
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 60
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 60
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 60
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 1 มิถุนายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย ไม่ต้องพนมมือ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น
เราพยายามสร้างความรู้ตัว ให้เกิดความเคยชิน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ ยืนเดินนั่งนอน ให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ พยายามกระตุ้นความรู้ตัว ความรู้สึก พลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ แก้ไขใหม่ จนเอาสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาเอาไปใช้ เอาไปรู้เท่ารู้ทัน รู้ลักษณะของใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้การควบคุมใจ ควบคุมอารมณ์ จนกระทั่งสังเกตเห็น การก่อตัว การเกิด การเคลื่อนเข้าไปรวม ภาษาธรรมะ ซึ่งท่านเรียกว่า ‘ความหลง’
ความหลง ใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมกับขันธ์ห้าทำให้เกิดอัตตาตัวตน กายก็เลยหนัก ใจก็เลยหนัก ถ้าเราสังเกตเห็น สังเกตทัน เราก็จะเห็นใจคลายออกจากขันธ์ห้า หงายขึ้นมา นั่นแหละที่ท่านเรียกว่า ‘ความเห็นถูก-สัมมาทิฏฐิ’ ข้อแรกเลยทีเดียว
คนทั่วไปก็เห็นถูกอยู่ แต่เป็นความเห็นถูกระดับของสมมติ เห็นถูกอยู่ในคุณงามความดี เห็นถูกอยู่ในการสร้างบุญสร้างกุศล สร้างประโยชน์ในระดับของสมมติ อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศลแต่ความลึกๆ ใจยังไม่ได้คลายจากขันธ์ห้า ยังไม่ได้หงาย ยังไม่ได้แยก ก็ยังใจยังเกิด ใจยังหลงอยู่ เราอาจจะว่าเราไม่หลง เพราะว่าเรายังแยกไม่ได้
แม้ตั้งแต่การเจริญสติให้ต่อเนื่อง ถ้าเราทำให้ต่อเนื่องเราก็จะรู้ว่า ช่วงที่ผ่านมานั้นสติปัญญาเราเป็นแค่เพียงสติปัญญาระดับของสมมติ ประคับประคองไม่ให้สมมติได้วิปลาสเท่านั้นเอง
เราต้องพยายามค้นคว้า จำแนกแจกแจงแยกแยะ อันนี้ที่ใจ ใจปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ การละกิเลส เราละกิเลสได้มากได้น้อย กิเลสตัวไหนเราละได้เราก็รู้ ตัวไหนเราละยังไม่ได้ก็ พยายามละ พยายามขัดเกลา หมั่นสำรวจอยู่ตลอดเวลายืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ทุกอิริยาบถ อันนี้ส่วนรูป อันนี้ส่วนนาม เราอย่าไปปล่อยปละละเลย ถึงเราไม่เข้าใจ เราก็ต้องพยายาม
ช่วงใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืน เป็นการทวนกระแส เพราะจิตของคนเราชอบคิด ชอบเที่ยว ชอบปรุง ชอบแต่ง ชอบแสวงหากิเลส แสวงหาสิ่งต่างๆ เรามาดับ มาละ มาชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล แล้วก็ค่อยละ จากน้อยๆ ไปหามากๆ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จะเอาจะมีจะเป็น ก็เป็นการบริหารด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติ ด้วยปัญญา
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านวางเอาไว้หมด ตั้งแต่ ทานศีลสมาธิ การเจริญสติ การเข้าสู่แนวทางหนทางที่ถูกต้อง คือการคลายความหลง แยกรูปแยกนามให้ได้เสียก่อน เพียงแค่ใจคลายออกจากขันธ์ห้า เพียงแค่เริ่มต้นเห็นถูก การทำความเข้าใจ การละอีก
แต่ละวันเรามีความขยันหมั่นเพียร เพียงพอหรือไม่ เรามีความเสียสละ เรามีความอดทน อดกลั้น นี่แหละพวกนี้แหละเป็นตบะอย่างแรงกล้าเลยทีเดียว อดทนอดกลั้นจากกิเลส จากภายนอกทำให้เกิด หรือว่าเกิดจากภายใน ถ้าเราไม่แก้ไขเรา ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย ถึงจะไปอยู่ที่ไหนก็ช่าง ถ้าเราไม่รู้จักแก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเรา บังคับตัวเรา หมั่นพร่ำสอนใจของเรา ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติปัญญา อยู่ตลอดเวลา ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ถ้าบุคคลทำได้อย่างนี้ สักวันหนึ่งใจก็จะเข้าถึงความสะอาด ความบริสุทธิ์
แต่การสร้างบุญสร้างบารมีระดับสมมตินั้นพวกเรามีโอกาสได้สร้างร่วมกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบุญระดับสมมติ สร้างพระบ้าง สร้างวิหารบ้าง สร้างเจดีย์บ้าง อันนี้คือบุญระดับของสมมติที่ยังกองบุญเอาไว้ให้กับแผ่นดิน หลวงพ่อก็พาทำอยู่ตลอด ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในประเทศของเรา เราก็มีโอกาสได้ทำ จะว่าไม่ทำ ทำมากทำน้อยก็เป็นโอกาสของพวกเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย หมั่นสร้างสะสมคุณงามความดี จากน้อยๆ ไปหามากๆ เดี๋ยวก็เต็มเปี่ยม
หลวงพ่อก็ขออนุโมทนาในบุญกุศลของทุกคน ทั้งเหล่ามนุษย์ที่มีกายเนื้อ ทั้งเหล่าเทวดาที่มีกายทิพย์ มาร่วมกัน มาร่วมกันมายังประโยชน์ให้เกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ จะได้เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า จะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานเอาไว้ พวกเราก็มีโอกาสได้ช่วยกัน หนักเอาเบาสู้
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา การชำระกิเลสภายในเราก็ชำระ การยังประโยชน์สมมติเราก็ทำ อะไรที่จะเป็นอกุศล อะไรที่จะนำความเดือดร้อนมาให้ เราก็พยายามห่างไกล พยายามละพยายามขัดพยายามเกลา พยายามทำความเข้าใจกับชีวิตของเราขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญเรื่องบาป
ทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เรารีบทำขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ ให้แก้ไขขณะที่เรายังมีกำลังกายอยู่ ขณะที่มีกายเนื้อเราก็แก้ไขได้ แก้ไขทั้งจิตใจวิญญาณ ทั้งแก้ไขสมมติ ถ้ากายเนื้อแตกดับแล้วก็มีตั้งแต่อานิสงส์แห่งบุญ อานิสงส์แห่งกรรมที่เราสร้างมาไว้ ถ้าใจของเรายังเกิดอยู่ ยังละไม่ได้หมดจดก็ขอให้อยู่ในกองบุญ กองกุศลเอาไว้ ไม่สูญหายไปไหน เพราะว่าคนเราเกิดมาเท่าไหร่ก็ตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว เพราะว่ามีความเกิด มีความตาย ถ้าไม่อยากตายก็ต้องดับความเกิด
ขณะนี้เวลานี้เราเกิดมาอยู่ในภพมนุษย์ซึ่งมองด้วยตาเนื้อ แล้วก็การเกิดทางด้านจิตวิญญาณหรือทางด้านใจของเรานั่นเกิดอยู่ตลอดเวลา การทำความเข้าใจกับสมมติเราก็ทำความเข้าใจทีนี้เราก็ไปดับความเกิดทางด้านจิตวิญญาณ ภพมนุษย์หมดอายุขัย กายเนื้อแตกดับ ใจของเราก็ถ้าดับความเกิดได้ก็ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
แต่เวลาเขาเกิด เขาทั้งเกิดทั้งหลง ทั้งยึด ทั้งเป็นทาสกิเลส เราต้องมาคอยสะสางกิเลส ออกจากใจของเรา เราก็ต้องมาคอยอบรมใจของเรา อย่างน้อยๆ ก็ให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ ถึงเราละไม่ได้เด็ดขาดก็จะไปต่อเอาภพหน้า วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนนี้มี เดือนหน้ามี
ก็ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมกันยังประโยชน์เอาไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ หรือว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าโอกาสพร้อม กาลเวลาเปิด ก็ให้รีบทำ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 1 มิถุนายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย ไม่ต้องพนมมือ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น
เราพยายามสร้างความรู้ตัว ให้เกิดความเคยชิน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ ยืนเดินนั่งนอน ให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ พยายามกระตุ้นความรู้ตัว ความรู้สึก พลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ แก้ไขใหม่ จนเอาสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาเอาไปใช้ เอาไปรู้เท่ารู้ทัน รู้ลักษณะของใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้การควบคุมใจ ควบคุมอารมณ์ จนกระทั่งสังเกตเห็น การก่อตัว การเกิด การเคลื่อนเข้าไปรวม ภาษาธรรมะ ซึ่งท่านเรียกว่า ‘ความหลง’
ความหลง ใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมกับขันธ์ห้าทำให้เกิดอัตตาตัวตน กายก็เลยหนัก ใจก็เลยหนัก ถ้าเราสังเกตเห็น สังเกตทัน เราก็จะเห็นใจคลายออกจากขันธ์ห้า หงายขึ้นมา นั่นแหละที่ท่านเรียกว่า ‘ความเห็นถูก-สัมมาทิฏฐิ’ ข้อแรกเลยทีเดียว
คนทั่วไปก็เห็นถูกอยู่ แต่เป็นความเห็นถูกระดับของสมมติ เห็นถูกอยู่ในคุณงามความดี เห็นถูกอยู่ในการสร้างบุญสร้างกุศล สร้างประโยชน์ในระดับของสมมติ อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศลแต่ความลึกๆ ใจยังไม่ได้คลายจากขันธ์ห้า ยังไม่ได้หงาย ยังไม่ได้แยก ก็ยังใจยังเกิด ใจยังหลงอยู่ เราอาจจะว่าเราไม่หลง เพราะว่าเรายังแยกไม่ได้
แม้ตั้งแต่การเจริญสติให้ต่อเนื่อง ถ้าเราทำให้ต่อเนื่องเราก็จะรู้ว่า ช่วงที่ผ่านมานั้นสติปัญญาเราเป็นแค่เพียงสติปัญญาระดับของสมมติ ประคับประคองไม่ให้สมมติได้วิปลาสเท่านั้นเอง
เราต้องพยายามค้นคว้า จำแนกแจกแจงแยกแยะ อันนี้ที่ใจ ใจปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ การละกิเลส เราละกิเลสได้มากได้น้อย กิเลสตัวไหนเราละได้เราก็รู้ ตัวไหนเราละยังไม่ได้ก็ พยายามละ พยายามขัดเกลา หมั่นสำรวจอยู่ตลอดเวลายืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ทุกอิริยาบถ อันนี้ส่วนรูป อันนี้ส่วนนาม เราอย่าไปปล่อยปละละเลย ถึงเราไม่เข้าใจ เราก็ต้องพยายาม
ช่วงใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นการฝืน เป็นการทวนกระแส เพราะจิตของคนเราชอบคิด ชอบเที่ยว ชอบปรุง ชอบแต่ง ชอบแสวงหากิเลส แสวงหาสิ่งต่างๆ เรามาดับ มาละ มาชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล แล้วก็ค่อยละ จากน้อยๆ ไปหามากๆ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา จะเอาจะมีจะเป็น ก็เป็นการบริหารด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติ ด้วยปัญญา
แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านวางเอาไว้หมด ตั้งแต่ ทานศีลสมาธิ การเจริญสติ การเข้าสู่แนวทางหนทางที่ถูกต้อง คือการคลายความหลง แยกรูปแยกนามให้ได้เสียก่อน เพียงแค่ใจคลายออกจากขันธ์ห้า เพียงแค่เริ่มต้นเห็นถูก การทำความเข้าใจ การละอีก
แต่ละวันเรามีความขยันหมั่นเพียร เพียงพอหรือไม่ เรามีความเสียสละ เรามีความอดทน อดกลั้น นี่แหละพวกนี้แหละเป็นตบะอย่างแรงกล้าเลยทีเดียว อดทนอดกลั้นจากกิเลส จากภายนอกทำให้เกิด หรือว่าเกิดจากภายใน ถ้าเราไม่แก้ไขเรา ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย ถึงจะไปอยู่ที่ไหนก็ช่าง ถ้าเราไม่รู้จักแก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเรา บังคับตัวเรา หมั่นพร่ำสอนใจของเรา ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติปัญญา อยู่ตลอดเวลา ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ถ้าบุคคลทำได้อย่างนี้ สักวันหนึ่งใจก็จะเข้าถึงความสะอาด ความบริสุทธิ์
แต่การสร้างบุญสร้างบารมีระดับสมมตินั้นพวกเรามีโอกาสได้สร้างร่วมกัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบุญระดับสมมติ สร้างพระบ้าง สร้างวิหารบ้าง สร้างเจดีย์บ้าง อันนี้คือบุญระดับของสมมติที่ยังกองบุญเอาไว้ให้กับแผ่นดิน หลวงพ่อก็พาทำอยู่ตลอด ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในประเทศของเรา เราก็มีโอกาสได้ทำ จะว่าไม่ทำ ทำมากทำน้อยก็เป็นโอกาสของพวกเรา เห็นคนอื่นทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย หมั่นสร้างสะสมคุณงามความดี จากน้อยๆ ไปหามากๆ เดี๋ยวก็เต็มเปี่ยม
หลวงพ่อก็ขออนุโมทนาในบุญกุศลของทุกคน ทั้งเหล่ามนุษย์ที่มีกายเนื้อ ทั้งเหล่าเทวดาที่มีกายทิพย์ มาร่วมกัน มาร่วมกันมายังประโยชน์ให้เกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ จะได้เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า จะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานเอาไว้ พวกเราก็มีโอกาสได้ช่วยกัน หนักเอาเบาสู้
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา การชำระกิเลสภายในเราก็ชำระ การยังประโยชน์สมมติเราก็ทำ อะไรที่จะเป็นอกุศล อะไรที่จะนำความเดือดร้อนมาให้ เราก็พยายามห่างไกล พยายามละพยายามขัดพยายามเกลา พยายามทำความเข้าใจกับชีวิตของเราขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ ถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญเรื่องบาป
ทุกสิ่งทุกอย่าง ให้เรารีบทำขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ ให้แก้ไขขณะที่เรายังมีกำลังกายอยู่ ขณะที่มีกายเนื้อเราก็แก้ไขได้ แก้ไขทั้งจิตใจวิญญาณ ทั้งแก้ไขสมมติ ถ้ากายเนื้อแตกดับแล้วก็มีตั้งแต่อานิสงส์แห่งบุญ อานิสงส์แห่งกรรมที่เราสร้างมาไว้ ถ้าใจของเรายังเกิดอยู่ ยังละไม่ได้หมดจดก็ขอให้อยู่ในกองบุญ กองกุศลเอาไว้ ไม่สูญหายไปไหน เพราะว่าคนเราเกิดมาเท่าไหร่ก็ตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว เพราะว่ามีความเกิด มีความตาย ถ้าไม่อยากตายก็ต้องดับความเกิด
ขณะนี้เวลานี้เราเกิดมาอยู่ในภพมนุษย์ซึ่งมองด้วยตาเนื้อ แล้วก็การเกิดทางด้านจิตวิญญาณหรือทางด้านใจของเรานั่นเกิดอยู่ตลอดเวลา การทำความเข้าใจกับสมมติเราก็ทำความเข้าใจทีนี้เราก็ไปดับความเกิดทางด้านจิตวิญญาณ ภพมนุษย์หมดอายุขัย กายเนื้อแตกดับ ใจของเราก็ถ้าดับความเกิดได้ก็ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
แต่เวลาเขาเกิด เขาทั้งเกิดทั้งหลง ทั้งยึด ทั้งเป็นทาสกิเลส เราต้องมาคอยสะสางกิเลส ออกจากใจของเรา เราก็ต้องมาคอยอบรมใจของเรา อย่างน้อยๆ ก็ให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ ถึงเราละไม่ได้เด็ดขาดก็จะไปต่อเอาภพหน้า วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนนี้มี เดือนหน้ามี
ก็ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมกันยังประโยชน์เอาไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ หรือว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าโอกาสพร้อม กาลเวลาเปิด ก็ให้รีบทำ
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ