หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 95

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 95
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 95
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 95
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 31 สิงหาคม 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน พันธะภาระหน้าที่ต่างๆ ทางสมมติเราก็วางจากบ้านจากช่องมาแล้วที่นี้เรามาหยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ที่เกิดจากใจของเราด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเรารู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน อันนี้เป็นขึ้นพื้นฐานในการเจริญสติในการเจริญภาวนาเลยทีเดียว

ตั้งแต่ตื่นขึ้น เราสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องซึ่งเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ถ้าเรามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเราก็จะรู้ลึกลงไปอีก รู้ความปกติของใจ รู้ความเกิดความดับของใจซึ่งมีอยู่แล้ว รู้ความเกิดความดับของขันธ์ห้า ความคิดที่เราคิดอยู่ทุกวันนั่นแหละ ที่เราคิดนู่นคิดนี่อยู่ทุกวันนั่นแหละ เรามาสร้างความรู้ตัวตัวใหม่เข้าไปควบคุมความคิดตัวเก่า ไปอบรมความคิดตัวเก่าให้ช้าลง ให้เห็นตั้งแต่ต้นเหตุ แต่ส่วนมากกำลังสติของเราเจริญบ้าง สร้างบ้างไม่สร้างบ้างก็เลยรู้ไม่ทันตรงนั้น แต่ความคิดเก่าปัญญาเก่าที่เราเอาไปใช้มันช่ำชองกว่าเพราะว่าเขาเกิดมานาน เขาหลงมานาน ความเกิดนั่นแหละ คือความหลงอันละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ไม่คิดนั่นแหละ

แต่ความเกิดมันมีหลายชั้น เกิดทางกายเนื้อซึ่งเรียกว่า ‘ภพมนุษย์’ ที่นี้เกิดทางด้านจิตวิญญาณเกิดๆ ดับๆ เกิดตัวใจหรือว่าตัวจิตนั่นเกิดยังไม่พอ อาการของขันธ์ห้ามารวมกันเข้าไปอีก ใจก็เกิดความทะเยอทะยานอยากอีก ทั้งอยากทั้งไม่อยากทุกเรื่องจะปิดกั้นตัวใจเอาไว้หมด แม้แต่การก่อตัวแม้แต่นิดเดียวก็ปิดตัวใจเอาไว้ ท่านถึงให้เจริญสติเข้าไปอบรมใจ ควบคุมใจไม่ได้ช่วงใหม่ๆ เราก็ใช้สมถะอยู่กับลมหายใจหรือจะเอาคำบริกรรมเข้าไปกำกับ เพียงแค่ธรรมขั้นพื้นฐานให้เกิดความชำนาญ ให้เกิดความเคยชิน

ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่องเราก็จะเห็นการแยกการคลายตามทำความเข้าใจ เข้าใจความหมายภาษาธรรมภาษาโลก เข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์ให้ปรากฏขึ้นที่ใจ คำว่า ‘อัตตา-อนัตตา’ เป็นลักษณะอย่างนี้ ‘สมมติ-วิมุตติ’ เป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลสใจที่คลายจากขันธ์ห้ามันจะเห็นชัดเจนรู้ลักษณะที่ชัดเจน หมดความสงสัยหมดความลังเล ปัญญาต่างๆ ก็จะตามมา ถ้าเราเริ่มดำเนินต้นได้ถูกที่ถูกทาง

แต่เวลานี้เราอาจจะดำเนินต้นได้ถูกอยู่บ้าง แต่ยังไม่เห็นเพราะว่ากำลังสติของเรามีพลังไม่เพียงพอ ส่วนมากก็พลั้งเผลอ ชอบนึกคิดปรุงแต่งถึงจะฝักใฝ่ในธรรมปรารถนาอยากจะรู้ธรรม อันนี้ก็เป็นธรรมระดับของสมมติของโลกีย์ อยู่ในคุณงามความดีอยู่ในการสร้างตบะสร้างบารมีก็เป็นสิ่งที่ดี เราต้องยกระดับใจของเราให้สูงขึ้นไปอีก ยกระดับสติปัญญาของเราให้สูงขึ้นไปจนมองทะลุปรุโปร่งว่าเราจะไปอย่างไรมาอย่างไร กายเนื้อแตกดับจะไปอย่างไร การเกิดการดับ ถึงเกิดก็เกิดอยู่ในบุญในกุศลเอาไว้ไม่สูญหายไม่เสียหายไปไหน ก็พยายาม


ทุกคนเกิดมาก็ปรารถนาหาทางดับทุกข์หาทางหลุดพ้น อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลาเราก็ต้องพยายามกันไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี

ตื่นขึ้นมาก็รีบแก้ไขใจ รีบแก้ไขสมมติของเรา อะไรขาดตกบกพร่องเราก็รีบช่วยกันให้เกิดประโยชน์ให้มากมาย อย่าไปเกียจคร้าน อย่าสร้างความเกียจคร้านมาครอบงำตัวเรา แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความรับผิดชอบเพียงพอหรือไม่ เรามีความขยันเรามีความเสียสละ การกระทำของเราถึงพร้อมหรือเปล่า

เราอยู่กับคนหมู่น้อยหมู่มาก เราก็ต่างให้อภัยซึ่งกันและกันคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ใครมีหน้าที่อย่างไร ทุกคนมีหน้าที่หมด ช่วยกันหมด ดูแลทำความสะอาดที่พักที่อาศัยที่หลับที่นอนดูแลทำความสะอาดห้องส้วมห้องน้ำ ตรงไหนไม่ดีเราก็ช่วยกันทั้งฆราวาสทั้งพระทั้งชี ทำกับข้าวกับปลาทางโรงครัว ไม่ใช่ว่ามีตั้งแต่อยู่ในต่อหน้าขอข้าได้กินอิ่มหนำสำราญอย่างอื่นข้าไม่สนอย่างงั้นไม่ใช่

เราก็ต้องพยายามพิจารณาช่วยกัน มีอะไรเราก็ทำช่วยกัน กับข้าวกับปลามีเราก็ทำช่วยกันไม่ให้อดไม่ให้อยากจนล้นออกไปสู่พี่สู่น้อง ทำโรงทานใครมีความเสียสละก็ไปช่วยกัน ใครไม่มีก็พยายามแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราให้ติดเป็นนิสัย ความขยันมั่นเพียร ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความเสียสละสิ่งพวกนี้แหละเป็นตบะบารมีในการส่งใจของเราให้ขึ้นสู่ที่สูง การปล่อยการวางเราสละได้มากเท่าไหร่ใจของเราก็เบาบางได้มากขึ้นเท่านั้นแหละ ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่หนักไม่เอาเบาไม่สู้ เห็นงานหนักก็หลบๆ หลีกๆ

ถ้าคนมีสติมีปัญญาจะแก้ไขปรับปรุงทันที ไม่ปล่อยให้ผ่านเวลาไป เราจะได้กำไรชีวิต เราเป็นผู้ให้ผู้เสียสละผู้ช่วยเหลือ บังคับให้กิเลสละกิเลสขัดเกลากิเลสช่วยเหลือตัวเรา เราก็ช่วยเหลือคนอื่น อะไรที่ไม่ดีเราก็พยายามแก้ไขเสียขณะที่เรายังมีกำลังยังมีลมหายใจ สมมติอะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็พยายามดำเนินให้ดี สมมติที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ที่พักที่อาศัยปัจจัยสี่ โลกธรรมซึ่งมีอยู่รอบข้างเรา เราก็พยายามช่วยกันทำ

เอาล่ะ ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง