
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 116
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 116
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 116
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพวกเราพวกท่านได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว การสูดลมหายใจยาวๆ ผ่อนลมหายใจยาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ความรู้สึกนึกคิดที่เกิดจากใจก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน
ทั้งที่การหายใจเข้าออกของเราก็มีมาตั้งแต่เกิด แต่เราขาดการสร้างความรู้ตัว หายใจเข้าหายใจออก หายใจยาวหายใจสั้น รู้ให้ต่อเนื่อง อันนี้เป็นการเจริญสติรู้กาย ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่องเราก็จะรู้ลึกลงรู้เท่าทัน รู้ลักษณะของใจ รู้ความปกติของใจ รู้อาการของใจ การเกิดของใจ รู้อาการเกิดของขันธ์ห้า รู้ว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจ คิดกับใจเขารวมกันไปได้อย่างไรเราพยายามหัดวิเคราะห์ หัดสังเกต
แต่ความรู้ตัว หรือว่าการเจริญสติของเรามีอยู่บ้างนิดหน่อย เมื่อระลึกได้ ส่วนมากก็ทิ้ง ส่วนการทำบุญศรัทธาให้ทาน ความเสียสละตรงนี้มีอยู่ การทำบุญให้ทาน การละกิเลสการดับ การละความโลภความโกรธ อันนี้ก็มีอยู่เป็นบางครั้งบางช่วง ส่วนมากก็ปล่อยให้กิเลสเล่นงาน การเจริญสติก็เพื่อที่จะเอาสติปัญญาไปใช้ไปอบรมใจของเรา กำลังสติมีไม่เพียงพอก็อบรมใจของเราไม่ได้ ในเมื่อเรารู้จักวิธีการแนวทาง เราก็พยายามไปทำตั้งแต่ตื่นขึ้นจนเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล เห็นการแยกการคลาย เห็นใจคลายออกจากความคิด รู้ลักษณะของใจ เราก็จะเข้าใจคำว่า ‘อัตตา-อนัตตา’ ในคำสอนของพระพุทธองค์ เข้าใจคำว่า ‘สมมติ-วิมุตติ’ เพียงแค่ใจคลายออกจากความคิด เขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฐิ’ ความเห็นถูกในหลักธรรม แต่ใจของเราไม่เคยคลายสักที มีตั้งแต่เกิด มีตั้งแต่ยึด มีตั้งแต่หลง มีตั้งแต่เป็นทาสของกิเลส เพราะกำลังสติของเรามีไม่เพียงพอ แถมให้กิเลสมาเล่นงานก็เลยเข้าไม่ถึงความเป็นจริงสักที ก็ต้องพยายาม
เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่เรื่องของคนอื่น อย่าไปให้คนอื่นเขาละกิเลสให้ก็ไม่ได้นอกจากตัวของเรา รู้จักวิธีการแนวทางแล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจตัวของเราเองอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะให้คนอื่นมาสอนเราได้เลย พระพุทธเจ้าพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแนวทางแล้วเอามาจำแนกแจกแจง มาเปิดเผย ดำเนินอย่างนี้ ทำอย่างนี้ นี่จะเข้าถึงอย่างนี้ เราต้องทำให้มีให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรามันก็ไม่เหลือวิสัย บางคนบางท่านก็ขยันหมั่นเพียรก็จะเดินถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว อย่าไปทิ้งในการเจริญภาวนา ในการทำบุญ ในการให้ทาน
ตื่นขึ้นมาเราละความเกียจคร้านออกจากใจของเรา เราก็ได้บุญแล้ว คิดดีก็ได้บุญแล้ว ทำดีก็ได้บุญแล้ว เห็นคนอื่นทำเราก็อนุโมทนาสาธุ เราก็ได้บุญแล้ว แม้ตั้งแต่ใส่บาตรเราก็ได้บุญ ใส่บาตรถอดรองเท้า พวกนี้เราก็ได้บุญหมดนั่นแหละ แต่ถ้าเรารู้จักรู้วิธีความอ่อนน้อมถ่อมตนความกตัญญูกตเวที ความเสียสละ สัจจะความจริง ต้องเป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มองโลกในทางที่ดี คิดดี
รู้จักวิเคราะห์ อันนี้สติ อันนี้ใจ อันนี้สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาอบรมใจ การอดทนอดกลั้นเขาเรียกว่า ‘ตบะ’ อดทีนั้นอดทีนี้ อบรมใจของเราจากน้อยๆ ไปหามากๆ ไม่ใช่ให้กิเลสมาเล่นงานไม่ให้ความอยากความทะเยอทะยานอยากมาเล่นงาน ทั้งอยากทั้งไม่อยาก กิเลสหยาบกิเลสละเอียด มีอยู่ในกายของเราเยอะมากมาย
เจริญสติเข้าไป มีกำลังสติมากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นเยอะ เห็นเยอะเท่าไหร่ เราก็ทำความเข้าใจทำความเข้าใจรู้ความเป็นจริง แล้วค่อยละ ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บมันจะได้ปั๊บ เราก็ค่อยสร้างสะสมบุญบารมีของเราไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ถึงช้าก็ถึงเร็ว ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เป็นเรื่องของเรา อะไรควรแก้ไขได้ก็รีบแก้ไข ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ สมมติอะไรมันขาดตกบกพร่องเราก็ทำให้มีให้เกิดขึ้น ก็จะส่งผลถึงทางด้านจิตใจไม่ให้ได้ลำบาก
ก็ต้องพยายามกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา แต่ละวันๆ ตื่นขึ้นมารีบแก้ไขเรา ทั้งโลกทั้งธรรม ธรรมกับโลกก็อาศัยกันอยู่ จิตกับกายก็อาศัยกันอยู่ เราก็มาสำรวจตรวจตราดูเรา เอาเรื่องของเราให้มันจบ แล้วก็ล้นออกไปยังประโยชน์ต่อพี่ต่อน้องต่อเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นอานิสงส์ก็บังเกิดขึ้นมากมายขึ้นไปเรื่อยๆ จากน้อยๆ ไปหามากๆ ก็ต้องพยายามกันนะ
พระเราพากันไปช่วยอาจารย์ณรงค์ ไปช่วยกันรื้อท่อน้ำหยดที่เคยเดินอยู่ในป่า ท่อยางดำๆ ไปรื้อออกมาก็เพื่อที่จะได้เดินน้ำบาดาลข้างหน้าต่อไปที่สวนกล้วยที่เราปลูกเอาไว้ประมาณ 4-5 ไร่ปลูกกล้วยเอาไว้มันขาดน้ำ ช่วยกันไปรื้อให้หน่อย รื้อแล้วก็จะมาต่อสายน้ำจากบาดาลขึ้นไปบาดาลที่เจาะเอาไว้ที่ลานจอดรถ ไปรดต้นกล้วยที่ต่อไปในวันข้างหน้าเราก็จะได้อาศัยทั้งใบทั้งผลทั้งดอก ใครไปใครมาก็จะได้มีกล้วยได้อยู่ได้กิน เราปลูกกล้วยเอาไว้ไม่ให้สถานที่ปล่อยรกร้างหรือว่าว่างเปล่า พากันช่วยกันไปรื้อสายน้ำสายพีวีหรือพีเอนั้นแหละสายดำๆ ที่เรามาวางไว้ทั่วป่า ที่ไม่ได้ใช้ตั้งแต่ก่อนก็มารดน้ำในป่า ทีนี้ตรงนี้ต้นไม้เขาช่วยเหลือตัวเองได้เราก็จะค่อยรื้อ รื้อแล้วไปรดเอาไปฝั่งเอาไปเดินสายน้ำไปรดป่ากล้วยให้ได้อาศัยในวันข้างหน้า
พวกเราขยันหมั่นเพียร ทำความเข้าใจก็จะได้ไม่อดไม่อยาก ก็จะล้นออกไปสู่พี่สู่น้องหลายสิ่งหลายอย่าง หัดฝึกหัดเป็นคนขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ อย่าเห็นแก่ความเกียจคร้าน อย่าเห็นแก่กิน อย่าเห็นแก่ตัว พยายามสร้างความขยันสร้างความรับผิดชอบพวกนี้เป็นตบะอย่างยิ่งเลยแหละ ถ้าเราเสียสละไม่ได้มันก็ขัดเกลากิเลสไม่ได้ เราหมั่นขัดเกลากิเลสหมั่นเอาออก หมั่นยังหมั่นสร้างขึ้นมาก็จะเกิดประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนตั้งแต่ตื่นขึ้น
เดินไปเจอความไม่เป็นระเบียบ เราก็พยายามทำให้เป็นระเบียบเสีย ห้องส้วมห้องน้ำก็เหมือนกัน ห้องน้ำห้องไหนสกปรกเราก็ไปทำ ทำไว้เยอะ ทำไว้เยอะก็เพื่อความสะดวกสบายของทุกคนแต่คนใช้ก็ไม่ค่อยจะรู้จักรักษา พากันใช้พากันทำลาย พากันทำให้เสียหาย แทนที่มีแล้วจะยังประโยชน์มาใช้มาอาศัย แล้วก็ทั้งก๊อกน้ำก็หักทิ้งก็มี โถส้วมพังทลายก็มี ทั้งความสกปรก เราก็ช่วยกันดูแล
เพราะว่าจิตใจของแต่ละคนก็สภาพไม่เหมือนกัน บางคนก็รักความสะอาด ทุกคนรักความสะอาดชอบความสะอาด รักสะอาดแต่ชอบสกปรก ทิ้งมันเกลื่อน เราก็พยายามฝึกหัดตัวเราแก้ไขตัวเรา เข้าห้องส้วมห้องน้ำเราก็ดูห้องไหนสกปรก เราก็เข้าห้องนั้น ได้กำไร น้ำไม่มีเราก็เปิดใส่ มันสกปรกเราก็ช่วยกันดูแลช่วยกันรักษา บางคนบางท่านก็จิตอาสามาทำความสะอาดห้องส้วมห้องน้ำ แต่ละจุดๆ นั่นแหละเป็นบุคคลที่มีความเสียสละ
เรื่องการทำบุญรู้จักเอาบุญไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทั้งที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เราอย่าไปมองข้ามความเป็นระเบียบ ระเบียบในตัวเราล้นออกไปสู่ภายนอก อย่าให้คนอื่นเขาบังคับ บังคับให้ทำ บังคับให้โน้นให้นี่ อันนั้นมันไปไม่ถึงไหนหรอก
เราต้องบังคับตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราตั้งแต่ความคิด ความพูด วาจากาย วาจาใจ บุญก็จะเกิดขึ้น คำพูดคำจาของเรา อะไรควรพูด อะไรควรละ พูดน้อย นอนน้อย ฝึกหัดปฏิบัติให้มากๆ ให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา เราก็จะได้อานิสงส์มากมาย จิตใจของเราก็จะมีตั้งแต่ความสุขการปล่อยการวางก็จะไปได้เร็วได้ไว
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าเรามีความเกียจคร้าน บอกตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็นแล้ว ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เกิดประโยชน์ หนักตัวเอง หนักคนอื่น หนักสถานที่ เราก็พยายามแก้ไขตัวเราเสีย ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความอาจหาญกล้าหาญไม่เก้อไม่เขิน ไปอยู่ที่ไหนเราก็จะมีตั้งแต่ความสุข ก็พยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริง
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพวกเราพวกท่านได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว การสูดลมหายใจยาวๆ ผ่อนลมหายใจยาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ความรู้สึกนึกคิดที่เกิดจากใจก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน
ทั้งที่การหายใจเข้าออกของเราก็มีมาตั้งแต่เกิด แต่เราขาดการสร้างความรู้ตัว หายใจเข้าหายใจออก หายใจยาวหายใจสั้น รู้ให้ต่อเนื่อง อันนี้เป็นการเจริญสติรู้กาย ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่องเราก็จะรู้ลึกลงรู้เท่าทัน รู้ลักษณะของใจ รู้ความปกติของใจ รู้อาการของใจ การเกิดของใจ รู้อาการเกิดของขันธ์ห้า รู้ว่าความคิดที่เราไม่ตั้งใจ คิดกับใจเขารวมกันไปได้อย่างไรเราพยายามหัดวิเคราะห์ หัดสังเกต
แต่ความรู้ตัว หรือว่าการเจริญสติของเรามีอยู่บ้างนิดหน่อย เมื่อระลึกได้ ส่วนมากก็ทิ้ง ส่วนการทำบุญศรัทธาให้ทาน ความเสียสละตรงนี้มีอยู่ การทำบุญให้ทาน การละกิเลสการดับ การละความโลภความโกรธ อันนี้ก็มีอยู่เป็นบางครั้งบางช่วง ส่วนมากก็ปล่อยให้กิเลสเล่นงาน การเจริญสติก็เพื่อที่จะเอาสติปัญญาไปใช้ไปอบรมใจของเรา กำลังสติมีไม่เพียงพอก็อบรมใจของเราไม่ได้ ในเมื่อเรารู้จักวิธีการแนวทาง เราก็พยายามไปทำตั้งแต่ตื่นขึ้นจนเห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล เห็นการแยกการคลาย เห็นใจคลายออกจากความคิด รู้ลักษณะของใจ เราก็จะเข้าใจคำว่า ‘อัตตา-อนัตตา’ ในคำสอนของพระพุทธองค์ เข้าใจคำว่า ‘สมมติ-วิมุตติ’ เพียงแค่ใจคลายออกจากความคิด เขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฐิ’ ความเห็นถูกในหลักธรรม แต่ใจของเราไม่เคยคลายสักที มีตั้งแต่เกิด มีตั้งแต่ยึด มีตั้งแต่หลง มีตั้งแต่เป็นทาสของกิเลส เพราะกำลังสติของเรามีไม่เพียงพอ แถมให้กิเลสมาเล่นงานก็เลยเข้าไม่ถึงความเป็นจริงสักที ก็ต้องพยายาม
เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่เรื่องของคนอื่น อย่าไปให้คนอื่นเขาละกิเลสให้ก็ไม่ได้นอกจากตัวของเรา รู้จักวิธีการแนวทางแล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจตัวของเราเองอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะให้คนอื่นมาสอนเราได้เลย พระพุทธเจ้าพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแนวทางแล้วเอามาจำแนกแจกแจง มาเปิดเผย ดำเนินอย่างนี้ ทำอย่างนี้ นี่จะเข้าถึงอย่างนี้ เราต้องทำให้มีให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรามันก็ไม่เหลือวิสัย บางคนบางท่านก็ขยันหมั่นเพียรก็จะเดินถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว อย่าไปทิ้งในการเจริญภาวนา ในการทำบุญ ในการให้ทาน
ตื่นขึ้นมาเราละความเกียจคร้านออกจากใจของเรา เราก็ได้บุญแล้ว คิดดีก็ได้บุญแล้ว ทำดีก็ได้บุญแล้ว เห็นคนอื่นทำเราก็อนุโมทนาสาธุ เราก็ได้บุญแล้ว แม้ตั้งแต่ใส่บาตรเราก็ได้บุญ ใส่บาตรถอดรองเท้า พวกนี้เราก็ได้บุญหมดนั่นแหละ แต่ถ้าเรารู้จักรู้วิธีความอ่อนน้อมถ่อมตนความกตัญญูกตเวที ความเสียสละ สัจจะความจริง ต้องเป็นบุคคลที่มีความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มองโลกในทางที่ดี คิดดี
รู้จักวิเคราะห์ อันนี้สติ อันนี้ใจ อันนี้สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาอบรมใจ การอดทนอดกลั้นเขาเรียกว่า ‘ตบะ’ อดทีนั้นอดทีนี้ อบรมใจของเราจากน้อยๆ ไปหามากๆ ไม่ใช่ให้กิเลสมาเล่นงานไม่ให้ความอยากความทะเยอทะยานอยากมาเล่นงาน ทั้งอยากทั้งไม่อยาก กิเลสหยาบกิเลสละเอียด มีอยู่ในกายของเราเยอะมากมาย
เจริญสติเข้าไป มีกำลังสติมากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นเยอะ เห็นเยอะเท่าไหร่ เราก็ทำความเข้าใจทำความเข้าใจรู้ความเป็นจริง แล้วค่อยละ ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บมันจะได้ปั๊บ เราก็ค่อยสร้างสะสมบุญบารมีของเราไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็คงจะถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ถึงช้าก็ถึงเร็ว ก็ต้องพยายามกัน อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เป็นเรื่องของเรา อะไรควรแก้ไขได้ก็รีบแก้ไข ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ สมมติอะไรมันขาดตกบกพร่องเราก็ทำให้มีให้เกิดขึ้น ก็จะส่งผลถึงทางด้านจิตใจไม่ให้ได้ลำบาก
ก็ต้องพยายามกัน ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา แต่ละวันๆ ตื่นขึ้นมารีบแก้ไขเรา ทั้งโลกทั้งธรรม ธรรมกับโลกก็อาศัยกันอยู่ จิตกับกายก็อาศัยกันอยู่ เราก็มาสำรวจตรวจตราดูเรา เอาเรื่องของเราให้มันจบ แล้วก็ล้นออกไปยังประโยชน์ต่อพี่ต่อน้องต่อเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นอานิสงส์ก็บังเกิดขึ้นมากมายขึ้นไปเรื่อยๆ จากน้อยๆ ไปหามากๆ ก็ต้องพยายามกันนะ
พระเราพากันไปช่วยอาจารย์ณรงค์ ไปช่วยกันรื้อท่อน้ำหยดที่เคยเดินอยู่ในป่า ท่อยางดำๆ ไปรื้อออกมาก็เพื่อที่จะได้เดินน้ำบาดาลข้างหน้าต่อไปที่สวนกล้วยที่เราปลูกเอาไว้ประมาณ 4-5 ไร่ปลูกกล้วยเอาไว้มันขาดน้ำ ช่วยกันไปรื้อให้หน่อย รื้อแล้วก็จะมาต่อสายน้ำจากบาดาลขึ้นไปบาดาลที่เจาะเอาไว้ที่ลานจอดรถ ไปรดต้นกล้วยที่ต่อไปในวันข้างหน้าเราก็จะได้อาศัยทั้งใบทั้งผลทั้งดอก ใครไปใครมาก็จะได้มีกล้วยได้อยู่ได้กิน เราปลูกกล้วยเอาไว้ไม่ให้สถานที่ปล่อยรกร้างหรือว่าว่างเปล่า พากันช่วยกันไปรื้อสายน้ำสายพีวีหรือพีเอนั้นแหละสายดำๆ ที่เรามาวางไว้ทั่วป่า ที่ไม่ได้ใช้ตั้งแต่ก่อนก็มารดน้ำในป่า ทีนี้ตรงนี้ต้นไม้เขาช่วยเหลือตัวเองได้เราก็จะค่อยรื้อ รื้อแล้วไปรดเอาไปฝั่งเอาไปเดินสายน้ำไปรดป่ากล้วยให้ได้อาศัยในวันข้างหน้า
พวกเราขยันหมั่นเพียร ทำความเข้าใจก็จะได้ไม่อดไม่อยาก ก็จะล้นออกไปสู่พี่สู่น้องหลายสิ่งหลายอย่าง หัดฝึกหัดเป็นคนขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ อย่าเห็นแก่ความเกียจคร้าน อย่าเห็นแก่กิน อย่าเห็นแก่ตัว พยายามสร้างความขยันสร้างความรับผิดชอบพวกนี้เป็นตบะอย่างยิ่งเลยแหละ ถ้าเราเสียสละไม่ได้มันก็ขัดเกลากิเลสไม่ได้ เราหมั่นขัดเกลากิเลสหมั่นเอาออก หมั่นยังหมั่นสร้างขึ้นมาก็จะเกิดประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนตั้งแต่ตื่นขึ้น
เดินไปเจอความไม่เป็นระเบียบ เราก็พยายามทำให้เป็นระเบียบเสีย ห้องส้วมห้องน้ำก็เหมือนกัน ห้องน้ำห้องไหนสกปรกเราก็ไปทำ ทำไว้เยอะ ทำไว้เยอะก็เพื่อความสะดวกสบายของทุกคนแต่คนใช้ก็ไม่ค่อยจะรู้จักรักษา พากันใช้พากันทำลาย พากันทำให้เสียหาย แทนที่มีแล้วจะยังประโยชน์มาใช้มาอาศัย แล้วก็ทั้งก๊อกน้ำก็หักทิ้งก็มี โถส้วมพังทลายก็มี ทั้งความสกปรก เราก็ช่วยกันดูแล
เพราะว่าจิตใจของแต่ละคนก็สภาพไม่เหมือนกัน บางคนก็รักความสะอาด ทุกคนรักความสะอาดชอบความสะอาด รักสะอาดแต่ชอบสกปรก ทิ้งมันเกลื่อน เราก็พยายามฝึกหัดตัวเราแก้ไขตัวเรา เข้าห้องส้วมห้องน้ำเราก็ดูห้องไหนสกปรก เราก็เข้าห้องนั้น ได้กำไร น้ำไม่มีเราก็เปิดใส่ มันสกปรกเราก็ช่วยกันดูแลช่วยกันรักษา บางคนบางท่านก็จิตอาสามาทำความสะอาดห้องส้วมห้องน้ำ แต่ละจุดๆ นั่นแหละเป็นบุคคลที่มีความเสียสละ
เรื่องการทำบุญรู้จักเอาบุญไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทั้งที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอน ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เราอย่าไปมองข้ามความเป็นระเบียบ ระเบียบในตัวเราล้นออกไปสู่ภายนอก อย่าให้คนอื่นเขาบังคับ บังคับให้ทำ บังคับให้โน้นให้นี่ อันนั้นมันไปไม่ถึงไหนหรอก
เราต้องบังคับตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราตั้งแต่ความคิด ความพูด วาจากาย วาจาใจ บุญก็จะเกิดขึ้น คำพูดคำจาของเรา อะไรควรพูด อะไรควรละ พูดน้อย นอนน้อย ฝึกหัดปฏิบัติให้มากๆ ให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา เราก็จะได้อานิสงส์มากมาย จิตใจของเราก็จะมีตั้งแต่ความสุขการปล่อยการวางก็จะไปได้เร็วได้ไว
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าเรามีความเกียจคร้าน บอกตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็นแล้ว ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เกิดประโยชน์ หนักตัวเอง หนักคนอื่น หนักสถานที่ เราก็พยายามแก้ไขตัวเราเสีย ไปอยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความอาจหาญกล้าหาญไม่เก้อไม่เขิน ไปอยู่ที่ไหนเราก็จะมีตั้งแต่ความสุข ก็พยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริง