
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 121
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 121
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 121
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 19 ธันวาคม 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาได้เจริญสติแล้วหรือยัง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกที่กระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน
เพียงแค่เรื่องหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสังเกต ขาดการสร้างความรู้ตัว ทั้งที่ใจก็มีศรัทธาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย อยากทำบุญ อยากให้ทาน ตรงนี้มีเป็นพื้นฐานกันอยู่แล้ว แต่การเจริญสติที่จะเข้าไปอบรมใจ ไปชี้เหตุชี้ผล ไปเห็นเหตุเห็นผลจนใจคลายออกจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนาม ตรงนี้กำลังสติมีไม่เพียงพอ เราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา ผิดพลาดพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ พลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่จนกว่าความรู้ตัวหรือว่าสติของเราเข้มแข็ง รู้เท่า รู้ทัน รู้จักควบคุมใจ ควบคุมอารมณ์ แล้วก็รู้จักสร้างตบะบารมีจนใจของเรามองเห็นความเป็นจริง ใจถึงจะปล่อยจะวางได้ ไม่ใช่ทำปุ๊บจะได้ปั๊บ ค่อยทำ ค่อยเป็น ค่อยไป
หมั่นสำรวจกายสำรวจใจของเรา แต่ละวันๆ ใจของเรามีความปกติ ใจของเรามีความกังวล ใจของเรามีความฟุ้งซ่าน ใจของเรามีความลังเล หรือว่าใจของเราเกิดกิเลส กิเลสระดับไหน ระดับต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ กิเลสหยาบหรือว่ากิเลสละเอียด ถ้าเราหมั่นสังเกตบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ รู้จักแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา จิตใจของเราก็จะเบาบางจากกิเลส การฝึกหัดปฏิบัติเราก็จะเข้าถึงความสะอาด ความบริสุทธิ์ของใจได้เร็วได้ไวขึ้น เราก็ต้องพยายามอย่าไปมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
ความเกิด ความเกิดของใจเล็กๆ น้อยๆ นั้นแหละ เราก็เลยขาดการได้รู้ทรัพย์อันใหญ่ เราละ เราทำความเข้าใจตั้งแต่การเกิดตั้งแต่ตัวเล็กๆ ตัวใหญ่มันก็เกิดไม่ได้ เราก็พยายามเอานะ
ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีนั่นแหละ ขณะที่เรายังมีลมหายใจ เราก็พยายามรีบตักตวงหากำไรในกายก้อนนี้ให้ได้ ทำความเข้าใจกับภาษาธรรม ทำความเข้าใจกับภาษาโลก สมมติ วิมุตติ ถ้าใจคลายออกจากขันธ์ห้าได้เราก็จะเข้าใจคำว่า ’อัตตา อนัตตา’ เข้าใจในเรื่องหลักของอริยสัจความจริงอันประเสริฐซึ่งมีอยู่ในกายของเรา มองเห็นความเป็นจริง สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
บุญสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม เราอย่าพากันเกียจคร้าน มีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ สิ่งพวกนี้แหละเป็นตบะบารมีอย่างยิ่งเลยทีเดียว รู้จักสร้างขึ้นมา รู้จักขวนขวาย การกระทำของเราให้ถึงพร้อม ทั้งกาย ทั้งวาจา ลึกลงไปก็ต้นเหตุอยู่ที่ใจ ทำความเข้าใจกับสมมติ เคารพสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ อยู่ที่ไหนเราก็จะมีแต่ความสุข อะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็รีบแก้ไขเสีย เพราะว่ากายของเราก็อาศัยปัจจัยสี่ อาศัยสมมติ อาศัยโลกธรรม ใจของเราก็อาศัยกายอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกันต่อเนื่องกัน
เราก็ต้องพยายามศึกษาให้ละเอียดก่อนที่ธาตุขันธ์จะแตกจะดับก่อนที่จะหมดลมหายใจ กายของเรานี้แหละสนามรบอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ย่นย่อลงไปก็มีแต่รูปกับนาม มีแต่รูปกับนาม การละอกุศล เจริญกุศล แล้วก็วางทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ยึด ไม่ติด ยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล แต่เราต้องทำความเข้าใจให้ได้เสียก่อน ทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่องจนใจมองเห็นความเป็นจริง จนใจไม่ยึดไม่ติดนั่นแหละถึงจะปล่อยวางได้ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็นับว่าเป็นโชคอันประเสริฐ แล้วก็ได้มีโอกาสฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ คำสอนตั้งหลายร้อยหลายพันปีก็ยังอยู่
การปฏิบัติอย่างนี้ ทำอย่างนี้เราก็จะเห็นอย่างนี้ การเจริญสติ การทำความเข้าใจ ทั้งที่ธรรมะก็มีอยู่ประจำโลก พระพุทธองค์เกิดมาแล้วก็ค้นพบ แล้วก็เอามาจำแนกแจกแจงให้สัตว์โลกได้ปฏิบัติตามเพื่อที่จะให้บรรลุถึงเป้าหมาย คือความบริสุทธิ์หลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเกิดกัน เราทำได้เท่าไหร่ก็ทำ ทำมากทำน้อยก็เป็นอานิสงส์ของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็จะมีส่วนแห่งบุญ
แต่เวลานี้กำลังสติของเรามีน้อยเต็มที เราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา สร้างขึ้นมาเอาไปใช้ เอาไปวิเคราะห์ เอาไปวิเคราะห์ชีวิตของเรา อะไรคือวิญญาณในกายเป็นอย่างไร วิญญาณในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร การเกิดการดับเป็นอย่างไร วิญญาณหรือว่าใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากขันธ์ห้าแยกรูปแยกนามเป็นอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่เกิดจนกระทั่งวันหมดลมหายใจนั้นแหละถึงจะได้วางสมมติก้อนนี้ เพราะว่ากายเป็นก้อนสมมติ ให้เราพยายามวางด้วยปัญญาเสียก่อน รู้ด้วยปัญญาเสียก่อน ก่อนที่เขาจะแตกจะดับ
อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล อย่าพากันเกียจคร้าน ถ้าเราเกียจคร้านครั้งหนึ่งสองครั้งสามครั้งก็ความเกียจคร้านก็พอกพูนขึ้นไปเรื่อยๆ คงจะเป็นเหมือนดินพอกหางหมู ขัดเกลาเอาออกยาก
เราพยายามสร้างความขยัน สร้างความเสียสละ ขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา ใจของเราเกิดความอยากเราก็พยายามละความอยาก เกิดความโลภก็ละความโลภด้วยการให้ด้วยการเอาออก ใจเกิดความโกรธเราก็พยายามดับความโกรธแล้วก็ให้อภัยทาน อโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี คิดดี มองโลกในทางบวก เราพยายามแก้ไขเรา ถ้าเราแก้ไขเราไม่ได้ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลยนอกจากตัวของเรา ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 19 ธันวาคม 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาได้เจริญสติแล้วหรือยัง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกที่กระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน
เพียงแค่เรื่องหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสังเกต ขาดการสร้างความรู้ตัว ทั้งที่ใจก็มีศรัทธาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย อยากทำบุญ อยากให้ทาน ตรงนี้มีเป็นพื้นฐานกันอยู่แล้ว แต่การเจริญสติที่จะเข้าไปอบรมใจ ไปชี้เหตุชี้ผล ไปเห็นเหตุเห็นผลจนใจคลายออกจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนาม ตรงนี้กำลังสติมีไม่เพียงพอ เราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา ผิดพลาดพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ พลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่จนกว่าความรู้ตัวหรือว่าสติของเราเข้มแข็ง รู้เท่า รู้ทัน รู้จักควบคุมใจ ควบคุมอารมณ์ แล้วก็รู้จักสร้างตบะบารมีจนใจของเรามองเห็นความเป็นจริง ใจถึงจะปล่อยจะวางได้ ไม่ใช่ทำปุ๊บจะได้ปั๊บ ค่อยทำ ค่อยเป็น ค่อยไป
หมั่นสำรวจกายสำรวจใจของเรา แต่ละวันๆ ใจของเรามีความปกติ ใจของเรามีความกังวล ใจของเรามีความฟุ้งซ่าน ใจของเรามีความลังเล หรือว่าใจของเราเกิดกิเลส กิเลสระดับไหน ระดับต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ กิเลสหยาบหรือว่ากิเลสละเอียด ถ้าเราหมั่นสังเกตบ่อยๆ ทำความเข้าใจบ่อยๆ รู้จักแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา จิตใจของเราก็จะเบาบางจากกิเลส การฝึกหัดปฏิบัติเราก็จะเข้าถึงความสะอาด ความบริสุทธิ์ของใจได้เร็วได้ไวขึ้น เราก็ต้องพยายามอย่าไปมองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
ความเกิด ความเกิดของใจเล็กๆ น้อยๆ นั้นแหละ เราก็เลยขาดการได้รู้ทรัพย์อันใหญ่ เราละ เราทำความเข้าใจตั้งแต่การเกิดตั้งแต่ตัวเล็กๆ ตัวใหญ่มันก็เกิดไม่ได้ เราก็พยายามเอานะ
ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีนั่นแหละ ขณะที่เรายังมีลมหายใจ เราก็พยายามรีบตักตวงหากำไรในกายก้อนนี้ให้ได้ ทำความเข้าใจกับภาษาธรรม ทำความเข้าใจกับภาษาโลก สมมติ วิมุตติ ถ้าใจคลายออกจากขันธ์ห้าได้เราก็จะเข้าใจคำว่า ’อัตตา อนัตตา’ เข้าใจในเรื่องหลักของอริยสัจความจริงอันประเสริฐซึ่งมีอยู่ในกายของเรา มองเห็นความเป็นจริง สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน
บุญสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม เราอย่าพากันเกียจคร้าน มีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ สิ่งพวกนี้แหละเป็นตบะบารมีอย่างยิ่งเลยทีเดียว รู้จักสร้างขึ้นมา รู้จักขวนขวาย การกระทำของเราให้ถึงพร้อม ทั้งกาย ทั้งวาจา ลึกลงไปก็ต้นเหตุอยู่ที่ใจ ทำความเข้าใจกับสมมติ เคารพสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ อยู่ที่ไหนเราก็จะมีแต่ความสุข อะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็รีบแก้ไขเสีย เพราะว่ากายของเราก็อาศัยปัจจัยสี่ อาศัยสมมติ อาศัยโลกธรรม ใจของเราก็อาศัยกายอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกันต่อเนื่องกัน
เราก็ต้องพยายามศึกษาให้ละเอียดก่อนที่ธาตุขันธ์จะแตกจะดับก่อนที่จะหมดลมหายใจ กายของเรานี้แหละสนามรบอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ย่นย่อลงไปก็มีแต่รูปกับนาม มีแต่รูปกับนาม การละอกุศล เจริญกุศล แล้วก็วางทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ยึด ไม่ติด ยังประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล แต่เราต้องทำความเข้าใจให้ได้เสียก่อน ทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่องจนใจมองเห็นความเป็นจริง จนใจไม่ยึดไม่ติดนั่นแหละถึงจะปล่อยวางได้ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็นับว่าเป็นโชคอันประเสริฐ แล้วก็ได้มีโอกาสฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ คำสอนตั้งหลายร้อยหลายพันปีก็ยังอยู่
การปฏิบัติอย่างนี้ ทำอย่างนี้เราก็จะเห็นอย่างนี้ การเจริญสติ การทำความเข้าใจ ทั้งที่ธรรมะก็มีอยู่ประจำโลก พระพุทธองค์เกิดมาแล้วก็ค้นพบ แล้วก็เอามาจำแนกแจกแจงให้สัตว์โลกได้ปฏิบัติตามเพื่อที่จะให้บรรลุถึงเป้าหมาย คือความบริสุทธิ์หลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเกิดกัน เราทำได้เท่าไหร่ก็ทำ ทำมากทำน้อยก็เป็นอานิสงส์ของเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็จะมีส่วนแห่งบุญ
แต่เวลานี้กำลังสติของเรามีน้อยเต็มที เราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา สร้างขึ้นมาเอาไปใช้ เอาไปวิเคราะห์ เอาไปวิเคราะห์ชีวิตของเรา อะไรคือวิญญาณในกายเป็นอย่างไร วิญญาณในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร การเกิดการดับเป็นอย่างไร วิญญาณหรือว่าใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายจากขันธ์ห้าแยกรูปแยกนามเป็นอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่เกิดจนกระทั่งวันหมดลมหายใจนั้นแหละถึงจะได้วางสมมติก้อนนี้ เพราะว่ากายเป็นก้อนสมมติ ให้เราพยายามวางด้วยปัญญาเสียก่อน รู้ด้วยปัญญาเสียก่อน ก่อนที่เขาจะแตกจะดับ
อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล อย่าพากันเกียจคร้าน ถ้าเราเกียจคร้านครั้งหนึ่งสองครั้งสามครั้งก็ความเกียจคร้านก็พอกพูนขึ้นไปเรื่อยๆ คงจะเป็นเหมือนดินพอกหางหมู ขัดเกลาเอาออกยาก
เราพยายามสร้างความขยัน สร้างความเสียสละ ขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา ใจของเราเกิดความอยากเราก็พยายามละความอยาก เกิดความโลภก็ละความโลภด้วยการให้ด้วยการเอาออก ใจเกิดความโกรธเราก็พยายามดับความโกรธแล้วก็ให้อภัยทาน อโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี คิดดี มองโลกในทางบวก เราพยายามแก้ไขเรา ถ้าเราแก้ไขเราไม่ได้ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลยนอกจากตัวของเรา ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน