หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 111
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 111
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง เถ้าแก่ปักธงชัยพากันมาเอาล้อเลื่อนมาให้หน่อย ได้มาแต่เช้า ได้มาแต่เช้า มากับใคร
ก็ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ จิตใจของเราจะคิดไปที่ไหนเราก็พยายามหยุดเสียก่อนด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ตื่นขึ้น
ศรัทธาทุกคนมีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญเชื่อบาปเชื่อกรรม แล้วก็รู้จักฝักใฝ่สนใจในการทำบุญในการให้ทาน ตรงนี้ก็มีกันเป็นพื้นฐานอยู่ แต่การเจริญสติการสร้างความรู้ตัวตรงนี้แหละที่ยังทำกันไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ ส่วนมากก็ปล่อยปละละเลยก็เลยไม่ค่อยจะรู้ความเป็นจริงของชีวิตของตัวเอง
การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้เขามาจากไหน วิญญาณไปอย่างไรใจของเรา พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผย มาจำแนกแจกแจงให้เจริญสติลงที่กายอบรมใจของเราจนชี้เหตุชี้ผลเห็นเหตุเห็นผลได้นั้นแหละ ท่านถึงบอกให้เชื่อการเกิด เกิดทางพุทธศาสนา เกิดทางกายเนื้อก็คือร่างกายของเราซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครองเรียกว่า ‘ใจ’ ของเรา
ทีนี้การเกิดทางด้านจิต วิญญาณ ทางด้านนามธรรม เกิดจากตัวจิตหรือว่าตัวใจโดยตรง หรือเกิดจากขันธ์ห้า อาการของใจที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดเขาเข้าไปรวมกัน ไปหลงรวมกันไปได้อย่างไรนี้แหละกำลังสติของเรามีไม่เพียงพอ ก็เลยไม่ค่อยจะเข้าถึงตรงนี้กันเท่าไหร่ ก็ได้แค่ทำบุญให้ทาน ละกิเลสได้เป็นบางครั้งบางคราว ทำอย่างไรเราถึงจะละได้ตลอดทุกสิ่งทุกอย่าง
บริหารกายบริหารใจของเราด้วยปัญญา อยู่ด้วยปัญญา ทำความเข้าใจด้วยปัญญา จะไปไหนมาไหนก็เป็นเรื่องของปัญญาพากายไปใจรับรู้ อะไรที่เป็นอกุศลเราก็ละเสีย อะไรที่เป็นกุศลเราก็พยายามเจริญให้มีให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี พยายามขยันหมั่นเพียรแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ไม่มีใครจะสอนเราได้เลยนอกจากตัวของเราเอง
พระพุทธองค์ท่านก็ค้นพบเอามาเปิดเผยจำแนกแจกแจง ดำเนินอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้ ก็จะเข้าถึงตรงนี้อย่างนี้ พวกเราจะพากันปฏิบัติขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราได้หรือไม่เท่านั้นเอง กิเลสหยาบกิเลสละเอียด อะไรคือสมมติอะไรคือวิมุตติ คำว่า ‘อัตตา อนัตตา’ เป็นอย่างไร เราต้องรู้ต้องเห็นซึ่งมีอยู่ในกายของเราเป็นเรื่องของทุกคนทุกเรื่องในชีวิต ตั้งแต่ตื่นขึ้นกระทั่งนอนหลับจนกระทั่งหมดลมหายใจ
เรามีความเสียสละเรามีความเห็นแก่ตัวเราก็พยายามละความเห็นแก่ตัว เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร เรามีจิตใจที่แข็งกร้าวเราก็พยายามละความแข็งกร้าวสร้างความอ่อนโยนอ่อนน้อม มีสัจจะกับตัวเรา มีความจริงใจ มีความรับผิดชอบ ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ธรรมปฏิบัติแต่ธรรมสติก็ไม่รู้จัก เจริญขึ้นมาเอาไปใช้ มีตั้งแต่กิเลสเข้าเล่นงาน มีตั้งแต่ความหลงเข้าครอบคลุม
คนเรานี้จิตใจของคนเรานี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด แล้วก็มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์แล้วก็มาหลงต่อ บางทีก็หลงในกุศลบ้างบางทีก็หลงในอกุศลบ้าง เพราะว่าใจไม่ได้อยู่ในความเป็นกลาง ใจไม่ได้อยู่ในความว่าง ใจยังไม่ได้คลายจากขันธ์ห้า ใจยังไม่ได้ปล่อยได้วาง ถึงใจปกติใจไม่มีกิเลสก็เป็นใจที่คว่ำอยู่ไม่ใช่ใจที่หงายขึ้นมา รู้ความเป็นจริง เราพยามยามหัดวิเคราะห์หัดสำรวจ หัดตรวจตราแก้ไขตัวเราทุกขณะจิตทุกขณะลมหายใจเข้าออก จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ ในการแก้ไข ในการทำความเข้าใจ อะไรไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่ทำ อะไรซึ่งเป็นประโยชน์เราก็พยายามช่วยกันทำไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดสถานที่เปิดให้เราพยายามทำ
คิดดีก็เป็นบุญทำดีก็เป็นบุญ การกระทำของเราให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ อะไรที่จะนำทุกข์นำโทษมาให้เราก็พยายามหลีกเลี่ยง แล้วก็แก้ไขเสียให้อยู่ดีมีความสุขไปที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข ให้พยายามรีบสร้างหากำไรในกายก้อนนี้ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ อายุขัยในโลกมนุษย์มีไม่มากมีนิดเดียว เราอย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา ให้รีบตักตวงสร้างประโยชน์สร้างคุณงามความดีให้กับจิตกับใจกับกายก้อนนี้ให้ได้จนกว่าเขาจะหมดลมหายใจ
โอกาสเปิดแล้ว กาลเวลาเปิดแล้ว สถานที่เปิดแล้ว ให้พากันพยายามพากันวิเคราะห์พิจารณาแล้วก็เร่งสร้างคุณงามความดี สูงขึ้นไปก็เจริญสติให้เข้าไปดูรู้ใจแยกรูปแยกนามเดินปัญญาขั้นสูงละกิเลสให้หมด อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
ก็ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ จิตใจของเราจะคิดไปที่ไหนเราก็พยายามหยุดเสียก่อนด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ตื่นขึ้น
ศรัทธาทุกคนมีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญเชื่อบาปเชื่อกรรม แล้วก็รู้จักฝักใฝ่สนใจในการทำบุญในการให้ทาน ตรงนี้ก็มีกันเป็นพื้นฐานอยู่ แต่การเจริญสติการสร้างความรู้ตัวตรงนี้แหละที่ยังทำกันไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ ส่วนมากก็ปล่อยปละละเลยก็เลยไม่ค่อยจะรู้ความเป็นจริงของชีวิตของตัวเอง
การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นี้เขามาจากไหน วิญญาณไปอย่างไรใจของเรา พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผย มาจำแนกแจกแจงให้เจริญสติลงที่กายอบรมใจของเราจนชี้เหตุชี้ผลเห็นเหตุเห็นผลได้นั้นแหละ ท่านถึงบอกให้เชื่อการเกิด เกิดทางพุทธศาสนา เกิดทางกายเนื้อก็คือร่างกายของเราซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครองเรียกว่า ‘ใจ’ ของเรา
ทีนี้การเกิดทางด้านจิต วิญญาณ ทางด้านนามธรรม เกิดจากตัวจิตหรือว่าตัวใจโดยตรง หรือเกิดจากขันธ์ห้า อาการของใจที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดเขาเข้าไปรวมกัน ไปหลงรวมกันไปได้อย่างไรนี้แหละกำลังสติของเรามีไม่เพียงพอ ก็เลยไม่ค่อยจะเข้าถึงตรงนี้กันเท่าไหร่ ก็ได้แค่ทำบุญให้ทาน ละกิเลสได้เป็นบางครั้งบางคราว ทำอย่างไรเราถึงจะละได้ตลอดทุกสิ่งทุกอย่าง
บริหารกายบริหารใจของเราด้วยปัญญา อยู่ด้วยปัญญา ทำความเข้าใจด้วยปัญญา จะไปไหนมาไหนก็เป็นเรื่องของปัญญาพากายไปใจรับรู้ อะไรที่เป็นอกุศลเราก็ละเสีย อะไรที่เป็นกุศลเราก็พยายามเจริญให้มีให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี พยายามขยันหมั่นเพียรแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ถ้าเราสอนเราไม่ได้ ไม่มีใครจะสอนเราได้เลยนอกจากตัวของเราเอง
พระพุทธองค์ท่านก็ค้นพบเอามาเปิดเผยจำแนกแจกแจง ดำเนินอย่างนี้ ปฏิบัติอย่างนี้ ก็จะเข้าถึงตรงนี้อย่างนี้ พวกเราจะพากันปฏิบัติขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราได้หรือไม่เท่านั้นเอง กิเลสหยาบกิเลสละเอียด อะไรคือสมมติอะไรคือวิมุตติ คำว่า ‘อัตตา อนัตตา’ เป็นอย่างไร เราต้องรู้ต้องเห็นซึ่งมีอยู่ในกายของเราเป็นเรื่องของทุกคนทุกเรื่องในชีวิต ตั้งแต่ตื่นขึ้นกระทั่งนอนหลับจนกระทั่งหมดลมหายใจ
เรามีความเสียสละเรามีความเห็นแก่ตัวเราก็พยายามละความเห็นแก่ตัว เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร เรามีจิตใจที่แข็งกร้าวเราก็พยายามละความแข็งกร้าวสร้างความอ่อนโยนอ่อนน้อม มีสัจจะกับตัวเรา มีความจริงใจ มีความรับผิดชอบ ไม่ใช่ว่าจะเอาแต่ธรรมปฏิบัติแต่ธรรมสติก็ไม่รู้จัก เจริญขึ้นมาเอาไปใช้ มีตั้งแต่กิเลสเข้าเล่นงาน มีตั้งแต่ความหลงเข้าครอบคลุม
คนเรานี้จิตใจของคนเรานี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด แล้วก็มาเกิดอยู่ในภพมนุษย์แล้วก็มาหลงต่อ บางทีก็หลงในกุศลบ้างบางทีก็หลงในอกุศลบ้าง เพราะว่าใจไม่ได้อยู่ในความเป็นกลาง ใจไม่ได้อยู่ในความว่าง ใจยังไม่ได้คลายจากขันธ์ห้า ใจยังไม่ได้ปล่อยได้วาง ถึงใจปกติใจไม่มีกิเลสก็เป็นใจที่คว่ำอยู่ไม่ใช่ใจที่หงายขึ้นมา รู้ความเป็นจริง เราพยามยามหัดวิเคราะห์หัดสำรวจ หัดตรวจตราแก้ไขตัวเราทุกขณะจิตทุกขณะลมหายใจเข้าออก จนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ ในการแก้ไข ในการทำความเข้าใจ อะไรไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่ทำ อะไรซึ่งเป็นประโยชน์เราก็พยายามช่วยกันทำไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดสถานที่เปิดให้เราพยายามทำ
คิดดีก็เป็นบุญทำดีก็เป็นบุญ การกระทำของเราให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ อะไรที่จะนำทุกข์นำโทษมาให้เราก็พยายามหลีกเลี่ยง แล้วก็แก้ไขเสียให้อยู่ดีมีความสุขไปที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข ให้พยายามรีบสร้างหากำไรในกายก้อนนี้ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ อายุขัยในโลกมนุษย์มีไม่มากมีนิดเดียว เราอย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา ให้รีบตักตวงสร้างประโยชน์สร้างคุณงามความดีให้กับจิตกับใจกับกายก้อนนี้ให้ได้จนกว่าเขาจะหมดลมหายใจ
โอกาสเปิดแล้ว กาลเวลาเปิดแล้ว สถานที่เปิดแล้ว ให้พากันพยายามพากันวิเคราะห์พิจารณาแล้วก็เร่งสร้างคุณงามความดี สูงขึ้นไปก็เจริญสติให้เข้าไปดูรู้ใจแยกรูปแยกนามเดินปัญญาขั้นสูงละกิเลสให้หมด อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ