หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 29

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 29
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 29
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 29
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 22 มีนาคม 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ พวกเราก็หยุดกันเอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว วางภาระหน้าที่ทางสมมติทางบ้านทางช่องเราก็วางมาแล้ว ทีนี้เราก็มาเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง

ตามหลักของความเป็นจริงเราก็ควรที่จะเจริญสติตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ รู้จักเอาสติไปอบรมใจของตัวเรา เรารู้ไม่ทันต้นเหตุของการเกิดของใจ เราก็เพียงแค่หยุดแค่ดับแค่ควบคุมใจของเรา แล้วก็คอยอบรมใจของเราเป็นเพื่อนใจของเราอยู่ตลอดเวลาจนใจคลายออกจากขันธ์ห้า หรือว่าแยกรูปแยกนาม เห็นเหตุเห็นผล เห็นความเกิดความดับของความคิด เห็นลักษณะตัวใจที่ชัดเจน ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ทำความเข้าใจอยู่ตลอดเวลา

รู้จักแก้ไขรู้จักปรับปรุง อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม ลักษณะหน้าตาอาการ ชื่อภาษาธรรมภาษาโลก เราก็ต้องศึกษาทำความเข้าใจทุกเรื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ลุกจากที่ จะลุกจะก้าวจะเดินจะเข้าห้องส้วมห้องน้ำใจก็ยังปกติ สติความรู้ตัวก็รู้กายรู้ใจ สติปัญญาเป็นตัวสั่งพากายทำทำกับข้าวกับปลา จะลุกจะก้าวจะเดิน ตากระทบรูปใจเป็นอย่างไร หูกระทบเสียงใจเป็นอย่างไรเรารู้จักจำแนกแจกแจงแยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากใจของตัวเราอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งรู้เท่าทันการเกิดของขันธ์ห้า ใจเคลื่อนเข้าไปรวม ใจก็จะหงายขึ้นมา นั่นแหละเขาเรียก ‘คลายความหลง’

ความหลงในภาษาธรรมคือความหลงอันละเอียด คลายความหลง คลายขันธ์ห้า อันนี้ก็ยังไม่พออีก แล้วก็ยังไปดับความเกิดที่ใจอีก ละกิเลสที่ใจอีก มันหลายชั้น หลายชั้น ใจของคนเรานี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด หลงมาวนเวียนว่ายตายเกิด อันนั้นเรายังคงไม่รู้กันหรอก


พระพุทธองค์ท่านให้มาเอาความเกิดขณะที่เขาเกิดมาแล้ว อยู่ในภพมนุษย์นี่แหละ แล้วก็เกิดต่อขณะมีร่างกายอยู่นี่แหละ ความเกิดคือใจของเรา เกิดปรุงแต่งความคิดของเรานั่นแหละ เขาเกิดอย่างไร เขาส่งออกไปภายนอกได้อย่างไร เรามาดับความเกิดตรงนี้ มาละกิเลสตรงนี้ ดับความเกิดให้ได้ขณะที่ยังมีร่างกายอยู่ มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

ส่วนทุกคนทุกท่านนั้นพากันสร้างบุญ สร้างบารมีระดับสมมติมากันดีแล้วทุกคน พากันสร้างบุญบารมีฝักใฝ่สนใจในการทำบุญในการให้ทาน สร้างฐานะครอบครัวตั้งแต่เกิด ผ่านกาลผ่านเวลา ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ผ่านสุข อย่างนี้เขาเรียกว่า ‘การสร้างสะสมคุณงามระดับสมมติ’ ก็พากันสร้าง พ่อแม่ปู่ย่าตายายก็พากันทำมาตลอด

การทำบุญให้ทาน การให้อภัย อโหสิกรรม แต่การเจริญสติที่จะเข้าไปอบรมใจของตัวเรานี่แหละ กำลังสติมีไม่เพียงพอ หรือบางครั้งบางคราวแทบไม่ได้ทำเลย ปล่อยเลยตามเลย เอาความคิดเก่าปัญญาเก่า อาจจะถูกอยู่ระดับของสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้วก็ยังหลงอยู่ เขายังหลงเกิด หลงเกิดหลงยึดอยู่

ตราบใดที่เรายังเจริญสติไม่ต่อเนื่อง เราก็ว่าเรามีสติอยู่ แต่เป็นสติปัญญาของสมมติของโลกีย์ไม่ใช่สติปัญญาที่จะเข้าไปอบรมใจแก้ไขใจ ละกิเลสที่ใจ สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา ต้องเอาไปใช้การใช้งานทำหน้าที่ชี้เหตุชี้ผลเห็นเหตุเห็นผล ท่านถึงบอกว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งของตน’ ตนคือสติที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละเป็นที่พึ่งของใจ ถึงว่าตนเป็นที่พึ่งของตน

แต่เวลานี้ใจของเราไปพึ่งสารพัดอย่าง พึ่งมายึดติดขันธ์ห้า แล้วก็พึ่งภายนอก พึ่งสมมติ พึ่งสารพัดอย่าง อันนั้นเราก็พึ่งได้อยู่ในระดับของสมมติ ไม่ใช่ว่าพึ่งไม่ได้ พึ่งได้เหมือนกันแต่พึ่งได้อยู่ในระดับชั่วครั้งชั่วคราว กายเนื้อแตกดับเราก็พึ่งไม่ได้ เราก็ต้องพยายามให้ได้ทรัพย์ทั้งสองอย่าง สมมติเราก็ทำหน้าที่ของเราให้เต็มเปี่ยม ส่วนวิมุตติทางด้านจิตใจ ก็หมั่นขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา

สักวันหนึ่งก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงวันนี้ วันพรุ่งนี้ เดือนนี้ เดือนหน้า ไม่ถึงปีนี้ ปีหน้า ไม่ถึงจริงๆ จะไปต่อเอาภพหน้า เพราะว่าตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ก็ต้องพยายามกัน หลวงพ่อก็เล่าเรื่องเก่าของเก่ามาตั้งยี่สิบสามสิบปี ก็เอาอย่างเก่านี้แหละ เล่าของเก่านี่แหละ แต่พวกท่านก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง

ถ้าคนขยันหมั่นเพียร รู้จักขัดเกลากิเลสทุกอิริยาบถ รู้จักอบรมใจทุกอิริยาบถ ก็คงจะเข้าถึงใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้นะ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้นะ ใจที่ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น การทรงความว่างเป็นอย่างนี้ กิเลสหยาบเป็นอย่างนี้ กิเลสละเอียดเป็นอย่างนี้ เราพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหนบ้าง กิเลสเหตุจากภายนอกทำให้เกิดหรือเกิดจากภายใน เราต้องหมั่นดูรู้ทุกอิริยาบถตั้งแต่ตื่นขึ้น


เวลาจะรับประทานข้าวปลาอาหารก็เหมือนกัน เราก็ต้องพิจารณากายหิว หรือว่าใจเกิดความอยาก ใจเกิดความยินดีในรูปรสกลิ่นเสียงหรือไม่ ในโลกธรรมหรือไม่ การพูดง่ายแต่การลงมือจริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้ ถึงมันไม่ถึงจุดหมายปลายทางก็พยายาม ล้มแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขปรับปรุงตัวเราใหม่

แต่ละวันความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบของเรามีหรือไม่หรือว่าเอาตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ หรือว่ามีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัว มีตั้งแต่ความอิจฉาริษยา เราก็ต้องหัดวิเคราะห์หัดพิจารณาอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราละกิเลสได้ดับความเกิดได้ ก็ไม่มีกิเลสตัวไหนที่จะมาให้เราละอีกต่อไป

มันก็ยากตั้งแต่ช่วงใหม่ๆ ที่ท่านบอกว่าเป็นการทวนกระแสกิเลส ถ้าเราเข้าใจแล้วไปตามกระแสธรรมอยู่กับธรรม กายก็เป็นก้อนธรรม ใจก็เป็นองค์ธรรม แต่เวลานี้ใจเป็นโลก กายเป็นโลก ใจปรุงแต่งขันธ์ห้า ปรุงแต่ง ทั้งที่ทุกคนก็อยากจะปล่อย อยากจะวาง อยากจะหาทางดับทุกข์ เราไม่รู้จักจุดปล่อยจุดวางมันก็วางไม่ได้ ถ้าเรารู้จักจุดปล่อยจุดวาง แยกแยะได้ ถ้าเราไม่ทำความเข้าใจให้ถึงจุดหมายปลายทาง กิเลสมันก็เล่นงานเราอยู่เหมือนกัน เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตัวใจก็ยังหลอกตัวเอง สติปัญญาก็ยังหลอกตัวเอง จนกว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะคลายออกอยู่ในความเป็นกลาง มีความมั่นคงด้วยเหตุด้วยผลจริงๆ เขาถึงจะมองเห็นตามสภาพของความเป็นจริง

ก็ต้องพยายามกันนะ ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี หมั่นสร้างสะสมคุณงามความดี อย่าไปมองข้าม คิดดีทำดี การกระทำของเราให้ถึงพร้อมมันถึงจะเกิดประโยชน์ โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดสถานที่เปิดไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีโอกาสก็ให้ทำกันอย่าไปปล่อยปละละเลย คนเราหมดลมหายใจก็มีตั้งแต่เรื่องบุญเรื่องบาป สมมติต่างๆ เราก็อาศัยกันได้อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ทางด้านจิตใจการขัดเกลากิเลสก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา ก็ต้องพยายามกัน

เอาล่ะ วันนี้ก็จะเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง