมาสร้างความเกียจคร้านให้ตัวเอง เราต้องพยายามสร้างความขยัน
ตื่นขึ้นมาก็รีบดูเรา แก้ไขเรา สิ่งรอบข้างของเรา ความเป็นอยู่ของเรา ธรรมชาติของเรา ให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ ถ้าเราไม่ทำแล้วใครเขาจะทำให้ อยากจะได้ธรรมชาติแต่ไม่รู้จักปลูกป่ามันก็ไม่ได้ มีแต่ทำลายป่า อยากจะได้ที่ให้น่าอยู่น่าอาศัยแต่การกระทำไม่มี มีแต่ความเกียจคร้านมันก็ได้แค่ความเกียจคร้านนั่นแหละ อยากจะได้ใจบริสุทธิ์ไม่รู้จักละกิเลสมันก็ไม่ได้ไม่ได้เจริญสติแล้วไปละกิเลส ละความเกียจคร้านออกจากจิตจากใจของเรามันก็ไม่ได้ ไปที่ไหนมันจะเจอความสุขสักทีล่ะ
ความสุขภายนอกก็พยายามทำให้มี สุขภายในก็พยายามทำให้มันมี ไม่ใช่ว่าจะไปผัดวันประกันพรุ่ง แต่ละวันๆ เอาแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ถ้าโตกันทุกคนแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปพูดมาก การพูดเยอะมันก็ไม่ดี คิดเยอะก็ไม่ดี การกระทำของเราให้ถึงพร้อม ถึงจะเกิดประโยชน์ ถ้าความเกียจคร้านเข้าครอบงำแล้ว ก็ให้รู้จักพิจารณาตัวเอง
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 20 ธันวาคม 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง อยู่คนเดียวเราก็ดูเรารู้เรา อยู่หลายคนเราก็รู้เรา อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีนั่นแหละมีธาตุสี่ขันธ์ห้าเหมือนกันหมด แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราได้เพียงแค่เจริญสติให้ต่อเนื่องให้เข้มแข็งตรงนี้ก็ยังยากลำบาก
แต่ความต้องการฝักใฝ่หาความสงบหาธรรมนั้นมีอยู่ ศรัทธานั้นมีอยู่ แต่ความเพียรของเราเข้าไม่ถึง ความขยันของเราไม่มีเพียงพอ ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ สมมติความเป็นอยู่ปัจจัยสี่ สิ่งแวดล้อมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวตรงนี้ก็ยังไม่มีความกระตือรือร้นที่จะยังให้เกิดประโยชน์
เราก็ต้องพยายาม พยายามเคี่ยวเข็ญตัวเราเอง แก้ไขตัวเราเอง อย่าให้ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ความเกียจคร้านเข้าครอบงำหมักหมมไปทีละเล็กละน้อยก็สะสมไปเรื่อยๆ ก็เป็นทาสของกิเลสอยู่ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว เราก็ต้องพยายามสร้างความขยัน สร้างความรับผิดชอบสร้างความเสียสละ รู้จักแก้ไขตัวเรา บุคคลมีอานิสงส์ มีบุญ มีปัญญาไม่ต้องไปฟังยากเลย รู้จักวิธีการนิดเดียว
การเจริญสติเป็นอย่างนี้ รู้ไม่ทันแล้วรู้จักควบคุมเป็นอย่างนี้ การสังเกตการวิเคราะห์ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่เกิดกิเลสเป็นอย่างนี้ กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นลักษณะอย่างนี้ นิวรณธรรมทำให้ใจของเราไม่ได้รับความสงบเป็นลักษณะอย่างนี้ สติพลั้งเผลอเราก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวให้ตั้งแต่คนโน้นคนนี้ ไปอบรมที่โน้นที่นี่ ถ้าเราไม่อบรมตัวเราตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ทุกเรื่องในชีวิตเราก็จะเดินไม่ถึงจุดหมายปลายทางกัน
ช่วยกันทำ ขยันหมั่นเพียร ถ้าเราไม่ช่วยกันแล้วใครเขาจะช่วยกัน เอาแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เพียงแค่สมมติเราก็ขยันหมั่นเพียรให้ได้อยู่ดีมีความสุขกัน ใครมาก็มีความสุข เราอยู่ก็มีความสุข ในที่เราอยู่เราก็อยากอยู่แต่ที่ดีๆ ที่เย็นๆ แต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำการกระทำไม่มี ไปอยู่ที่ไหนเราก็จะไปเจอตั้งแต่คนที่คิดกันเหมือนเรา ก็เลยได้แต่ไปอาศัย เราไม่ได้เป็นผู้อนุเคราะห์ผู้ให้ เราต้องเป็นผู้อนุเคราะห์ ผู้ให้ ผู้ทำ เป็นผู้เสียสละ เราก็ได้อยู่ดีมีความสุข คนอื่นก็มีความสุข ถ้าไปคิดว่าไม่ทำแล้วก็ไปที่ไหนก็ไปเจอตั้งแต่คนที่คิดเหมือนเรา ไปที่ไหนก็ลำบาก แต่แค่ที่พักก็ลำบาก ที่อยู่ที่กินก็ลำบาก
คนเราก็ยังอาศัยปัจจัยสี่ อาศัยโลกธรรม เรามีโอกาสเราก็ได้ทำ ด้วยอำนาจแห่งบุญอานิสงส์แห่งบุญ ทำเอาไว้ ถ้าไม่ทำวันข้างหน้าก็คงจะไม่มีใครทำหรอก เพราะว่ามันใช้งบใช้ทุนเยอะ ถ้าอานิสงส์บุญไม่เพียงพอ เรามีโอกาสได้มาร่วมกันได้มาช่วยกันคนละไม้คนละมือก็ทำ ลำบากหน่อยก็ไม่เป็นไร ผ่านความลำบากก็เข้าสู่ความสุขในวันข้างหน้า ฝากอานิสงส์บุญเอาไว้ให้โลก เราก็ไม่อยากจะได้บุญเราก็ได้บุญ ไปอยู่ที่ไหนเราก็ต้องพยายามขยันหมั่นเพียรกระตือรือร้น รู้จักวิเคราะห์ รู้จักแสวงหา รู้จักทำให้มีให้เกิดขึ้น ให้เกิดประโยชน์ อะไรเป็นประโยชน์ ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ไม่ใช่ว่าพอให้ได้อยู่ดีมีความสุข ได้อยู่ได้กินได้สะดวกสบาย อันอื่นใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ไม่ใช่ เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์ช่วยกันทำให้เกิดประโยชน์ขณะที่ยังมีกำลังกายอยู่ ทำด้วยเหตุด้วยผลด้วยสติด้วยปัญญา ต่อไปในวันข้างหน้าจะไม่เป็นอย่างนี้ ความรับผิดชอบต้องเพิ่มเป็นทวีคูณ
ถ้าเจดีย์เสร็จวิหารเสร็จนี้ก็ทุกคนก็จะหลั่งไหลมา ใกล้ไกลก็จะหลั่งไหลมาเพราะอำนาจแห่งบุญเราก็ต้องพิจารณาทำสถานที่ของเราให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ให้เป็นแหล่งบุญที่แท้จริงบุญสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม ส่วนการขัดเกลากิเลสเราก็ต้องพยายามขัดเกลากิเลสของเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าปล่อยผัดวันประกันพรุ่ง ขณะที่เรามีโอกาสเราก็ให้รีบทำ บุญเล็กๆ น้อยๆ สมมติเราก็ต้องทำให้ดี ก็ต้องพยายามกัน
ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เท่ากัน ทำงานเป็นการปฏิบัติธรรม ช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ถ้าเรามัวเมาแต่ความเกียจคร้าน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น จะอนุเคราะห์เพื่อนเกิดแก่เจ็บตาย พี่น้องเราได้อย่างไร จะเป็นร่มไม้ร่มโพธิ์ร่มไทรร่มเย็นได้อย่างไร นี่ก็ต้องพยายามกัน
ทั้งพระทั้งชีทั้งฆราวาสญาติโยมใครมีจิตอาสา จิตอาสาก็มาช่วยกัน ทั้งชาวคณะโรงแรมโฆษะก็ส่งบริวารมาช่วย ขนดินขนหิน เราไม่อายเขาหรือ เขาก็บุคคลภายนอกก็ยังมาช่วย เอาการ์ดมาช่วย คนใกล้คนไกล ล้างห้องส้วมห้องน้ำ ทำความสะอาด เก็บขยะ เรามาอยู่วัดแท้ๆ กลับมาสร้างความเกียจคร้านให้ตัวเอง เราต้องพยายามสร้างความขยัน
ตื่นขึ้นมาก็รีบดูเรา แก้ไขเรา สิ่งรอบข้างของเรา ความเป็นอยู่ของเรา ธรรมชาติของเรา ให้น่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ ถ้าเราไม่ทำแล้วใครเขาจะทำให้ อยากจะได้ธรรมชาติแต่ไม่รู้จักปลูกป่ามันก็ไม่ได้ มีแต่ทำลายป่า อยากจะได้ที่ให้น่าอยู่น่าอาศัยแต่การกระทำไม่มี มีแต่ความเกียจคร้านมันก็ได้แค่ความเกียจคร้านนั่นแหละ อยากจะได้ใจบริสุทธิ์ไม่รู้จักละกิเลสมันก็ไม่ได้ไม่ได้เจริญสติแล้วไปละกิเลส ละความเกียจคร้านออกจากจิตจากใจของเรามันก็ไม่ได้ ไปที่ไหนมันจะเจอความสุขสักทีล่ะ
ความสุขภายนอกก็พยายามทำให้มี สุขภายในก็พยายามทำให้มันมี ไม่ใช่ว่าจะไปผัดวันประกันพรุ่ง แต่ละวันๆ เอาแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ถ้าโตกันทุกคนแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปพูดมาก การพูดเยอะมันก็ไม่ดี คิดเยอะก็ไม่ดี การกระทำของเราให้ถึงพร้อม ถึงจะเกิดประโยชน์ ถ้าความเกียจคร้านเข้าครอบงำแล้ว ก็ให้รู้จักพิจารณาตัวเอง
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ