หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 42
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 42
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 42
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 22 เมษายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทั้งลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ เราพยายามสร้างความรู้ตัว แล้วก็ทำความเข้าใจ การเจริญสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ แล้วก็ความสืบต่อ ความต่อเนื่องความรู้เขาเรียก ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม รู้กาย รู้ลมหายใจเขาเรียกว่า ‘รู้กาย’
ส่วนการเกิดของใจนั้นเขาเกิดอยู่ การเกิดของขันธ์ห้าซึ่งเป็นส่วนของนามธรรม ใจกับอาการของใจหรือว่าอาการของขันธ์ห้า อันนั้นเขาเรียกว่า ‘ส่วนนาม’ กายเขาเรียกว่า ‘ส่วนรูป’ ส่วนรูปนี้ก็เกิดมานาน ตั้งแต่เป็นเด็กพัฒนาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ปรับสภาพเปลี่ยนสภาพหรือว่าเสื่อมจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นคนชรา คนชราคนแก่ คนชราคร่ำคร่า เขาเรียกว่า ‘ความเสื่อม’ มีปรากฏกันทุกคน แต่เราขาดการวิเคราะห์ ขาดการสังเกตก็เลยไม่ได้ทำความเข้าใจ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เพียงแค่การเสื่อมทางด้านรูปกายพวกเราก็ขาดการพิจารณา ยิ่งเป็นส่วนนามธรรม ความคิด อารมณ์ต่างๆ ถ้าไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่องจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าถึง ก็ยากที่จะทำความเข้าใจตรงนั้นได้
แต่ในภาพรวมศรัทธามีกันเต็มเปี่ยม การฝักใฝ่ การสนใจ การปฏิบัติอยู่ในระดับของสมมติ มีกันเต็มเปี่ยม แต่ระดับของวิมุตติ การเกิดการดับ ต้นเหตุสาเหตุ การแยกการคลาย การดับการละ การทำ ดูรู้เรื่องอัตตาอนัตตา รู้เรื่องสมมติวิมุตติ เห็น เห็นลักษณะหน้าตาอาการ แล้วก็ตามทำความเข้าใจภาษาธรรมภาษาโลก ทำความเข้าใจให้ถูกต้องตรงนี้แหละไม่ค่อยจะชำนาญการเท่าไหร่ เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่องแค่นี้ก็ยังยากลำบาก นาทีหนึ่ง 2 นาที 5 นาที 10 นาที เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี
แต่ละวัน ความรู้ตัวของเราเชื่อมโยงกันได้สัก 5 นาทีหรือไม่ เวลาวันหนึ่งที่เรามีสติกับไม่มีสติอะไรมันเยอะกว่ากัน เราจะประหัตประหารกิเลสได้หรือไม่ล่ะในเมื่อกำลังสติของเรามีไม่เพียงพอ ก็ต้องพยายามกันนะ ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี ทุกคนเกิดมาก็เพื่อที่จะแสวงหาความหลุดพ้น เพื่อที่จะแสวงหาความดับทุกข์ความหลุดพ้น ผิดพลาดพลั้งเผลอเริ่มใหม่ ผิดพลาดพลั้งเผลอเริ่มใหม่ แก้ไขใหม่ หมั่นเจริญสติอบรมใจ พิจารณาใจอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน นอกจากจะนอนหลับตื่นขึ้นมาเอาใหม่ กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร การแยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากใจเป็นลักษณะอย่างไร ภาษาธรรมสักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ เป็นลักษณะอย่างไร
ความเกิดความดับ เกิดทางด้านกายเนื้อคือร่างกายของเรานี้เขาเรียกว่า ‘ภพมนุษย์’ หมดลมหายใจนั่นแหละถึงจะได้ทิ้งส่วนรูป ส่วนความเกิดความดับของด้านจิตวิญญาณเขาเกิดอยู่ตลอดเวลา นี่แหละไม่อยากเกิดก็ต้องสะสางดับความเกิดตรงนี้ให้ได้ ละกิเลสให้ได้ ทั้งเกิดด้วย ทั้งเป็นทาสกิเลสด้วย ทั้งหลงด้วย
เราอาจจะว่าเราไม่หลง นอกจากบุคคลที่เจริญสติให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงแล้วก็วิเคราะห์ เห็นทำความเข้าใจได้จริงๆ ถึงจะรู้ว่าเราหลง เราอาจจะไม่หลงอยู่ในระดับของสมมติแต่ในหลักธรรมและยังหลงอยู่ ตราบใดที่มีการเกิด เพียงแค่ความเกิดของจิตวิญญาณเขาเรียกว่า ‘ความหลง’ หลงอันละเอียดปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แต่เป็นทาสของกิเลสอีก ถึงเป็นกิเลสก็ขอให้เป็นกิเลสฝ่ายกุศล ให้อยู่ในคุณงามความดี
คนเราหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญเรื่องบาป ใครได้สร้างกุศลไว้มากกุศลก็เป็นวิบากกรรมนำทาง ตราบใดที่ใจยังไม่หลุดพ้น ถ้าสร้างอกุศลพวกอกุศลก็เป็นวิบากกรรมนำทาง วิบากกรรมตัวไหนจะแรง เราจงมาบริหารกายบริหารใจไม่ให้กรรมเป็นตัวบริหาร เราบริหารด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล อยู่เหนือบุญเหนือบาปเหนือกรรม สนุกสร้างบุญ ทำใจให้เป็นบุญทำกายให้เป็นบุญ ทำใจให้เป็นวัด ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่ตลอดเวลา มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข เรื่องทุกเรื่องเป็นเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
สมมติภายนอกอะไรไม่ดี เราก็พยายามละ อะไรที่มันดีเรา ก็พยายามเจริญทำให้มีให้เกิดขึ้น ยังประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ฝากเอาไว้ในสมมติ ประโยชน์ในโลกหน้า ความบริสุทธิ์ของใจเดี๋ยวก็ตามมา
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 22 เมษายน 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสทั้งลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ เราพยายามสร้างความรู้ตัว แล้วก็ทำความเข้าใจ การเจริญสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ แล้วก็ความสืบต่อ ความต่อเนื่องความรู้เขาเรียก ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม รู้กาย รู้ลมหายใจเขาเรียกว่า ‘รู้กาย’
ส่วนการเกิดของใจนั้นเขาเกิดอยู่ การเกิดของขันธ์ห้าซึ่งเป็นส่วนของนามธรรม ใจกับอาการของใจหรือว่าอาการของขันธ์ห้า อันนั้นเขาเรียกว่า ‘ส่วนนาม’ กายเขาเรียกว่า ‘ส่วนรูป’ ส่วนรูปนี้ก็เกิดมานาน ตั้งแต่เป็นเด็กพัฒนาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ปรับสภาพเปลี่ยนสภาพหรือว่าเสื่อมจากเด็กเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่เป็นคนชรา คนชราคนแก่ คนชราคร่ำคร่า เขาเรียกว่า ‘ความเสื่อม’ มีปรากฏกันทุกคน แต่เราขาดการวิเคราะห์ ขาดการสังเกตก็เลยไม่ได้ทำความเข้าใจ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เพียงแค่การเสื่อมทางด้านรูปกายพวกเราก็ขาดการพิจารณา ยิ่งเป็นส่วนนามธรรม ความคิด อารมณ์ต่างๆ ถ้าไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่องจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าถึง ก็ยากที่จะทำความเข้าใจตรงนั้นได้
แต่ในภาพรวมศรัทธามีกันเต็มเปี่ยม การฝักใฝ่ การสนใจ การปฏิบัติอยู่ในระดับของสมมติ มีกันเต็มเปี่ยม แต่ระดับของวิมุตติ การเกิดการดับ ต้นเหตุสาเหตุ การแยกการคลาย การดับการละ การทำ ดูรู้เรื่องอัตตาอนัตตา รู้เรื่องสมมติวิมุตติ เห็น เห็นลักษณะหน้าตาอาการ แล้วก็ตามทำความเข้าใจภาษาธรรมภาษาโลก ทำความเข้าใจให้ถูกต้องตรงนี้แหละไม่ค่อยจะชำนาญการเท่าไหร่ เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่องแค่นี้ก็ยังยากลำบาก นาทีหนึ่ง 2 นาที 5 นาที 10 นาที เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี
แต่ละวัน ความรู้ตัวของเราเชื่อมโยงกันได้สัก 5 นาทีหรือไม่ เวลาวันหนึ่งที่เรามีสติกับไม่มีสติอะไรมันเยอะกว่ากัน เราจะประหัตประหารกิเลสได้หรือไม่ล่ะในเมื่อกำลังสติของเรามีไม่เพียงพอ ก็ต้องพยายามกันนะ ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี ทุกคนเกิดมาก็เพื่อที่จะแสวงหาความหลุดพ้น เพื่อที่จะแสวงหาความดับทุกข์ความหลุดพ้น ผิดพลาดพลั้งเผลอเริ่มใหม่ ผิดพลาดพลั้งเผลอเริ่มใหม่ แก้ไขใหม่ หมั่นเจริญสติอบรมใจ พิจารณาใจอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน นอกจากจะนอนหลับตื่นขึ้นมาเอาใหม่ กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร การแยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากใจเป็นลักษณะอย่างไร ภาษาธรรมสักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ เป็นลักษณะอย่างไร
ความเกิดความดับ เกิดทางด้านกายเนื้อคือร่างกายของเรานี้เขาเรียกว่า ‘ภพมนุษย์’ หมดลมหายใจนั่นแหละถึงจะได้ทิ้งส่วนรูป ส่วนความเกิดความดับของด้านจิตวิญญาณเขาเกิดอยู่ตลอดเวลา นี่แหละไม่อยากเกิดก็ต้องสะสางดับความเกิดตรงนี้ให้ได้ ละกิเลสให้ได้ ทั้งเกิดด้วย ทั้งเป็นทาสกิเลสด้วย ทั้งหลงด้วย
เราอาจจะว่าเราไม่หลง นอกจากบุคคลที่เจริญสติให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงแล้วก็วิเคราะห์ เห็นทำความเข้าใจได้จริงๆ ถึงจะรู้ว่าเราหลง เราอาจจะไม่หลงอยู่ในระดับของสมมติแต่ในหลักธรรมและยังหลงอยู่ ตราบใดที่มีการเกิด เพียงแค่ความเกิดของจิตวิญญาณเขาเรียกว่า ‘ความหลง’ หลงอันละเอียดปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แต่เป็นทาสของกิเลสอีก ถึงเป็นกิเลสก็ขอให้เป็นกิเลสฝ่ายกุศล ให้อยู่ในคุณงามความดี
คนเราหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญเรื่องบาป ใครได้สร้างกุศลไว้มากกุศลก็เป็นวิบากกรรมนำทาง ตราบใดที่ใจยังไม่หลุดพ้น ถ้าสร้างอกุศลพวกอกุศลก็เป็นวิบากกรรมนำทาง วิบากกรรมตัวไหนจะแรง เราจงมาบริหารกายบริหารใจไม่ให้กรรมเป็นตัวบริหาร เราบริหารด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล อยู่เหนือบุญเหนือบาปเหนือกรรม สนุกสร้างบุญ ทำใจให้เป็นบุญทำกายให้เป็นบุญ ทำใจให้เป็นวัด ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่ตลอดเวลา มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข เรื่องทุกเรื่องเป็นเรื่องของเราไม่ใช่เรื่องของคนอื่น
สมมติภายนอกอะไรไม่ดี เราก็พยายามละ อะไรที่มันดีเรา ก็พยายามเจริญทำให้มีให้เกิดขึ้น ยังประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ฝากเอาไว้ในสมมติ ประโยชน์ในโลกหน้า ความบริสุทธิ์ของใจเดี๋ยวก็ตามมา
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ